ตอนที่ 2,544 : ตระกูลอวิ๋นของดินแดนแห่งทวยเทพ!
“คราวนี้นับว่าเรื่องที่เสวี่ยเอ๋อฝากฝังข้ามา ข้าก็ได้พูดทุกอย่างที่ควรพูดออกไปหมดแล้ว”
“อีก 3 วันช่องทางเชื่อมระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกจะปิดตัวลง เช่นนั้นข้าเองก็มิอาจไม่รีบกลับ…เพราะหากช้าไปคราวนี้คิดจะกลับก็คงไม่ได้กลับ มีแต่ต้องรออีกพันปีถ่ายเดียว…”
เซี่ยเจี๋ยมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
“หลังจากผ่านไปอีกพันปี เมื่อช่องทางเชื่อมระหว่างระนาบเทวโลกกับดินแดนแห่งทวยเทพเปิดขึ้นอีกครั้ง ข้าหวังว่าจะได้พบเจ้าที่ดินแดนแห่งทวยเทพ…และพอถึงตอนนั้นข้าหวังว่าเจ้าเองจะมีพลังฝีมือสูงมากพอที่จะทำให้พ่อตาเจ้ายอมรับ”
หลังกล่าวเรื่องราวจบแล้ว เซี่ยเจี๋ยก็โบกมือส่งๆ ฉีกเปิดช่องว่างมิติออกมาอีกรอบ เตรียมพร้อมจากไป
“ช้าก่อน! อาสาม!”
เมื่อเห็นเซี่ยเจี๋ยกำลังจะไป ต้วนหลิงเทียนพลันนึกอะไรได้ออก จึงเร่งตะโกนกล่าวรั้งเอาไว้
“นรกอสุรา ที่เป็น 1 ใน 7 แดนอันตรายของระนาบเทวโลก…เมื่อจักรพรรดิสวรรค์เข้าไป จำต้องตายแน่นอนเลยหรืออาสาม?”
ต้วนหลิงเทียนยังไม่ลืมสิ่งที่อวิ๋นเย่กล่าวบอกไว้ก่อนหน้า
ฟงชิงหยาง ผู้ที่ทิ้งมรดกยอดใจกระบี่ไว้ให้เขา ถูกอวิ๋นเย่บีบคั้นให้ต้องล่าถอยเข้าไปในนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนอันตรายของระนาบเทวโลก
“นรกอสุรา?”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของเซี่ยเจี๋ยเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “สมัยก่อนข้าก็เคยไปที่นั่นมาครั้งหนึ่ง…แต่ข้าในตอนนั้นก็กล้าสำรวจเพียงแค่บริเวณรอบนอกเท่านั้น มิกล้าเข้าไปลึก…”
“ด้วยระดับความอันตรายของนรกอสุรา จักรพรรดิสวรรค์ที่เข้าไปแล้วสามารถรอดชีวิตกลับมาได้…มองไปทั่วทั้งจักรพรรดิสวรรค์ทั้ง 81 คน เกรงว่าจะมีแค่ 2-3 คนเท่านั้น”
เซี่ยเจี๋ยกล่าว
วูบ!
ได้ยินวาจายืนยันของเซี่ยเจี๋ยสีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันที เพราะตอนนี้เขาตระหนักได้ว่าที่อวิ๋นเย่พูดมาไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงเพื่อทำให้เขาสิ้นหวังเลย..
แดนสวรรค์หรือระนาบเทวโลกนั้น มีทั้งสิ้นเก้าเก้า 81 ระนาบ…
เช่นนั้นจึงมีจักรพรรดิสวรรค์ทั้งสิ้น 81 องค์!
หากเป็นอย่างที่เซี่ยเจี๋ยบอกจริง ว่าในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งมวล ผู้ที่จะเข้าไปในนรกอสุราแล้วรอดกลับมาได้มีแค่ 2-3 คนล่ะก็…
เช่นนั้นจากคำพูดที่อวิ๋นเย่กล่าวไว้ก่อนหน้า ว่าการที่อาวุโสฟงชิงหยางสามารถรับมือมันได้เกือบร้อยกระบวนท่า ทำให้สมควรมีพลังฝีมือติด 20 อันดับแรกของจักรพรรดิสวรรค์ทั้งมวลได้นั้น หมายความว่าอาวุโสฟงชิงหยางยังไม่ร้ายกาจถึงขั้นติดอยู่ใน 10 อันดับ หรือแม้แต่ 3 อันดับแรกแน่ๆ…!
