นิ้วมือเดียว อู่ซานหลินก็ถูกสังหารแล้ว!

แม้มีคันฉ่องเขาม่วงคุ้มกันก็ไร้ประโยชน์

อีกอย่างทั้งหมดนี้จบลงในชั่วพริบตา ว่องไวอย่างที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงหรือเหล่าชายหญิงบนยานนั่นล้วนหวาดกลัวขึ้นมา สะท้านกันทั่วหน้า

อู่ซานหลินเป็นถึงมกุฎราชันที่แข็งแกร่งยิ่ง แต่กลับถูกสังหารเช่นนี้!

ตูมโครม!

ไม่รอทุกคนตอบสนอง เงาร่างสีทองเงาหนึ่งก็พุ่งสังหารเข้ามาแล้ว

นี่เป็นชายที่หล่อเหลาอย่างมากคนหนึ่ง มีผมสีทอง ลำตัวเต็มไปด้วยแสงสมบัติ มือถือทวนศึกดำที่เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียน

คนผู้นี้ก็คืออูหลิงเต้า องค์ชายสิบสามแห่งเผ่าอีกาทอง!

เผ่าอีกาทองมีองค์ชายทั้งหมดสิบสามคน อูหลิงเต้าเด็กที่สุด แต่พลังต่อสู้ของเขากลับเหนือกว่าพี่ๆ พรสวรรค์น่าทึ่ง ถูกมองว่าเป็น ‘ราชันสงครามน้อย’ แห่งเผ่าอีกาทอง

ยามนี้ไม่สามารถช่วยอู่ซานหลินกลับมาได้ทันเวลา ทำให้อูหลิงเต้าอึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นสีหน้าก็อึมครึมเดือดดาล

ทวนศึกกวาดขวาง เฉือนห้วงอากาศขาดในทันที ปรากฏรอยแยกที่น่ากลัวราวกับฟ้าดินถูกตัดขาดออกจากกัน

สิ่งที่มาพร้อมกันยังมีเปลวเพลิงเทพไร้ขอบเขต แผ่ขยายเสิบสาน ทุกที่ที่ผ่านห้วงอากาศล้วนถูกเผา ภูเขาถูกหลอมละลาย

เพียงแค่การโจมตีเดียวก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอูหลิงเต้า ทำให้ทุกคนต่างหัวใจสะท้าน แข็งทื่อไปทั้งตัว รีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว

ปัง!

หลินสวินหมุนตัว ไม่หลบไม่หลีก พลังหมัดพุ่งปะทะทวนศึกอย่างจัง

พริบตานั้นฟ้าดินกึกก้อง เพลิงเทพอันน่าสะพรึงแผ่กระจายออกมาราวกับน้ำหลากโดยมีทั้งสองเป็นศูนย์กลาง ลมเมฆเปลี่ยนสี

เพราะเป็นการตอบโต้ในฐานะผู้ถูกกระทำ ทำให้เงาร่างหลินสวินเซอย่างต้านไม่อยู่ไปบ้าง เลือดลมพลิกตลบ อดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ พลังต่อสู้ของเจ้าหมอนี่ถือว่าดูถูกไม่ได้

ดวงตาของอูหลิงเต้าเองก็หรี่ลงเช่นกัน จากนั้นพลันแค่นเสียงเย็น ทวศึกสั่นคราหนึ่งแปลงเป็นแสงมรรคพันหมื่นสาย มืดฟ้ามัวดิน ราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำม้วนซัดสาด

เขาดุดันอย่างมาก เป็นสีทองอร่ามทั่วทั้งตัวราวกับเทพสงคราม ตำแหน่งปลายทวนศึกมีพลังไร้เทียมทาน

อีกอย่างกลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างกายของเขาเห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าคนในรุ่นเดียวกัน แข็งแกร่งกว่าอู่ซานหลินไม่รู้เท่าไหร่

ปัง!

