บทที่ 1216 พลังอัคคีเทวะ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,216 พลังอัคคีเทวะ

ในโทรศัพท์มือถือ แอปพลิเคชันห้าธาตุหลอมวิญญาณยังคงทำงานของมันต่อไป

บัดนี้ ปราณธาตุทั้งห้าชนิดกำลังไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณทั้งยี่สิบช่องของหลินเป่ยเฉินและด้วยความที่เปิดให้ตัวแอปพลิเคชันทำงานมาตลอดเวลา หลินเป่ยเฉินจึงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตนเองฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณมาอยู่ในขั้นใด หรือบรรลุเคล็ดวิชาถึงระดับไหนแล้วกันแน่

หลินเป่ยเฉินจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองฝึกวิชานี้มานานเท่าไหร่แล้ว

เด็กหนุ่มรู้สึกเพียงแต่ว่าเส้นลมปราณทั้งยี่สิบช่องของตนเองกำลังมีมวลพลังไหลล้นเต็มอัตรา ส่งผลให้ร่างกายของเขาชาดิก ความรู้สึกแปลกประหลาดครอบคลุมทั่วทั้งร่าง

ในเวลาเดียวกันนี้ จิตใจของเขาก็เกิดความรู้สึกเร่าร้อน

ร่างกายร้อนผ่าว

ราวกับว่าพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดจากเส้นลมปราณทั้งยี่สิบช่องกำลังแข่งกันทลายจุดตันเถียนกลางหัวใจของเขา

หลินเป่ยเฉินตกตะลึง

ให้ตายเถอะ

ที่พลังของเขาปั่นป่วนเช่นนี้ก็เพราะการร่วมรักกับชิงเล่ยอย่างนั้นหรือ?

ไม่น่าเป็นไปได้

การร่วมรักกับสตรีอื่นไม่เคยเกิดผลลัพธ์เช่นนี้มาก่อน

หากจะมีอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิม ก็คงต้องเป็นเพราะการทำงานของแอปพลิเคชันห้าธาตุหลอมวิญญาณมากกว่า

และยังไม่หมดเพียงเท่านี้

จะเกิดอะไรขึ้นหากแอปพลิเคชันธาตุหลอมวิญญาณทำงานผิดพลาด?

เป็นเพราะมันทำงานหนักเกินไปใช่หรือไม่?

ตัวแอปพลิเคชันกำลังจะปิดการทำงานลงแล้วหรือ?

จังหวะที่เด็กหนุ่มคิดด้วยความกระวนกระวาย หน้าอกก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ

หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

เกิดอะไรขึ้น?

หัวใจของเขาเต้นเร็วยิ่งกว่าตอนที่เสียพรหมจรรย์ให้กับเทพีกระบี่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เสียอีก

ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินแทบลืมเลือนไปแล้วว่าตนเองกำลังอยู่ในที่ใด เปลวไฟที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาทำให้ถ้ำใต้ดินของอสูรกิ้งก่าไฟเหล่านี้กลายเป็นสีแดงฉาน

ทันใดนั้น มวลพลังทั้งหมดในร่างกายก็พุ่งมารวมกันที่หัวใจของหลินเป่ยเฉิน ก่อนที่การระเบิดของมวลพลังจะเกิดขึ้น ความรู้สึกร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปตามแขนขาและอวัยวะทุกส่วน

กระแสความร้อนไหลขึ้นมาด้านบน

ในที่สุด มวลความร้อนเหล่านั้นก็มารวมตัวกันอยู่บริเวณกลางหว่างคิ้วของหลินเป่ยเฉิน

หัวใจของเด็กหนุ่มเกิดความเจ็บปวด

กลางหน้าผากของเด็กหนุ่มเกิดความเจ็บปวด

แต่ก่อนที่หลินเป่ยเฉินจะมีปฏิกิริยาตอบรับใด มวลพลังความร้อนที่ควบคุมไม่ได้ก็สลายหายไปในพริบตา

พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณทั่วร่างกายของเขากลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

ไม่ต่างจากคนติดยาอาละวาดที่กลับกลายเป็นนักบวชผู้สงบนิ่งในพริบตา

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นลูบหน้าผากของตนเอง

ดูเหมือนหน้าผากของเขาจะมีรอยแผลเป็นขนาดเท่ากับนิ้วมือปรากฏขึ้นมา?

