ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 993 ฆ่าติดต่อกัน! ฆ่าติดต่อกัน!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เหมือนกับช้างเหยียบย่างฟ้าดินกำลังวิ่งตะบึง กลับชนใส่ภูเขาที่แข็งแรงยิ่งกว่าตัวมัน

เผิงเฮ่อกระตุ้นเรือนภาร่อนวายุ พริบตาเดียวชนจนศีรษะแตกเลือดอาบ!

เรือยักษ์ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทียังทรงพลัง บดขยี้สรรพสิ่งได้ วินาทีต่อมาหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างน่าประหลาด

บนตัวเรือถูกเยี่ยนจ้าวเกอกระแทกเป็นช่องใหญ่ช่องหนึ่ง

รอยแตกอันน่ากลัวหลายสายขยายออกไปสี่ทิศแปดทาง เหยียดยืดไปยังทุกส่วนของเรือนภาร่อนวายุอย่างรวดเร็วโดยมีช่องนั้นเป็นศูนย์กลาง

เรือยักษ์นาวาเทพที่ขับเคลื่อนอยู่บนฟ้าได้ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอันน่าสะพรึงของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ถูกทำลายจนพังลง

พลังอันบ้าคลั่งสะท้อนกลับ จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิที่สลบไสลอยู่บนดาดฟ้าเรือหลายคนถูกสังหารอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นนี้!

หยวนเสี่ยนเฉิงกับนักพรตเชียนหลานที่นั่งขัดสมาธิ ป้องกันการกัดกร่อนจากแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งมาโดยตลอด ต่างกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

ลมหายใจและจิตใจปั่นป่วน พวกเขายากจะต้านทานได้อีก พลันรู้สึกเลอะเลือน วิงเวียนศีรษะ

เผิงเฮ่อราชาอัคคีเป็นผู้ขับเรือก็กระอักเลือดออกมา เขาที่เดิมทีถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำร้ายจนบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บสาหัสกว่าเดิมอย่างไม่อาจควบคุม

การขาดการเพิ่มเช่นนี้บันดาลให้ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งส่งผลกระทบต่อเขาอย่างล้ำลึกอีกขั้นหนึ่ง

เผิงเฮ่อรู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของการเกิดและการดับของจุดลมปราณ ซึ่งเหมือนกับดวงดาวในร่างของเขาหยุดลงทั้งหมด

เส้นทางการโคจรเริ่มเปลี่ยนเป็นหยาบกระด้าง

นี่ทำให้เขารู้สึกว่าระดับพลังฝึกปรือของตัวเองนั้น เหมือนตกลงไปอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด

เยี่ยนจ้าวเกอลอยตัว ปีนขึ้นสู่เรือที่กำลังจะล่ม บรรลุถึงเบื้องหน้าของเผิงเฮ่อ

เผิงเฮ่อถลึงตา เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเฉื่อยชา “ดาบอัคคี เพลงดาบราชาอัคคี ดูเหมือนท่านจะเป็นเผิงเฮ่อราชาอัคคีกระมัง”

“ข้าทราบว่าจวงเจาฮุยเป็นลูกเขยของท่าน ที่แล้วมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่าน”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวพลางยกฝ่ามือขึ้น “ตอนนี้ข้าจะส่งท่านไปอยู่เป็นเพื่อนเขา เพียงแต่เขาตายไปแล้วหลายวัน บางทีท่านอาจตามไม่ทันก็เป็นได้”

พร้อมกับที่พูด เขาฟาดฝ่ามือใส่ศีรษะของเผิงเฮ่อ

แม่วรยุทธ์ที่เผิงเฮ่อฝึกฝนจะเน้นโจมตีมองข้ามป้องกัน แตกต่างจากลักษณะของเนินต้นจักรพรรดิ แต่ว่าเขาที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าก็มีสี่จริยะหนุนเสริมร่าง เพียงแต่ว่าการสั่งสมไม่ได้เปี่ยมล้นเท่าจางซู่เหรินเท่านั้น

ทว่าเพราะการกัดกร่อนของแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง เผิงเฮ่อที่ตอนนี้พลังฝึกปรือได้รับความเสียหาย ไม่อาจต้านทานพลังของเยี่ยนจ้าวเกอได้อีก

“เยี่ยนจ้าว…”

ฝ่ามือหนึ่งฟาดลง เสียงคำรามหยุดชะงัก

จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์เมื่อปีนขึ้นสู่ขั้นสะพานเซียน จะได้รับโอกาสดับสิ้นและคืนชีพหนึ่งครั้ง