การต่อสู้อันน่าสะพรึงปะทุขึ้น พลังหมัดของหลินสวินทะลวงฟ้า พุ่งปะทะโดยตรง ทั้งสองหากคนหนึ่งเป็นเทพมาร อีกคนหนึ่งก็เป็นเทพสงคราม เข้าสังหารจนมืดฟ้ามัวดิน สุริยันจันทราไร้แสง

“ฆ่า!”

อูหลิงเต้ากล้าหาญยิ่งยง ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง ทวนศึกในมือทำลายห้วงอากาศจนแหลกละเอียด โจมตีเวิ้งฟ้า อานุภาพไม่อาจต้านทาน

“แข็งแกร่งมาก!”

พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงต่างหวั่นไหว พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของอูหลิงเต้ามานานแล้ว แต่หลังจากได้เห็นอานุภาพของเขากับตาก็ยังคงหวาดหวั่น

“องค์ชายสิบสาม ฆ่าเจ้าเดรัจฉานนี่ซะ!”

กลุ่มชายหญิงบนยานรบต่างตื่นเต้นขึ้นมา

ก่อนหน้านี้หลินสวินสังหารชายชุดคลุมขาวและอู่ซานหลินติดต่อกัน ทำให้พวกเขาต่างขวัญหนีดีฝ่อ คล้ายจะเสียศูนย์

แต่ตอนนี้พออูหลิงเต้าปรากฏตัว ทำให้พวกเขามองเห็นความหวังอีกครั้ง!

“ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร กล้าฆ่าคนต่อหน้าข้า วันนี้ก็ต้องตาย!”

ผมยาวสีทองของอูหลิงเต้าโบกสะบัด กวัดแกว่งทวนศึกเต็มกำลัง ประกายคมทวนยิ่งแข็งกร้าวและแหลมคม กวาดขวางล้างโลก สะท้านขวัญอย่างที่สุด

ครืนโครม!

ฟ้าดินทั้งผืนล้วนกำลังสั่นไหว ห้วงอากาศทลาย เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองโลดแล่น ขับให้อูหลิงเต้าราวกับราชันนสงครามที่ไร้เทียมทาน

“เจ้าหมอนี่… แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร”

หลายคนตกใจ ระดับมกุฎราชันไม่เคยมีมาก่อนในอดีต ไม่มีใครรู้ว่าความแข็งแกร่งอ่อนแอของพลังระดับขอบเขตนี้อยู่ตรงไหน

แต่จากตัวหลินสวินและอูหลิงเต้า กลับทำให้พวกเขาเกิดการรับรู้ที่ลึกซึ้งอย่างหนึ่ง

ในระดับขอบเขตนี้ ทั้งสองเรียกได้ว่าอยู่ในปลายยอดแล้ว ไม่มีมกุฎคนอื่นๆ เทียบได้!

ดังเช่นภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ในโลกล้วนมียอดเขาที่สูงที่สุด แต่ความสูงระหว่างแต่ละเขากลับแตกต่างกันออกไป!

“ช่างสมกับที่เป็นราชันสงครามน้อยแห่งเผ่าอีกาทอง พลังต่อสู้ไร้เทียมทาน การต่อสู้ครั้งนี้องค์ชายสิบสามจะต้องชนะแน่!” บนยานรบหลายคนพูดเสียงเบา

ในระหว่างนี้หลินสวินอยู่ในสถานการณ์ของผู้ถูกกระทำเสมอมา ประกายแหลมคมของเขาถูกกดข่มไปบ้างแล้ว ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนตอนที่สู้กับอู่ซานหลินก่อนหน้านี้

นี่ทำให้พวกจี้ซิงเหยา เจิ้นอวิ๋นเฟิงต่างอดกังวลไม่ได้

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า หลินสวินออมมือมาโดยตลอด!

ปัง!