ให้สัมผัสที่แปลกประหลาดนัก

เฮ้ย

อย่าบอกนะว่าเขาทำใบหน้าตัวเองเสียโฉมแล้ว

หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะนำโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายเซลฟี่

เมื่อดูรูปถ่ายของตนเอง เด็กหนุ่มก็พบกับความผิดปกติบนใบหน้า

“นี่มันอะไรวะเนี่ย? ปานแดงรูปเปลวไฟมาจากไหน?”

หลินเป่ยเฉินจ้องมองปานแดงกลางหน้าผากในรูปถ่ายของตนเองด้วยความไม่อยากเชื่อ

หรือว่ามันจะเป็นสัญลักษณ์พิเศษที่เกิดขึ้นมาหลังจากฝึกฝนส่วนใดส่วนหนึ่งในวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณสำเร็จ?

หลินเป่ยเฉินรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย

ทันใดนั้น หัวใจของเขากระตุกวูบ เด็กหนุ่มลองยกมือขึ้นดีดนิ้ว

ป๊อก!

เปลวไฟสว่างขึ้นในอากาศ

เขาสามารถควบคุมพลังปราณธาตุไฟของตนเองได้แล้ว?

หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

แต่ทันใดนั้น เขาก็พบเห็นสิ่งผิดปกติ

นี่ไม่เหมือนพลังปราณธาตุ

แต่ว่า…

เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์?

นี่คือเปลวไฟที่ออกมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างนั้นหรือ?

หลินเป่ยเฉินรู้สึกอย่างชัดเจนว่าเปลวไฟที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ต่างไปจากเปลวไฟทั่วไปในโลกนี้ แต่หากลองสังเกตดูให้ดี ก็จะทราบว่ามันบรรจุด้วยพลังอันกราดเกรี้ยวรุนแรงมากกว่าพลังปราณธาตุไฟธรรมดา

กล่าวคือ เปลวไฟจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขามีอานุภาพรุนแรงมากกว่าเปลวไฟจากพลังปราณธาตุ

บางทีอาจเป็นเพราะพลังจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้น

หลินเป่ยเฉินพยายามรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกาย

หัวใจของเขากระตุกวูบ

พรึ่บ!

แล้วเปลวไฟก็ลุกโชนทั่วร่างของเขาขึ้นมาอีกครั้ง

ทุกรูขุมขนมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมา

และชุดเกราะสีขาวของเขาก็ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน

หลินเป่ยเฉินยืนกะพริบตาปริบ ๆ

เขาค้นพบความแข็งแกร่งของตนเองอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มก้มมองร่างกายเปลือยเปล่าของตนเองอย่างพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่

ปัญหาเก่ากลับมาอีกแล้ว

การฝึกวิชาผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์แตกต่างจากการฝึกวิชาด้วยตนเอง เพราะมันทำให้เขาไม่มีเวลาปรับตัวได้เลย

แต่โชคดีที่ขนทุกส่วนในร่างกายไม่ว่าจะเป็นขนคิ้ว เส้นผม หรือขน… หน้าแข้ง ต่างก็ไม่ได้ถูกเปลวไฟจากพลังศักดิ์สิทธิ์เผาไหม้ไปด้วย

“ดูเหมือนเราต้องหาวิธีควบคุมเปลวไฟพวกนี้ให้ได้ก่อน ไม่งั้นอีกหน่อยเวลาสู้กับใคร คงต้องวิ่งล่อนจ้อนอีกแล้ว”

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย

ดังนั้น อีกหนึ่งชั่วยามต่อมา หลินเป่ยเฉินจึงใช้เวลาหมดไปกับการฝึกควบคุมเปลวไฟจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง

ในที่สุด เขาก็สามารถควบคุมมันได้

พรึ่บ!

เปลวไฟลุกโชนขึ้นมาทั่วร่างกาย

เสื้อผ้ายังคงอยู่ครบถ้วน

ยอดเยี่ยม

สำเร็จแล้ว

หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาอีกครั้งและเปิดแอปวีแชท ส่งข้อความไปหาเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพร้อมกับแนบรูปเซลฟี่ของตนเองไปด้วย

‘นั่นเจ้าเอาสีไปวาดบนหน้าผากของตนเองทำไม?’