ทว่าหลังจากใช้ไปแล้ว จะมีแต่หลังจากเลื่อนเป็นขั้นประมุขในหมู่คนเท่านั้น จึงได้รับโอกาสถัดไป

น่าเสียดายที่ในชีวิตของเผิงเฮ่อก่อนหน้า เขาได้ดับสิ้นแล้วคืนชีพมาครั้งหนึ่งแล้ว

ดังนั้นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายผู้นี้จึงถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าตายในค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งด้วยฝ่ามือเดียว

หลังจากสังหารเผิงเฮ่อ และสัมผัสได้ว่าลมปราณชีวิตของอีกฝ่ายขาดสะบั้นโดยสมบูรณ์ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้สนใจพวกหยวนเสี่ยนเฉิงและนักพรตเชียนหลานบนเรือ แต่ก้มหน้ามองลงไปเบื้องล่าง

ณ ที่แห่งนั้น ด้านในแม่น้ำสีเหลือเข้มขุ่นขลักพลันมีแสงสีทองและประกายอัคคีสว่างขึ้นมา

ต่อจากนั้น จางซู่เหรินก็ฝืนดันตราประทับตะวันลอยขึ้นมาจากในแม่น้ำ

เนื่องจากถูกแม่น้ำของค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งโถมซัดใส่ ร่างของเขาจึงสั่นไหวมากขึ้น

หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนจ้าวเกอต้องรับมือกับชิงซู่จื่อและเผิงเฮ่อ ไม่ได้เพ่งสมาธิไปบนตราประทับตะวันมากเกินไป จางซู่เหรินไม่มีทางดันขึ้นมาได้เช่นนี้แน่

แต่ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่สนใจ เขาลอยมาถึงด้านข้างตราประทับตะวัน ตบมือใส่มันเบาๆ จากนั้นก็ค่อยลอยไปหาชิงซู่จื่ออีกทาง

ทว่าการตบครั้งนี้ทำให้ประกายแสงของตราประทับตะวันพร่างพราวกว่าเดิม พลังงานอันยิ่งใหญ่แข็งกร้าวทะลักขึ้นมาใหม่

ดวงอาทิตย์สีทองที่ยิ่งใหญ่พุ่งลงด้านล่างใหม่ กดจางซู่เหรินที่อยู่เบื้องล่างเข้าไปในแม่น้ำสีเหลืองอีกหน!

ทำลายเรือนภาร่อนวายุ สังหารเผิงเฮ่อ จากนั้นก็กระแทกจางซู่เหรินให้จมลงไป

ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ครู่สั้นๆ เท่านั้น

ชิงซู่จื่อที่แขนขาดไปข้างหนึ่งมองดูภาพเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเบื้องหน้าพร้อมกับกัดฟัน

ถึงแม้ว่านักพรตเชียนหลานผู้เป็นศิษย์น้องจะยังคงอยู่ที่นั่น แต่ว่าตอนนี้ชิงซู่จื่อไม่อาจสนใจได้อีก

ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ทำไมได้ต่างหาก!

ถึงจะบอกว่าเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายสามคนร่วมมือกัน แต่ว่าด้านในค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งแห้งนี้ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว พวกเขาไม่แตกต่างจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดเท่าใดนัก

ถึงขั้นที่ว่าพร้อมกับเวลาที่ผ่านไปและผลกระทบจากอาการบาดเจ็บ พวกเขาก็เหมือนกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอเมื่อเผชิญกับการกลุ้มรุมจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง และจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะต้นจะมีจุดจบอย่างไร ความตายของเผิงเฮ่อในตอนนี้และงานชุมนุมบนเขามหาวิญญาณเมื่อก่อนหน้า ได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างหมดจดแล้ว

ชิงซู่จื่อเหยียบย่างติดต่อกัน เคลื่อนย้ายมิติอย่างรวดเร็ว หมายจะรักษาระยะห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอ

ลูกศิษย์ยอดเขาอนัตตามีท่าร่างโดดเด่น ชิงซู่จื่อยิ่งเป็นผู้มีพรสวรรค์ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน

ทว่าสืบเนื่องจากการโจมตีจากค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งและอาการบาดเจ็บ เขาได้แต่มองดูเยี่ยนจ้าวเกอไล่ตามมาทันตาปริบๆ

ชิงซู่จื่อหน้าซีดเผือด ไม่เห็นสีเลือด

ขณะเห็นว่าหนีไม่พ้นเยี่ยนจ้าวเกอ และหนีไม่รอดจากค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง สุดท้ายเขาก็หยุดลง

