ตอนที่ 2540

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,540 : ยอดฝีมือที่แหวกมิติมาปรากฏ!

 

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

 

แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ หลงเจิ้นกั๋วกับขุนพลทั้ง 10 อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าลึกๆ

 

พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลย

 

ว่าที่ต้วนหลิงเทียนทำทั้งหมด เพียงเพราะต้องการให้ประเทศจีนก้าวออกมาจากเวทีโลกทั้งระบบสุริยะ เพื่อขึ้นสู่เวทีใหญ่ระดับดาราจักรทางช้างเผือก!!

 

อีกทั้งยังหาหนทางทำให้ประเทศจีนกลายเป็นขุมพลังใหญ่ขุมที่ 11 ที่ไม่ด้อยไปกว่าใครในดาราจักรทางช้างเผือก!

 

“ถึงเรื่องนี้จะยากเย็นไม่เบา…แต่ตระกูลปาร์คของพวกเราจะพยายามสุดกำลัง!”

 

หลังจากที่ได้ฟังคำของต้วนหลิงเทียนแล้ว ผู้นำตระกูลอย่างเรย์ลินก็นิ่งคิดไปหน้าเครียดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบรับออกมาฉะฉาน

 

ตัวมันย่อมรู้ดีว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสั่งให้ทำมันยากเย็นขนาดไหน แต่ในเมื่อพวกมันไร้หนทางเลือกอื่น ก็จำต้องยอมรับและพยายามสุดใจขาดดิ้นเท่านั้น

 

เว้นเสียแต่มันจะยอมตาย และระดับสูงของตระกูลทั้งหมดก็ยอมตายเหมือนมัน…

 

“แค่นี้ก็พอ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับเบาๆ จากนั้นค่อยหันไปมองหลงเจิ้นกั๋วและพูดว่า “ครูฝึกหลง ท่านกับทุกคนอยู่ที่นี่เพื่อหารือรายละเอียดกับพวกมันก่อนแล้วกัน…และหากนัดหมายดำเนินการกันได้แล้ว ค่อยให้พวกมันพากลับไปโลก”

 

“ด้วยความเร็วของเรือรบระดับเหนือชั้นที่พวกมันมี จะพาทุกคนกลับไปที่โลกก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน คนตระกูลปาร์ครอบๆอดไม่ได้ที่จะหน้าสั่น

 

นั่นมันเรือรบระดับเหนือชั้นนะ!

 

แต่ตอนนี้พอฟังคำพูดของผู้ฝึกตนคนนี้ ทำไมพวกมันรู้สึกว่าเรือรบที่ดีที่สุดเท่าที่พวกมันมี เป็นได้แค่ยานขนส่ง?

 

“หลิงเทียน ขอบคุณทุกสิ่งที่เธอทำเพื่อประเทศของเรา!”

 

หลงเจิ้นกั๋วพลันลุกขึ้นมายืนตัวตรงก่อนที่จะทำวันทยหัตถ์ เพื่อแสดงความเคารพต่อต้วนหลิงเทียน

 

พร้อมกันนั้น ด้านขุนพลทั้ง 10 ของหลงเจิ้นกั๋วก็ลุกขึ้นตะเบ๊ะให้ต้วนหลิงเทียนเช่นกัน!

 

เรียกว่าสายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ไม่เพียงนับถือเลื่อมไส ยังเต็มไปด้วยความเคารพหมดใจ!

 

ก่อนหน้าเอาแค่ต้วนหลิงเทียนใช้พลังทำให้พวกมันเดินทางท่องอวกาศได้ทั้งตัวเปล่า พวกมันก็ตกใจกับความสามารถของต้วนหลิงเทียนมากแล้ว

 

แต่ต่อมาพวกมันค่อยได้รู้ว่า

 

สิ่งนั้นเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเล็กๆของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น…

 

ตระกูลปาร์ค 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของดาราจักรทางช้างเผือก ถึงแม้จะใช้อาวุธที่ทรงพลังที่สุดอย่าง เรือรบระดับเหนือชั้น แต่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนกลับไม่ต่างอะไรจากของเด็กเล่นก๊องแก๊ง…

 

ต้องทราบด้วยว่านั่นคือไพ่ตายของหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดาราจักรทางช้างเผือก เรือรบระดับเหนือชั้น! ไม่ใช่เรือแจวกิ๊กก๊อก!!

