เย่หยวนหรี่ตาลงมองด้วยจิตสังหารที่แทบทลายฟ้าดินลง
แต่หยวนเว่ยกลับยิ้มตอบกลับไป “โกรธหรือ? ข้านั้นรู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์มากล้น เจ้านั้นกระโดดอาณาจักรต่อสู้กับหยวนเจี่ยวได้ เพียงแค่ว่า… เจ้ามันก็แค่มดปลวก! ในมหาพิภพนี้ผู้ปกครองที่แท้มันคือเรา เราคือยอดฝีมือที่แท้จริง!”
โอสถบรรพกาลหรี่ตาลงมองด้วยท่าทางไม่พอใจ “เจ้าเป็นใครมาจากไหน? หากยังไม่บอกกล่าวอย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
หยวนเว่ยนั้นหันไปมองพร้อมส่ายหัวออกมา “เจ้าคือนักหลอมโอสถอันดับหนึ่งแห่งเผ่ามนุษย์? อ่อนแอเสียจริง!”
โอสถบรรพกาลนั้นหรี่ตาลงกล่าวสวนไป “อวดดีโอหัง! ขยะอย่างเจ้านั้นจะเข้าใจหรือว่าเต๋าโอสถมันคือสิ่งใด?”
หยวนเว่ยนั้นไม่คิดอธิบายด้วยคำพูดใดๆ แต่เขานั้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นแสดงให้เห็นลูกแก้วโปร่งแสงลูกหนึ่ง
เมื่อโอสถบรรพกาล เย่หยวนและมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้เห็นมันพวกเขาต่างต้องอ้าปากค้างด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
หยวนเว่ยนั้นได้แสดงการพัฒนาโลกด้วยเต๋าโอสถออกมาอย่างเหนือล้ำ
ฝีมือในระดับนี้มันเทียบเคียงได้กับโอสถบรรพกาลอย่างที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าแม้แต่น้อย
เมื่อเย่หยวนได้เห็นเขาก็ตื่นตะลึงสุดใจ
เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเผ่าเทวาจะยังมีตัวตนเหนือล้ำฟ้าดินเช่นนี้อยู่อีก
คนอื่นๆ นั้นก็ต่างตกตะลึงไม่แพ้กัน พวกเขานั้นไม่เคยจะได้ยินมาก่อนว่ามหาพิภพถงเทียนนั้นมีตัวตนที่เทียบเคียงกับโอสถบรรพกาลได้ถึงขั้นนี้
เจ้าหมอนี่มันมาจากที่ใด?
“เจ้าคิดว่าบรรพกาลผู้นี้รู้จักเต๋าโอสถหรือไม่เล่า?” หยวนเว่ยถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
โอสถบรรพกาลนั้นตื่นตะลึงสุดใจ “เจ้า… เจ้าเป็นใครมาจากที่ไหนกัน?”
“บรรพกาลผู้นี้คิดไปเสียว่าต่อให้วิชาโอสถของเผ่ามนุษย์มันจะไม่ฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดมันก็น่าจะได้สักเจ็ดส่วนแปดส่วน เมื่อข้าได้ยินว่ามีงานชุมนุมการโอสถที่นี่ข้าก็คิดถือโอกาสนี้กวาดล้างเหล่านักหลอมโอสถให้สิ้น แต่… พวกเจ้าทำให้บรรพกาลผู้นี้ผิดหวังเกินไปแล้ว! ฝีมือของพวกเจ้าทั้งหลายในเวลานี้มันอ่อนแอกว่าเหล่ามนุษย์ในสมัยรุ่งเรืองไปมากนัก!”
หยวนเว่ยนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าผิดหวัง เขานั้นคงกำลังผิดหวังที่อุตส่าห์ลงแรงมากมายสุดท้ายมันกลับไม่คุ้มค่าที่เหนื่อย
เย่หยวนนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปร้องบอก “คิดอยากใช้โอกาสนี้ทำลายล้างเหล่านักหลอมโอสถของเผ่ามนุษย์ลงให้สิ้น ตัดทำลายกำลังเสริมของเผ่ามนุษย์เมื่อถึงเวลาสงคราม!”
หยวนเว่ยยิ้มตอบกลับไป “ใช่แล้ว เจ้านั่นฉลาด ในสงครามสิ้นโลกครั้งก่อนนั้นเหล่านักหลอมโอสถของเผ่ามนุษย์ได้สร้างปัญหาให้เรามากล้น หากไม่ใช่เพราะพวกเฒ่าทั้งหลายนั้นส่งมอบโอสถไปทั่วสนามรบแล้วเราก็คงไม่พ่ายแพ้ลง เพราะฉะนั้นวันนี้บรรพกาลผู้นี้จึงยอมลงทุนลงแรงมาจัดการมันให้สิ้นเสียก่อน แต่พอได้เห็นแล้วมันช่างทำให้บรรพกาลผู้นี้รู้สึกผิดหวังเหลือเกิน”
ทุกผู้คนนั้นต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน
“สงครามสิ้นโลก? มันคืออะไรกัน?”