“ท่านอาวุโสฟงชิงหยาง…”
ใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสะทกสะท้อนนัก
ขณะนี้ความหวังริบหรี่ในใจเขา เสมือนได้แหลกลงเป็นเสี่ยงๆ!
หลังความหวังพังทลาย ความรู้สึกผิดยังเริ่มถาโถมเข้ามากัดกินในใจ ยากจะหาย…
“อาสามคนนี้จำต้องรีบกลับดินแดนแห่งทวยเทพเพราะเวลาไม่คอยท่า จึงไม่อาจช่วยเหลืออะไรเจ้าได้มาก…”
ตอนนี้เองเสียงเซี่ยเจี๋ยพลันดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ดึงสติเขาให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย
“เดิมทีการพาเจ้าขึ้นไปยังดินแดนแห่งทวยเทพเลย จะเป็นผลดีกับการบ่มเพาะของเจ้าอย่างมาก…แต่ทว่าหากอาสามพาเจ้าขึ้นไปบ่มเพาะฝึกฝนที่ดินแดนแห่งทวยเทพจริง เกรงว่าคงไม่พ้นหูตาของพี่ใหญ่กับไอ้เด็กน่าตายตระกูลอวิ๋นนั่นแน่ เช่นนั้นย่อมไม่ต่างอะไรจากอาสามทำร้ายเจ้า…อาสามจึงมิกล้าขอให้เจ้าเสี่ยง”
เซี่ยเจี๋ยกล่าวออกมาขณะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอับจน และครู่ต่อมาคล้ายนึกอะไรได้มันก็สะบัดมือเบาๆ ก่อนที่จะส่งของ 2 อย่างให้ต้วนหลิงเทียน
“ที่อาสามช่วยเจ้าได้ก็มีแค่นี้…”
“และวันหน้ายามใดที่เจ้าขึ้นสู่ระนาบเทวโลก ขอเจ้าจงอย่ารีบออกจากสระก่อเซียนอมตะเด็ดขาด ขอให้ขัดเกลาร่างกายทั้งชีพจรสวรรค์ทั้ง 99 สายของเจ้าในสระก่อเซียนอมตะให้นานที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้…เพราะการทำเช่นนี้มีแต่ประโยชน์ต่อเจ้า หาได้มีโทษอันใดไม่”
“เจ้าหนูพยายามเข้าล่ะ ข้าหวังว่าจะได้พบเจ้าอีกครั้งในดินแดนแห่งทวยเทพ…และข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวัง…ยิ่งไม่ทำให้เสวี่ยเอ๋อผิดหวัง!”
หลังมอบของสองอย่างให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว พอกล่าวจบคำก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนคืนสติ เซี่ยเจี๋ยก็วูบหายไปในรอยแยกมิติทันที
หลังจากนั้นรอยแยกมิติที่พึ่งถูกฉีกเปิด ก็ปิดตัวลง
กว่าที่ต้วนหลิงเทียนจะฟื้นคืนความรู้สึก ก็จนเมื่อรอยแยกมิติปิดตัวลงไปแล้ว เขาได้แต่ก้มลงมองของสองอย่างที่เซี่ยเจี๋ยทิ้งไว้ให้อย่างเลื่อนลอย
ของสองอย่างที่ว่า เป็นกระบี่ และป้ายหยกที่มีแสงลี้ลับห่อหุ้มอยู่
ขณะเดียวกันรอยแยกมิติที่ถูกกระบวนท่ากระบี่ของเขาฉีกเปิดก่อนหน้าจนเหมือนอสรพิษตัวเขื่องยืดยาว ก็ค่อยๆคืนตัวลง ห้วงอวกาศหวนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
“ฮู่วว ~~”
ถังเซี่ยวเซี่ยวที่ลอยร่างไม่ห่างจากต้วนหลิงเทียน ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
นางสามารถกล่าวได้เลย ว่าเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนกับนางเกือบได้ไปเยือนเมืองผีแล้วจริงๆ เพราะอีกแค่นิดเดียวไม่พ้นต้องถูกอวิ๋นเย่ผู้นั้นฆ่าตายแน่!