 

กล่าวอีกอย่างได้ว่า..

 

ด้วยความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ คิดจะยึดครองทั้งดาราจักรทางช้างเผือก ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก

 

“ครูฝึกหลง…ผมเองก็เป็นคนจีนเหมือนกัน”

 

หลังจากที่ยิ้มกล่าวกับครูฝึกหลงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปชวนถังเซี่ยวเซี่ยว ก่อนที่จะเหินร่างจากไปโดยไม่สิ้นเปลืองคำอำลาใดๆให้มากความ…

 

ทั้งคู่เมื่อออกจากตระกูลปาร์ค ก็พุ่งออกจากดาวลีซเซอร์ทันที

 

“ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้ายามนี้ คิดบีบบังคับ 10 ตระกูลใหญ่ของดาราจักรทางช้างเผือกให้ยอมจำนนต่อประเทศจีนบนโลกเลยก็ได้นี่นา…แล้วไฉนเจ้าต้องถึงทำให้เรื่องมันยุ่งยากอย่างให้ตระกูลปาร์คใช้เวลาร้อยปีสนับสนุนประเทศจีนของเจ้าจนเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของดาราจักรทางช้างเผือกเช่นนี้ด้วย?”

 

หลังออกจากดาวลีซเซอร์แล้ว ถังเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา

 

เพราะในความคิดของนาง

 

ความความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ คิดให้ประเทศจีนของโลกครอบครองทั้งดาราจักรทางช้างเผือกก็เป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก

 

“ก็ใช่หากข้าใช้กำลังบีบคั้น…ก็ทำให้ประเทศจีนของข้าเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดาราจักรทางช้างเผือกได้ง่ายๆ…แต่หลังจากนั้นล่ะ?”

 

ได้ยินคำถามของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนพลางส่ายหัวไปมาเบาๆ “จิตใจคนเราล้วนเต็มไปด้วยความโลภและไม่รู้จักพอ…หากประเทศจีนของโลกครอบครองดาราจักรทางช้างเผือกได้แล้ว ไม่พ้นต้องขวนขวายหาวิธีขยายอำนาจออกไปยังดาราจักรใกล้เคียงแน่นอน เพราะอย่างไรขึ้นชื่อว่าทรัพยากร ไม่มีใครรังเกียจเรื่องที่จะมีมากขึ้น…”

 

“ข้าสามารถบีบบังคับให้ดาราจักรทางช้างเผือกยอมจำนนต่อประเทศจีนของโลกได้…แต่ข้าจะทำให้ทุกดาราจักรในระนาบเหยียนหวงยอมจำนนได้หรือ? และต่อให้ข้าจะทำได้จริงๆ…ข้าก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำอะไรแบบนั้น…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ “เช่นนั้นแล้ว มีแต่ทำแบบนี้ถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…”

 

“ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงทำให้ประเทศจีนบนโลกค่อยๆวางรากฐานจนกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของดาราจักรทางช้างเผือก…แต่ยังทำให้ประเทศอื่นบนโลก บังเกิดความกดดัน และพยายามขวนขวายที่จะไล่ตามจีนให้ทัน…”

 

“สุดท้ายไม่เพียงแต่จีนเท่านั้น แต่ทั้งโลกก็จะค่อยๆก้าวหน้าขึ้นทีละก้าวๆอย่างมั่นคง…ต่อจากนั้นเรื่องที่จะบุกเบิกไปดาราจักรอื่นหรือไม่ ก็ต้องดูว่าสามารถก้าวข้ามดาราจักรทางช้างเผือกได้หรือไม่เสียก่อน แบบนี้เจ้าว่ามันยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดอีกหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมายืดยาวจบคำ ค่อยหันไปมองถามถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยรอยยิ้ม

 

“อื๊อ ทำแบบที่เจ้าว่าก็ดีกว่าจริงๆ”

 

ได้ยินคำอธิบายของต้วนหลิงเทียน ถังเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