“อวดดีอย่างบ้าคลั่ง! แค่ขยะอย่างพวกเจ้านี้ก็คิดทำลายล้างโลกได้?”
“เจ้าโง่ไร้สมอง แค่เอาสัตว์ร้ายหน้าโง่เช่นนี้มาก็คิดว่าจะทำลายโลกได้?”
…
สงครามสิ้นโลกนั้นมันมิใช่สิ่งที่คนทั้งหลายจะเคยได้ยินมาก่อน
มันมีชื่อที่ฟังดูน่าหวาดกลัวจริงแต่หากไม่ได้รู้ถึงมันจริงๆ แล้วคนทั้งหลายก็คงไม่คิดสนใจ
แต่เวลานี้เหล่าเฒ่าทั้งหลายที่อยู่มายาวนานและเคยได้ยินถึงมันกลับต้องยืนนิ่งด้วยใบหน้าขาวซีด
“หุบปากให้หมด!”
เย่หยวนร้องบอกขัดการพูดคุยของคนทั้งหลาย “เก็บความโอหังเจ้าไว้ก่อน! เจ้าพวกนี้มันแข็งแกร่งมาก! หากคิดอยากรอดออกไปก็จงเก็บสายตาอวดดีไม่สนใจผู้คนนั้นไว้ ทุกผู้คนร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว! ไม่เช่นนั้นแล้ววันนี้มันจะไม่มีใครได้รอดชีวิตออกไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคนส่วนใหญ่ย่อมจะไม่คิดสนใจ
เพราะพวกเขานั้นมีความโอหังที่เหลือล้นมาทั้งชีวิต มีหรือที่จะต้องกลัวเหล่าคนที่ไม่เคยได้ยินถึงชื่อมาก่อน?
หยวนเว่ยนั้นยิ้ม “ดูท่าเผ่าเทวาข้าไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นนานมันจะทำให้เหล่ามนุษย์ลืมเลือนผู้ปกครองมหาพิภพถงเทียนไปแล้ว! วันนี้ข้าจะทำให้มหาพิภพถงเทียนต้องสั่นสะเทือนอีกครา!”
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เหล่าเผ่าเทวาและมารนรกทั้งหลายพุ่งตัวลงไป
วินาทีนี้มันมีก้อนพลังงานนับไม่ถ้วนพุ่งตัวเข้ามาหาคนทั้งหลายคนฟ้าดินสั่นสะเทือน!
เมื่อคนทั้งหลายที่มาร่วมงานประชุมโอสถสหภูมิภาคได้เห็นภาพนั้นพวกเขาต่างก็ต้องผงะไปตามๆ กัน
“แค่ฝูงสัตว์ร้าย! พวกเราช่วยกันโจมตีจัดการพวกมันให้สิ้น!”
มีเสียงคนผู้หนึ่งร้องกล่าว
แน่นอนว่ามันย่อมทำให้คนทั้งหลายลงมือตามอย่างไม่คิด
วินาทีนี้มันเกิดคลื่นพลังรุนแรงปะทะกันอย่างหนักแน่นบนท้องฟ้ากว้าง
ด้านบนนั้นมันมีทั้งวิชายุทธมากมายคลื่นพลังหลากหลายพร้อมด้วยเสียงการปะทะอย่างหนักหน่วง
เว้นเสียแต่ว่าการโจมตีทั้งหลายนี้มันถูกปล่อยออกมาอย่างไร้ระเบียบ แม้มันจะสร้างความสั่นสะเทือนได้มากมายแต่แท้จริงมันไม่ได้เป็นอันตรายใหญ่หลวง
ในการต่อสู้ขนาดใหญ่เช่นนี้ พลังฝีมือของคนแค่ผู้เดียวมันไม่มากพอจะทำอะไรได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นเหล่ามารนรกมันยังเก่งกาจกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกันไปมาก
เมื่อจบการโจมตีระลอกแรกไปเหล่ามารนรกทั้งหลายก็ทนรับไว้อย่างไม่คิดแม้แต่จะหลบ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือพวกมันแทบไม่ได้บาดเจ็บล้มตายลงเลย
เมื่อเหล่ายอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ต้องหน้าถอดสีไปตามๆ กัน
พร้อมๆ กันนั้นการโจมตีระลอกแรกของฝ่ายมารนรกมันก็มาถึง
คลื่นพลังโจมตีนั้นถูกโยนลงกลางฝูงชนจนระเบิดแตกทลาย
ปัง ปัง ปัง…
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาพร้อมเสียงกรีดร้อง
คลื่นพลังการโจมตีนี้มันได้ทำให้ฝ่ายมนุษย์สูญเสียกำลังไปอย่างมาก
จากนั้นไม่นานทั้งสองฝ่ายเริ่มเข้าปะทะกันในระยะประชิด
เมื่อพวกเขาปะทะกันแล้ว เหล่ามนุษย์ก็สัมผัสได้ทันทีว่ามันมีอะไรผิดแปลกไป
เพราะศัตรูแข็งแกร่งจนเกินไป!