ปะทะกันอีกครั้ง หลินสวินถูกสะเทือนจนถอยหลังไปสิบกว่าจั้ง

“เจ้าอยากตายอย่างไรว่ามา”

สีหน้าของอูหลิงเต้าเย็นยะเยือก สายตาเฉียบคม พุ่งสังหารเข้ามา ทวนศึกในมือเหมือนแทบจะลุกไหม้ แสงที่แสบตาออกมาพรุ่งพรูออกมา

ดวงตาดำของหลินสวินสาดประกายเยียบเย็น ตระหนักได้ว่าหากยังออมมือเพื่อปกปิดฐานะแท้จริง มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจไม่สามารถต้านทานอีกฝ่ายได้

เขาไม่หนีและไม่ปกปิดอีกต่อไป

ตูม!

ครู่ต่อมาร่างกายเขาสาดแสงไร้จำกัด เสียงมังกรครวญราวกับน้ำหลาก ปรากฏอักษรเคราะห์สีทองอร่ามเก้าตัวหมุนเวียนอยู่รอบกาย แผ่อานุภาพน่าเกรงขาม

ตึง!

อักษรเคราะห์ตัวหนึ่งทะยานออกมา แปลงเป็นสัตว์เทพปี้อั้น ถือประทับยักษ์กระแทกลงอย่างแรง ทวนศึกพลันร้องครวญ บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที

ส่วนเงาร่างของอูหลิงเต้าที่พุ่งเข้ามาก็ถูกสะเทือนจนถอยหลังไปเช่นกัน

นี่ทำให้เขานัยน์ตาหดรัดลง สาดประกายน่ากลัวออกมา “ดูไม่ออกว่าเจ้าจะยังออมมือไว้!”

ทุกคนต่างสะท้านไหว ยังออมมืออีกหรือ

ความหมายที่ซ่อนอยู่นี้น่ากลัวอย่างที่สุด!

“เจ้า… เจ้าคือเทพมารหลิน!” แต่ตอนนี้เองเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น

เจ้าของเสียงคือโม่เทียนเหอ เขาจำตัวตนของหลินสวินได้ในทันที สีหน้าเปี่ยมไปด้วยยากจะเชื่อ

เขาสงสัยเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลับไม่สามารถยืนยันได้ ทว่าตอนนี้พอเห็นพลังที่หลินสวินเผยออกมาจึงจำได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว

นี่ทำให้ในใจเขามีความรู้สึกอึดอัดที่พูดไม่ถูก

ระหว่างทางเขาเกรงอกเกรงใจและนับถือหลินสวินอย่างมาก ไหนเลยจะคิดว่าเจ้าหมอนี่ก็คือเทพมารหลินที่เคยซัดตนจนร่วงไปยกหนึ่ง!

“อะไรนะ”

พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิง อิ๋นเสวี่ยต่างอึ้งงัน จินตู๋อีคนนี้คือเทพมารหลินนั่นหรือ

ในเวลาเดียวกันท่าทางของพวกชายหญิงบนยานรบราวกับเห็นผี คิดว่าก็คงเคยได้ยินชื่อเทพมารหลินมาเช่นกัน

“ทุกท่าน ข้ามิได้ตั้งใจปิดบัง หากพวกเจ้ารู้สึกว่าระหว่างทางมานี้ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า เดี๋ยวข้าจะขอขมาทันที”

หน้าตาของหลินสวินเปลี่ยนไป กลับคืนสู่ร่างเดิมที่หล่อเหล่าสุภาพและหลุดพ้นเหนือโลกีย์

เป็นเขาจริงๆ ด้วย!

ทุกคนจำได้แล้ว สีหน้าต่างเปลี่ยนไปในชั่วขณะ

“พี่หลิน เจ้าช่วยเหลือพวกเราอย่างเต็มที่ พวกข้าหาใช่คนไม่รู้จักดีชั่ว”

เจิ้นอวิ๋นเฟิงเอ่ยเสียงกังวาน เขารู้ว่าก่อนที่มหายุคจะมาเยือน ไม่ใช่เวลามาถือสาเรื่องพวกนี้

คนอื่นๆ เองก็พยักหน้า

“หึ! เจ้านี่มันน่าโมโหจริงๆ!”