 

“แต่ว่า…”

 

หลังจากนั้นคล้ายนึกอะไรได้ ถังเซี่ยวเซี่ยวพลันกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย “เจ้าทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าครูฝึกหลงของเจ้า จะบังเกิดความรู้สึกน้อยใจหรือไร? เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ได้เห็นพลังความแข็งแกร่งของเจ้ากับตา ว่ามากพอจะยึดครองดาราจักรทางช้างเผือกได้ง่ายๆ…และสามารถช่วยจีนให้เป็นจ้าวปกครองสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของดาราจักรทางช้างเผือกได้ทันทีที่ต้องการ…”

 

“เจ้าก็เป็นคนพูดไว้เองนี่…ว่าใจคนเรามากล้นไปด้วยความโลภ ไม่รู้จักพอ…”

 

ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าว

 

“ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “ครูฝึกหลงเป็นคนยังไงข้ารู้ดี…ท่านเป็นคนที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ใช้ชีวิตสมถะและมีความสุขกับเรื่องเรียบง่าย อีกทั้งด้วยวิสัยทัศน์ของครูฝึกหลง ข้าเชื่อว่าท่านสมควรล่วงรู้เจตนาข้าตั้งแต่ที่ข้ากล่าวเงื่อนไขแบบนี้ออกไปกับคนของตระกูลปาร์คด้วยซ้ำ…”

 

“เจ้าหมายความว่า…เขาล่วงรู้ว่าเจ้าหวังดีแต่แรกเลย?”

 

ถังเซี่ยวเซี่ยววประหลาดใจเล็กน้อย

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

และความจริงก็พิสูจน์ว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนคิด มันไม่ผิดแม้แต่น้อย!

 

เพราะหลังจากที่เขากับถังเซี่ยวเซี่ยวจากไป ด้านหลงเจิ้นกั๋วรวมถึงขุนพลทั้ง 10 ก็ได้ถูกคนของตระกูลปาร์คจัดหาที่พักให้ โดยมอบปราสาทย่อยอันหรูหราไปเลยทั้งหลัง หมายให้ทั้งหมดพักผ่อนก่อนค่อยคุยเรื่องต่างๆกันพรุ่งนี้…

 

อย่างไรก็ตามหลงเจิ้นกั๋วกับขุนพลทั้ง 10 ไม่รีบพักผ่อนแต่อย่างใด

 

ขุนพลทั้ง 10 และหลงเจิ้นกั๋วได้มารวมตัวกันในห้องโถงกลางของปราสาท

 

“หัวหน้า…ด้วยพลังของรุ่นพี่หลิงเทียนอดีตหมาป่าโลหิตตอนนี้…ถึงจะช่วยให้จีนยึดครองทั้งดาราจักรทางช้างเผือกเลยทันทีก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่นา แล้วทำไมรุ่นพี่เขาไม่ทำแบบนั้นไปเลยล่ะครับ?”

 

หนึ่งในเหล่าขุนพลทั้ง 10 ของหลงเจิ้นกั๋ว ที่ประจักษ์พลังอำนาจดั่งทวยเทพของต้วนหลิงเทียนแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องนี้กับหลงเจิ้นกั๋วด้วยความสงสัย

 

ทันใดนั้นคนอื่นๆที่เหลืออีก 9 คนก็หันไปมองหลงเจิ้นกั๋ว เพื่อรอฟังคำตอบด้วยเหมือนกัน

 

“ฮึ่ม!”

 

หลงเจิ้นกั๋วพ่นลมสบถเสียงเย็น กล่าวว่า “มีประโยคดีๆที่บรรพบุรุษพวกเรากล่าวไว้ ‘รู้จักพอเป็นหนทางแห่งความสุข’ เจ้าหนูหลิงเทียนจัดการเรื่องให้พวกเราเช่นนี้ ถือว่าเป็นความกรุณาอันล้นพ้นต่อประเทศจีนเราอย่างหาที่สุดมิได้แล้ว! พวกเธอไม่เพียงไม่เข้าใจเหตุผล แต่ยังกล้าเรียกร้องเจ้าหนูนั่นอย่างไม่รู้จักพออีก! ใช้ได้ที่ไหน!?”