มารนรกทั้งหลายนั้นต่างแข็งแกร่งจนเกินรับมือ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือพวกมันนั้นมีเนื้อหนังที่หนาทน การป้องกันเหนือล้ำกว่าที่อาวุธทั่วๆ ไปจะแทงผ่านได้ มันต้องใช้กำลังถึงสามหรือสี่คนกว่าจะรับมือการโจมตีของมารนรกไว้ได้
เพียงแค่ว่าเวลานี้ทางมนุษย์ไม่ได้มีกำลังจำนวนมากมายขนาดนั้น
ส่วนเผ่าเทวานั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เมื่อใดที่พวกเขาลงสนามรบ มันก็จะเหมือนเสือกลางฝูงแกะ อันตรายอย่างถึงที่สุด
นามของเผ่าเทวามันได้แสดงพลังออกมาแล้วในวินาทีนี้!
“มันเก่งกาจขนาดนี้กันได้อย่างไร? นี่… นี่มันเป็นพลังในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!”
“นี่หรือคือเผ่าเทวา? พวกมันไม่มีพลังโลกใดๆ เลย! สิ่งที่เป็นต้นกำเนิดพลังของพวกมันคือเต๋าสวรรค์!”
“มหาพิภพถงเทียนกลับมีเผ่าพันธุ์ที่เก่งกาจเช่นนี้? ทำไมข้าจึงไม่เคยจะได้ยินถึงพวกมันมาก่อนเลย?”
…
เหล่ายอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายนั้นต่างตื่นตะลึงสุดใจ!
เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้เข้าใจถึงความหมายในคำเตือนของเย่หยวน
แท้จริงแล้ว กำลังของเหล่าเผ่าเทวามันอาจจะเหนือล้ำกว่าที่เย่หยวนเตือนด้วยซ้ำ!
ในเวลานี้สายตาของพวกเขาทั้งหลายต่างหันไปมองดูหยวนเว่ยอย่างตื่นกลัว
หากเผ่าเทวามันแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แล้วตัวตนระดับบรรพกาลของเผ่านี้จะเก่งกาจได้สักเท่าใด?
ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์นั้นต่างหน้าซีดขาวตื่นตะลึงสุดใจขึ้นตามๆ กัน
หยวนเว่ยนั้นยิ้มกล่าวขึ้น “ดูท่าพวกเจ้าจะได้เข้าใจถึงกำลังของเผ่าเทวาแล้ว เผ่าเทวาเรานั้นคือเผ่าที่ได้รับเลือกจากเต๋าสวรรค์ เรานั้นบ่มเพาะเพียงแค่เต๋าสวรรค์เท่านั้น! ในยุคก่อนนั้นมันล้วนเป็นเผ่าเทวาเราที่ปกครองมหาพิภพถงเทียนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์ เผ่าอสูรหรือเผ่าใดๆ มันก็ล้วนเป็นแค่ทาสของเรา! และวันนี้เราจะกลับมาทวงสิ่งที่เคยเสียไป!”
ทุกผู้คนนั้นต้องสั่นสะท้านไปตามๆ กันอย่างตื่นตะลึง
ที่แท้เผ่าเทวามันกลับกลายเป็นผู้ปกครองเก่าของมหาพิภพนี้!
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
แต่จู่ๆ วินาทีนั้นเหล่ายอดฝีมือหลายต่อหลายคนก็ตัดสินใจพุ่งตัวหนี้เข้าห้วงมิติไป คิดอยากหนีไปจากอาณาจักรทหัยเมฆา
เย่หยวนที่เห็นต้องขมวดคิ้วตวาดลั่น “อย่าได้หนี! เวลานี้มิติมันคงถูกปิดตายไปแล้ว!”
เสียงของเขายังไม่ทันจางหายมันก็ปรากฏร่างของผู้คนร่วงตกกลับมาจากห้วงมิตินั้นตามๆ กัน
หยวนเว่ยยิ้ม “อย่าได้คิดหนี เวลานี้มันมียอดฝีมือเต๋าสวรรค์แปดลายถึงสามหมื่นหกพันคนกำลังวางกำลังอยู่รอบๆ อาณาจักรทหัยเมฆาและใช้มหาศาสตร์ผนึกลายสวรรค์! แม้แต่เจ้าฟ้าดินสี่ทลายเองก็คงไม่อาจจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้! เด็กน้อย เจ้านั้นมากพรสวรรค์จริง น่าเสียดายที่ว่า… เจ้าไม่อาจเป็นประโยชน์กับเราได้!”
…………..