“เค่อเอ๋อ…เจ้ารอข้าด้วย!”
ต้วนหลิงเทียนไม่ทันสนใจอะไรกับของสองอย่างในมือ เขาก็แหงนมองขึ้นไปเบื้องบน หมัดขวากำแน่นจนข้อขาวค่อยคำรามออกมาเสียงดังลั่นอย่างเกรี้ยวกราด คล้ายคิดระบายความอัดอั้นที่สุมอยู่ในอกออกไปให้หมด!
และเสียงคำรามด้วยอารมณ์รุนแรงของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้ถังเซี่ยวเซี่ยวหวาดกลัวไม่น้อย
พอถึงเซี่ยวเซี่ยวหายจากอาการตกใจ ก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนพลางถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ “นี่…เจ้าเล่าเรื่องของเจ้ากับภรรยาให้ข้าฟังได้รึเปล่า…ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
มาตอนนี้ถังเซี่ยวเซี่ยวย่อมรู้แล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นมีภรรยากระทั่งลูกก็มี!
นอกจากนั้นท่าทางภรรยาของต้วนหลิงเทียนจะไม่ธรรมดาถึงขีดสุด! ไม่ธรรมดาอย่างที่เหนือสามัญสำนึกของนางไปไกลลิบโลก!!
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เล่าเรื่องราวระหว่างเขากับเค่อเอ๋อให้ถังเซี่ยวเซี่ยวฟัง ทำให้ถังเซี่ยวเซี่ยวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นสักพักนางก็พยายามกล่าวปลอบเขาออกมา
“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเชื่อว่าสุดท้ายเจ้าต้องได้อยู่กับภรรยาของเจ้าแน่!”
“ไม่ใช่อาวุโสเซี่ยเจี๋ยผู้นั้นกล่าวบอกเองหรือ ว่าเจ้ายังมีเวลาอีกตั้งพันปี!”
“ในชีวิตนี้เจ้าพึ่งจะบ่มเพาะพลังมาไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ…ข้าเชื่อว่าอีกพันปีหลังจากนี้ เจ้าต้องแข็งแกร่งมากพอจะทำให้พ่อตาเจ้ายอมรับได้แน่!”
ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวปลอบออกมา ด้วยท่าทางเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตามแม้ทีท่าถังเซี่ยวเซี่ยวจะเชื่อมั่น กล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่อันที่จริงในใจนางไม่คิดแบบนั้น
เป็นธรรมดาว่านางไม่ได้คิดดูเบาต้วนหลิงเทียนว่าไม่มีทางทำให้พ่อตายอมรับได้ในเวลาพันปี
เพียงแค่นางรู้สึกว่ามันช่างเป็นเรื่องราวยากเย็นเสียเหลือเกิน…ที่ต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งขึ้นมากพอให้พ่อตายอมรับ!
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีอายุไม่ถึงร้อยปี และมีความแข็งแกร่งมหาศาลในสายตานาง
แต่ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจแค่ไหน ตอนนี้ก็เพียงทัดเทียมได้กับตัวตนขอบเขตจินเซียนของระนาบเทวโลกเท่านั้น
ถึงแม้เซี่ยเจี๋ยจะไม่ได้พูดบอกต้วนหลิงเทียนออกมาตรงๆ ว่าพลังฝีมือต้องบรรลุถึงขอบเขตขีดขั้นใดต้วนหลิงเทียนถึงจะทำให้พ่อตายอมรับ…
แต่ในความคิดนางอย่างน้อยๆก็ต้องไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิสวรรค์ใช่หรือไม่?
เพราะสุดท้ายแล้ว กระทั่งคนรับใช้ที่คู่แข่งหัวใจอย่างอวิ๋นชิงเหยียนอะไรนั่นสุ่มส่งมาฆ่าเขา กลับร้ายกาจยิ่งกว่าตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์เสียอีก!!