 

“ขอโทษครับ/ค่ะ”

 

ทั้ง 10 คนได้แต่ก้มหน้าไปด้วยท่าทีสลด

 

“ฮึ่ม! แล้วนี่อย่าบอกนะว่าพวกเธอมองไม่ออกจริงๆ…ว่าที่เจ้าหนูหลิงเทียนนั่นแบบนี้ ทั้งหมดเขาทำไปเพราะหวังผลระยาว?”

 

หลังจากนั้นหลงเจิ้นกั๋วก็เริ่มพูดร่ายยาวออกมา ทำนองเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนบอกถังเซี่ยวเซี่ยวไม่ผิดเพี้ยน

 

 

“ว่าแต่ข้อจำกัดที่เจ้าใช้ใส่พวกตระกูลปาร์คนั่นมันอะไรกันแน่ ทำไมข้าไม่เห็นสัมผัสได้ถึงพลังอาคมอะไรเลยล่ะ?”

 

หลังออกจากกลุ่มดาวที่มีดาวลีซเซอร์แล้ว ถังเซี่ยวเซี่ยวก็เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยความสงสัย

 

เพราะนางไม่เข้าใจจริงๆว่า ข้อจำกัด ก่อนหน้าที่ต้วนหลิงเทียนใช้กับตระกูลปาร์ค มันคืออะไรกันแน่

 

“มีข้อจำกัดอะไรที่ไหนล่ะ ข้าแค่ใช้ลูกเล่นเล็กๆน้อยๆหลอกพวกมันเท่านั้นล่ะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มออกมา เพราะเขาไม่ได้ตั้งข้อจำกัดอะไรอย่างที่ว่าเลย

 

“เจ้า…”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ถังเซี่ยวเซี่ยวถึงกับพูดอะไรไม่ออก “เจ้าไม่กลัวพวกมันรู้เรื่องนี้แล้ว พวกมันจะเลิกให้ความช่วยเหลือเรื่องผลักดันประเทศจีน ประเทศบ้านเกิดของเจ้าบนโลกให้เจริญก้าวหน้าขึ้นมาทัดเทียมพวกมันหรือไร?”

 

“แล้วเจ้าคิดว่า พวกมันจะกล้าเสี่ยงเอาชีวิตตัวเองและทั้งตระกูลเป็นเดิมพัน เพื่อพิสูจน์หาคำตอบเรื่องนี้รึเปล่าล่ะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม

 

ขณะที่ย้อนถาม น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด

 

พอถึงเซี่ยวเซี่ยวได้ยินก็ถึงกับนิ่งไปทันที

 

เพราะนางลองแทนตัวเองเป็นระดับสูงของตระกูลปาร์คดู นางก็พบว่าเรื่องนี้ยากจะหาคำตอบจริงๆ และนางก็ไม่กล้าเสี่ยงเพื่อพิสูจน์ด้วย เพราะราคาที่ต้องจ่ายมันสูงเกินไป…

 

“แล้วตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันต่อหรือ?”

 

ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวถาม

 

“ข้าว่าจะกลับไปยังโลกเพื่อรำลึกความหลังสัก 2-3 วัน จากนั้นค่อยกลับไปยังระนาบเซียน…และหากข้าสะสางเรื่องราวในระนาบเซียนหมดแล้วแต่ยังเหลือเวลาอยู่ ข้าว่าจะเดินทางไปยังระนาบเหยียนหวงอีกครั้ง เพื่อไปวังเซียนหยวน”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบ

 

เขายังไม่ลืมคำเชิญของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เซียนหยวนจื่อของวังเซียนหยวน ยิ่งไม่ลืมว่าสหายอันดีของเขาอย่าง ซูหลี่ ก็จะไปวังเซียนหยวนหลังออกจากแดนลับต่างสวรรค์

 

หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะเจอกับซูหลี่อีกครั้งก่อนที่จะต้องขึ้นไปยังระนาบเทวโลก

 

ในตอนนี้ครอบครัว ญาติ ทั้งมิตรสหายของเขาถูกพรากไปแทบหมดสิ้น เขาจึงทะนุถนอมซูหลี่ หนึ่งในสหายสนิทที่เหลืออยู่ไม่กี่คนในระนาบโลกียะ…

 

“ข้าเองก็ว่างอยู่พอดี แถมไม่รู้จะไปไหนด้วย…งั้นให้ข้าไปเที่ยวระนาบเซียนของเจ้าด้วยคนนะ”

 

ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าว

 

“เอาสิ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยว เดินทางมาถึงระบบสุริยะอันมีโลกอยู่ และมาถึงครึ่งทางก่อนที่จะถึงโลก…

 

เปรียะ!!