โม่เทียนเหอแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา แต่น้ำเสียงก็อ่อนลงมากแล้ว

นี่ทำให้จี้ซิงเหยาแอบโล่งอก พูดตามจริงนางเป็นห่วงจริงๆ ว่าหลังจากฐานะของหลินสวินถูกเปิดเผยพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงจะต่อต้านเขา

หากเป็นเช่นนี้ ต้องไม่ดีต่อสถานการณ์ของหลินสวินอย่างมาก

ยังดีที่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น

“เทพมารหลิน… เทพมารหลิน… ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”

ในเวลาเดียวกันในดวงตาอูหลิงเต้าประกายคมกล้าวาบไหว สีหน้าเยียบเย็นจนน่ากลัว ไอสังหารทั่วร่างแข็งกร้าวกว่าเมื่อครู่

ฟ้าดินผืนนี้ล้วนกำลังกู่ก้อง ประหนึ่งต้านทานไอสังหารบนตัวเขาไม่อยู่

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป

ไม่ว่าใครต่างรู้ว่า อูหลิงเฟยองค์ชายเจ็ดแห่งเผ่าอีกาทองตายด้วยน้ำมือของหลินสวิน!

อีกทั้งก่อนหน้านี้เทพมารหลินบุกเขาฝนดาวตกเพียงลำพัง ชำระเลือดล้างบางอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง ทำให้อำนาจอิทธิพลของเผ่าเสียหายหนัก

นี่ก็คือหนี้เลือด!

ในฐานะองค์ชายสิบสามแห่งเผ่าอีกาทอง อูหลิงเต้าจะไม่แค้นเทพมารหลินได้อย่างไร

เดิมทีเขาไม่ได้ฝึกปราณที่แดนอัคคีทักษิณ แต่เพราะได้ยินเหตุการณ์น่าอนาถต่างๆ ที่เผ่าอีกาทองพบเจอ จึงรีบมาเพื่อสังหารเทพมารหลินทันที!

ตอนนี้หลินสวินเผยฐานะแล้ว อูหลิงเต้ามีความรู้สึกอย่างลึกล้ำว่าคนเลวย่อมหนีกรรมไม่พ้น นี่คือโชคชะตาที่กำหนดให้เขาฆ่าศัตรูด้วยมือของเขาเอง!

คิดถึงตรงนี้อูหลิงเต้าก็ยกทวนศึกขึ้น ชี้หลินสวินจากไกลแล้วเอ่ยว่า “หลังเจ้าตายไป ข้าจะเก็บกะโหลกเจ้ามาทำเป็นจอกเหล้า ให้คนทั้งโลกรู้ว่านี่ก็คือจุดจบของการล่วงเกินเผ่าอีกาทองของข้า!”

“งั้นหรือ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าเผ่าอีกาทองเป็นเหมือนกันหมด ไม่กลัวข้าสังหารเผ่าอีกาทองในแดนมกุฎนี่จนสิ้นซากหรือ”

ดวงตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ ในใจเขาสั่งสมเพลิงโกรธไว้มหาศาล

ตอนที่อยู่ในแดนเผาเซียนเขาก็ถูกเผ่าอีกาทองเล่นงาน หลังจากมาถึงแดนเก้าบนนี่ ยังถูกอูหลิงเฟิงเรียกรวมพลหมายล้อมโจมตี

ตอนนี้แม้แต่อูหลิงเต้าคนนี้ก็ยังพูดว่าจะฆ่าตนไม่ขาดปาก เห็นตนเป็นอะไร

“ตาย!”

อูหลิงเต้าคำราม เขาสะกดกลั้นไอสังหารของตนไม่อยู่แล้ว พุ่งเข้าไปราวกับตะวันดวงโตที่ลุกโหม เงาร่างเจิดจ้าพร่าตา

ตูม!

ในเวลาเดียวกันหลินสวินเองก็ออกโจมตี สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร อานุภาพแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่นี้ช่วงใหญ่

ปัง!