ในอีกหนึ่งพันปีหลังจากนี้ แม้จะอาศัย ‘รากฐาน’ ที่ต้วนหลิงเทียนมีในปัจจุบัน แต่การจะให้แข็งแกร่งเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ เกรงว่าคงเป็นเรื่องราวที่ยากเย็นยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์หลายเท่า!
“อืม”
ถึงแม้จะรู้ดีว่าที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวออกมาก็แค่อยากปลอบใจเขา แต่ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับ
ตอนนี้เขาไม่มีทางให้ถอยแล้ว!
หลังจากนี้อีกพันปี ไม่ว่าพลังฝีมือเขาจะมีสูงพอหรือไม่ เขาก็จะดั้นด้นไปยังดินแดนแห่งทวยเทพนั่นให้จงได้!
เขายอมเอาหนึ่งชีวิตนี้ไปสู้ตายอย่างสิ้นหวัง ยังดีกว่ายืนมองภรรยากลายเป็นของชายอื่น!
…
ไม่กี่วันหลังจากนั้นถังเซี่ยวเซี่ยวก็ติดตามต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงโลก และได้ใช้เวลาเดินทางท่องไปทั่วทุกมุมโลกกับต้วนหลิงเทียนอยู่สองสามวัน
หลังจากโลกไปหลายปี ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกก็แปรเปลี่ยนไปไม่น้อย เปลี่ยนไปถึงขั้นที่ต้วนหลิงเทียนไม่อาจจินตนาการได้ออก…
อย่างไรก็แล้วแต่ด้วยมีความจริงที่ว่าอวิ๋นเย่จากดินแดนแห่งทวยเทพโผล่มาหมายสังหารแบบนี้ ทั้งได้รับรู้เรื่องราวจากเซี่ยเจี๋ย อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่
ดังนั้นหลังไปยังสถานที่ๆคิดถึงตลอดสองสามวันที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางออกจากโลกพร้อมถังเซี่ยวเซี่ยว
เขาคิดกลับเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ เพื่อกลับไปสะสางเรื่องราวในระนาบเซียน
…
ณ ดินแดนแห่งทวยเทพ
หลังจากที่อวิ๋นเย่หลบหนีเซี่ยเจี๋ยมาได้ มันก็ย้อนกลับมายังตระกูลอวิ๋นทันที
“นายน้อย…”
หลังได้พบเจอกับอวิ๋นชิงเหยียนอีกครั้ง อวิ๋นเย่ไม่ทันได้ทำอะไรนอกจากทักทาย ก็ถูกอวิ๋นชิงเหยียนยิ้มกล่าวขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เป็นอย่างไรบ้างอวิ๋นเย่ลองเจ้ากลับมาแล้วแบบนี้ เช่นนั้นเด็กน้อยต้วนหลิงเทียนนั่นก็ต้องตกตายไปแล้วสินะ”
“เจ้าทำได้ดีมาก!”
อวิ๋นชิงเหยียนมองอวิ๋นเย่ด้วยความพึงพอใจ พยักหน้างึกๆไม่หยุด
ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่คิดว่าอวิ๋นเย่จะทำพลาดเลย
ถึงพลังฝีมืออวิ๋นเย่จะไม่แข็งแกร่งเท่ามัน แต่ก็ร้ายกาจมากพอจะประชันกับจักพรรดิสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 81 จักรพรรดิสวรรค์แน่นอน!
อาศัยพลังฝีมือระดับนี้ คิดจะบดขยี้เด็กน้อยจากระนาบโลกียะคนหนึ่ง ยังมีหนทางผิดพลาดได้เหรอ?
“นะ..นายน้อยข้า…ข้าพลาดขอรับ…”
อวิ๋นเย่ได้แต่ก้มหัวลงไปพร้อมกล่าวขอขมาอวิ๋นชิงเหยียนอย่างอับจน
และทันทีทีมันพูดพร้อมก้มหัวลงไป บรรยากาศร่าเริงเมื่อครู่ก็หายไปทันที
เมื่ออวิ่นเย่เงยหน้าขึ้นมาดูเรื่องราว มันก็พบว่าสีหน้าของอวิ๋นชิงเหยียนตอนนี้เยียบเย็นถึงขีดสุด ทำเอามันหวาดกลัวทั้งกระวนกระวายจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“เกิดอะไรขึ้น?”