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาอย่างเร็วไว

ให้ตายเถอะ…

หลินเป่ยเฉินแทบจะกัดลิ้นตัวเองตายอยู่ตรงนั้น

แต่เพื่อค้นหาความจริง เขาจึงต้องบอกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกายให้นางทราบ

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงนิ่งเงียบไปพักใหญ่

ก่อนจะส่งข้อความกลับมา

‘!!!’

เป็นเครื่องหมายตกใจสามอัน

‘เจ้าบรรลุขั้นพลังอัคคีเทวะจากคัมภีร์ห้าธาตุหลอมวิญญาณได้สำเร็จแล้ว เจ้าสามารถทำได้อย่างไร?’

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพิมพ์ข้อความตามมาด้วยความตื่นเต้น

‘พลังอัคคีเทวะ?’

มันคืออะไรกันล่ะนั่น?

หลินเป่ยเฉินไม่อายที่จะถามหาคำตอบและเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ให้คำตอบเขากลับมาโดยทันที

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอธิบายว่า ‘เท่าที่ข้ารู้ วิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณจะแบ่งออกเป็นห้าขอบเขตคือ ขอบเขตอัคคีเทวะ ขอบเขตรุกขเทวะ ขอบเขตวารีเทวะ ขอบเขตปฐวีเทวะ และขอบเขตกาญจน์เทวะ ซึ่งแบ่งแยกประเภทตามห้าธาตุ คือธาตุไฟ ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุดินและธาตุทองคำ แต่การจะบรรลุขอบเขตพลังชนิดใดชนิดหนึ่งได้นั้น คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก… ข้าไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครทำสำเร็จด้วยซ้ำ แล้วเจ้าสามารถทำได้อย่างไร…’

หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับด้วยความปวดหัว

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเขียนอธิบายทำไมตั้งยาวเหยียด ทั้งที่ตอบแค่สามคำเขาก็เข้าใจแล้ว…

สรุปก็คือ

หลินเป่ยเฉินสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้

สมแล้วที่เป็นบุรุษอันดับหนึ่งแห่งยุค

หลินเป่ยเฉินชื่นชมความเก่งกาจของตนเองอยู่ในใจ

‘เมื่อบรรลุขั้นพลังอัคคีเทวะแล้ว ข้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นใช่หรือไม่?’

หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามออกไปอีกครั้ง

‘มากยิ่งกว่าแข็งแกร่งอีก’

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งข้อความตอบกลับมาอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด

นางพิมพ์อธิบายอย่างยาวเหยียดอีกครั้ง ‘เมื่อเจ้าสามารถบรรลุขั้นพลังอัคคีเทวะได้สำเร็จ ร่างกายของเจ้าก็จะปกคลุมไปด้วยพลังอัคคีเทวะ มันจะทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งชนิดที่ว่า ถึงบาดเจ็บสาหัสก็ไม่มีทางตายง่าย ๆ …และรอยปานแดงที่อยู่บนหน้าผากของเจ้านั้น เขาเรียกกันว่าผนึกดวงจิตอัคคี เป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าเจ้าคือผู้ใช้ปราณธาตุไฟเทวะ’

หลินเป่ยเฉินรับฟังอย่างมีความสุข

เด็กหนุ่มไม่สามารถหุบยิ้มได้อีก

เขานี่มันลูกรักสวรรค์ชัด ๆ

แค่เผลอหลับนอนกับสตรีนางหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ หลินเป่ยเฉินก็สามารถบรรลุขอบเขตพลังได้แล้ว

หากมีผู้คนรู้เข้า ก็คงต้องอิจฉาริษยาเขาแน่ ๆ

อีกหน่อยหลินเป่ยเฉินคนนี้ก็คงต้องเป็นตำนานเล่าขานไปทั่วดินแดนทวยเทพแล้วสินะ?

‘แต่ยังมีปัญหาใหญ่’

หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ‘ผนึกดวงจิตอัคคีอยู่กลางหน้าผากของข้า ข้าไม่สามารถลบมันออกไปได้ หากข้าเข้าร่วมการแข่งขันศึกชิงเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้า ผู้คนจากเผ่าเทพพงไพรจะไม่จดจำสัญลักษณ์นี้ได้หรือ? หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็คงเจอปัญหาแล้ว…’

‘ฮ่า ๆๆ’

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพิมพ์ข้อความเป็นเสียงหัวเราะตอบกลับมา ‘เจ้าวิตกกังวลมากเกินไป’

ว่าไงนะ?

หลินเป่ยเฉินชะงักกึก

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหมายความว่าอย่างไร?