พริบตานั้นร่างกายของอูหลิงเต้าสั่นสะท้าน พลังที่ส่งผ่านมามาจากทวนศึกราวกับภูเขาถล่มสมุทรทลาย ทำเอาเขาแทบจะสะเทือนถอย

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นร้องคำรามรุกโจมตีต่อ

ก่อนหน้านี้เพราะหลินสวินออมมือจึงถูกเขาข่มประกาย แต่ตอนนี้แตกต่างไปแล้ว

ในการต่อสู้หลังจากนั้น สถานการณ์พลิกผันอย่างเห็นได้ชัด อานุภาพของหลินสวินไม่มีอะไรต้านทานได้ พุ่งไปข้างหน้าอย่างแข็งกร้าวราวกับเทพมารออกรบ

ไม่ว่าพลังทวนศึกของอูหลิงเต้าจะน่ากลัวและแหลมคมเพียงใด ล้วนถูกหลินสวินใช้พลังที่ยอดเยี่ยมบดขยี้และทำลายล้าง!

“นี่…”

ทุกคนบนยานรบอึ้งงัน สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไวเกินไปทำให้พวกเขาตอบสนองไม่ทัน

“มิน่าถึงสามารถกวาดล้างภูเขาแดนมงคลได้มากมาย ภายใต้ชื่อเสียงที่เลื่องลือมาพร้อมความสามารถที่แท้จริงโดยแท้” พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงอดประทับใจไม่ได้

พอนึกได้ว่าจินตู๋อีที่ร่วมทางกันมา กลับเป็นเทพมารหลินที่อานุภาพดุร้ายสะเทือนฟ้า ในใจพวกเขาพลันมีความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนยากอธิบาย

ถึงขั้นที่นึกถึงแล้วยังรู้สึกกลัว โชคดีที่ไม่ได้ล่วงเกินเจ้าหมอนี่ ไม่อย่างนั้นต้องถูกเล่นงานอย่างแน่นอน…

ตึง!

ทันใดนั้นเสียงระเบิดก้องหูดังขึ้น พลันเห็นบนท้องฟ้าหลินสวินถึงกับคว้าทวนศึกด้วยมือเปล่า นิ้วทั้งห้าราวกับเหล็กพืด ยึดทวนเอาไว้แน่น

จากนั้นฝ่ามือออกแรงสะเทือนโดยพลัน

ทวนศึกเล่มนี้บิดเบี้ยวและโหยหวนขึ้นมาทันที!

ทุกคนสูดหายใจด้วยความตกใจ นี่ต้องเป็นพลังที่แข็งแกร่งเพียงใด จึงสามารถปะทะทวนศึกด้วยมือเปล่าได้

อูหลิงเต้าหน้าเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ไม่ออมมือแล้วจะวิปริตถึงเพียงนี้ กล้าคว้าทวนศึกด้วยมือเปล่า!

“ไสหัวไป!”

เขาตะเบ็งเสียง พลังต่อสู้ทั่วตัวพลุ่งพล่าน ส่งพลังไปที่แขนหมายจะสะเทือนซัดนิ้วทั้งห้าของหลินสวินให้แหลก สะบัดร่างของเขาออกไป

แววตาหลินสวินเย็นชา โคจรโทสะหยาจื้อ พลังอันยิ่งใหญ่น่ากลัวสายหนึ่งปะทุออกมา เสียงครึ่กดังขึ้นทีหนึ่ง ก็บิดทวนศึกจนหักงอได้ทั้งอย่างนั้น!

ปัง!

ด้วยไม่ทันตั้งตัวร่างของอูหลิงเต้าสะท้านอย่างรุนแรง เลือดลมทั่วตัวตีกลับ ข้อมือเกือบถูกสะเทือนจนแหลก ทวนศึกที่แตกหักปลิวหลุดมือ

ส่วนร่างกายของเขาเซถอย ได้รับการกระทบกระเทือนน่ากลัว

ทุกคนหนังหัวชาวาบราวกับเห็นผี เทพมารหลินนี่… ป่าเถื่อนเกินไปแล้วกระมัง

…………