 

ในความว่างเปล่าเบื้องหน้าท่ามกลางห้วงอวกาศ อยู่ดีๆ พลันบังเกิดเสียงฉีกขาดทั้งปรากฏรอยแยกมิติหนึ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวถึงกับต้องหยุดร่างลงทันที!

 

และเมื่อหยุดร่างลงแล้ว ไม่ว่าทั้งคู่จะหันมองไปที่ใด ก็ไม่พบต้นตอที่จะสร้างรอยแยกมิติเบื้องหน้าได้เลย!!

 

อีกทั้งรอยแยกมิติที่ว่าเมื่อฉีกเปิดแล้ว มันก็ค่อยๆฉีกเปิดกว้างและถ่างออกราวกับประตูบานหนึ่งที่กำลังเปิดออก!!

 

“เจ้าน่ะหรือ…ต้วนหลิงเทียน?”

 

หลังจากที่รอยแยกมิติฉีกกว้างออกราวประตู พลันมีเสียงเยียบเย็นหนึ่งดังเล้ดลอดออกมาจากห้วงแห่งความมืดมิดท่ามกลางรอยแยกดังกล่าว…

 

หลังจากนั้น ภายใต้สายตาอันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัวของต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยว…

 

พลันปรากฏร่างๆหนึ่ง ค่อยๆเยื้องย่างออกมาจากรอยแยกมิติกลางห้วงอวกาศ…ออกมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา!

 

เป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างค่อนไปทางผอม หน้าตาแลดูธรรมดาๆ ยากจะหาตัวได้พบเมื่อมันปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชน

 

หากทว่าสองตาที่ทอประกายสีครามนั่น กลับทำให้ต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวบังเกิดอาการขนลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ…!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้วนหลิงเทียน!

 

เพราะตอนนี้สายตาของชายวัยกลางคนดังกล่าว กำลังจับจ้องมองมาที่ต้วนหลิงเทียนเขม็ง!

 

“เจ้า…เจ้าเป็นใคร?”

 

เมื่อได้ยินชายวัยกลางคนร่างผอมเรียกชื่อตัวเองออกมา สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที

 

เพราะตอนนี้เขาตระหนักได้ว่า ที่ดีไม่มา…ที่มาไม่ดี!

 

ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการที่อีกฝ่ายใช้ในการปรากฏตัว เป็นอะไรที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของเขาไปแล้ว!!

 

เพราะตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นครั้งแรก ต้วนหลิงเทียนก็ได้แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบโดยรอบทันที แต่เขาพลันพบว่า…

 

แถวนี้ไม่มีระนาบเทียม!

 

เช่นนั้นการฉีกเปิดมิติออกมาปรากฏตัวของชายวัยกลางคนตรงหน้า ไม่ใช่ฉีกเปิดมิติกลับออกมาจากระนาบเทียม…แต่มันมาจากระนาบอื่น!!

 

‘กระทั่งตัวตนระดับต้าหลัวจินเซียนก็ไม่น่าจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้ไม่ใช่รึไง?!’

 

ใจต้วนหลิงเทียนเริ่มสั่นไหวเต้นไปไม่เป็นจังหวะ

 

“จะอย่างไรเจ้าก็กำลังจะกลายเป็นคนตายอยู่แล้ว ถ้างั้นข้าจะสงเคราะห์บอกให้เจ้ารู้ก่อนตาย…นายน้อยชิงเหยียนส่งข้ามาฆ่าเจ้า!”

 

ชายวัยกลางคนร่างผอม มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมยไร้ความรู้สึกใดๆ ทำราวกับมันกำลังมองคนตาย!