ในที่สุดอวิ๋นชิงเหยียนก็กล่าววถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไม่ยินดียินร้าย
อย่างไรก็ตามยิ่งอวิ๋นชิงเหยียนเฉยชามากเท่าไหร่ ใจอวิ๋นเย่ก็ยิ่งหวาดผวามากขึ้นเท่านั้น
เพราะมันรู้ดีว่าหากนายน้อยของมันเฉยเมยแบบนี้ หมายถึงมีโมโหหนักหนาแล้ว!!
“เป็นใต้เท้าเซี่ยเจี๋ยสอดมือมาขวางขอรับ…”
โดนอวิ๋นชิงเหยียนจี้ถาม ไหนเลยอวิ๋นเย่จะกล้ารอช้า เร่งกล่าวอธิบายเรื่องราวออกไปอย่างละเอียด “ตอนนั้นข้ากำลังจะฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แล้ว…ทว่าในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะตาย ใต้เท้าเซี่ยเจี๋ยพลันปรากฏตัวขึ้นและช่วยต้วนหลิงเทียนนั่นเอาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว…”
“นายน้อย เป็นข้าไม่เอาไหน…ใช้การไม่ได้เอง…”
สุดท้ายเมื่อกล่าวจบ อวิ๋นเย่ก็ก้มหัวลงไป ทำท่าราวเด็กน้อยรู้สึกผิด
“ในเมื่อเป็นเพราะอาเซี่ยเจี๋ยยื่นมือเข้าช่วยสารเลวน้อยนั่น เรื่องนี้ข้ายังจะโทษเจ้าได้อย่างไร…”
สองตาอวิ๋นชิงเหยียนหดหยีลง ทั้งเผยประกายเยือกเย็นวูบวาบ “แต่ไฉนอาเซี่ยเจี๋ยถึงไปโผล่ในระนาบโลกียะทั้งช่วยสารเลวน้อยนั่นได้…ราวกับรู้ว่าข้าจะส่งคนไปฆ่าสารเลวน้อยนั่น?”
“เพราะเท่าที่ข้ารู้…เรื่องนี้เหมือนจะมีแค่ข้ากับเจ้าเท่านั้นที่รู้”
อวิ๋นชิงเหยียนกล่าวจบก็มองจ้องอวิ๋นเย่ไม่วางตา
มันมองจ้องอวิ๋นเย่ไม่ใช่เพราะจะขุดคุ้ยหรือจับผิดอีกฝ่าย เพราะอวิ๋นเย่อยู่ในตระกูลอวิ๋นมานาน ถือเป็นคนเก่าคนแก่คนหนึ่ง มันย่อมเชื่อใจว่าอวิ๋นเย่ไม่มีทางทรยศแน่
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้อวิ๋นเย่จะทรยศมันจริง ก็ไม่มีทางทรยศมันด้วยเรื่องของเด็กน้อยในระนาบโลกียะคนหนึ่งแน่นอน
มันคิดว่าเรื่องนี้สมควรบังเอิญมากกว่า
“นายน้อย…เป็นคุณหนูหนิงเสวี่ยร้องขอให้ใต้เท้าเซี่ยเจี๋ยไปคอยดูแลสารเลวน้อยนั่นรึเปล่าขอรับ?”
อวิ๋นเย่มองสบตาอวิ๋นชิงเหยียนพลางกล่าวความคิดเห็นออกไปอย่างระวัง
ได้ยินคำของอวิ๋นเย่ สองตาอวิ๋นชิงเหยียนก็ทอประกายเยียบเย็นอีกวูบ “อาเซี่ยเจี๋ยจะปกป้องมัน ก็ปกป้องได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่ช่องทางระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกจะปิดลงเท่านั้นล่ะ!”
“หลังจากนี้อีกพันปี รอให้ช่องทางเชื่อมระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่…ข้าจะลงไปฆ่าสารเลวน้อยต้วนหลิงเทียนนั่นด้วยมือข้าเอง!!”