“ขอบพระคุณท่านนักพรตอาวุโส เอกภพในแขนเสื้อของท่านทำให้ข้าผู้แซ่เยี่ยนได้เปิดโลกจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอเดินมาทีละก้าว “วันนี้เป็นเพราะอยู่ในค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งของข้า พลังฝึกปรือของท่านจึงถูกสะกด ไม่อาจใช้ออกมาได้ทั้งหมด กระนั้นระหว่างข้ากับท่านเป็นการต่อสู้เป็นตาย ไม่ใช่การแข่งขันประลองฝีมือ ขออภัยที่ข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่สนใจวิธีการ”

ชิงซู่จื่อที่ส่วนใหญ่แล้วจะเงียบงันสงวนวาจาจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ “ท่าน…ที่แท้มาจากไหนกันแน่”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “โลกแปดพิภพ ลูกศิษย์เขากว่างเฉิง ข้าคิดว่าพวกท่านทราบแต่แรกแล้วเสียอีก”

“เหอะ…” ชิงซู่จื่อหัวเราะ “ข้าเคยคิดมาก่อนว่าถ้าหากข้าต้องตาย จะตายด้วยน้ำมือของใคร ก่อนหน้านี้เคยนึกอยู่หลายครั้ง แต่ก่อนวันนี้จะมาถึง กลับไม่เคยคิดจะว่าตายด้วยน้ำมือของท่าน”

“แต่ว่าเป็นดังที่ท่านกล่าวกับเผิงเฮ่อเมื่อก่อนหน้า” ชิงซู่จื่อหัวเราะฮ่าๆ “จะมีคนส่งท่านลงไปร่วมทางกับพวกข้า ข้าจะรอท่านอยู่เบื้องล่าง”

ชิงซู่จื่อตวาดขึ้น มือที่เหลืออีกข้างกางแขนเสื้อ สะบัดใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

แขนเสื้อพุ่งออกไปได้กลางทาง ก็พลันมีเงาสีดำสายหนึ่งมุดออกมาจากด้านใน มองไปเหมือนกับแขนเสื้อของเขายาวขึ้น

ที่แท้เป็นแส้ยาวสีดำขลับอันหนึ่ง

เพราะทราบว่ากระบองไม้ไผ่ของเยี่ยนจ้าวเกอสะกดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ ก่อนหน้านี้ชิงซู่จื่อจึงไม่ได้ใช้อาวุธ

แต่เมื่อมาอยู่ในห้วงคับขัน ไหนเลยจะคิดมากเช่นนั้นได้อยู่อีก

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ฟาดกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าลง แส้ยาวสีดำขลับซึ่งเหมือนกับหางมังกรพลันเปลี่ยนเป็นงูตาย

ชิงซู่จื่อฉวยโอกาสนี้ปล่อยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง จากนั้นก็กางแขนเสื้อ ใช้เอกภพในแขนเสื้ออีกครั้ง

ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่หลบหลีก ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้เอกภพในแขนเสื้อของชิงซู่จื่อเก็บตัวเอง

เวลาบิดเบี้ยว ร่างของเขาเล็กลงในชั่วพริบตา ก่อนจะถูกชิงซู่จื่อดูดเข้าไปในแขนเสื้อ

ชิงซู่จื่อกลับไม่ได้มีสีหน้ายินดีแม้แต่น้อย

เพราะว่าค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งที่อยู่ตรงหน้ายังคงโคจรไม่หยุด!

เป็นอย่างที่คาดไว้ ครู่ต่อมา แขนเสื้อของเขาก็เริ่มพองขึ้นเรื่อยๆ

ผิวเสื้อนูนขึ้นมาตลอดเวลา เหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งไปทั่ว

ชิงซู่จื่อใช้พลังทั้งหมดสะกด แต่ว่าเพราะผลกระทบจากค่ายกลและอาการบาดเจ็บ จึงยิ่งมายิ่งบังคับแรงไม่ได้แล้ว

ในที่สุดก็เกิดเสียงเปรี้ยง!

แขนเสื้อข้างนั้นของชิงซู่จื่อฉีกขาด กลายเป็นเศษผ้ามากมาย กระจายว่อนไปทั่วฟ้า

ประกายกระบี่ที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงสว่างขึ้นไม่หยุด

บนแขนที่เหลือเพียงข้างเดียวของชิงซู่จื่อเต็มไปด้วยรอยเลือด บาดแผลกระจายอยู่เต็มไปหมด

“บางทีอาจเป็นข้าที่ส่งคนอื่นๆ ลงไปเป็นเพื่อนพวกท่านกระมัง” เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอดังขึ้นด้านหลังชิงซู่จื่อ

คมกระบี่ที่น่ากลัวพุ่งใส่ขมับของชิงซู่จื่อ จากนั้นก็แทงเข้าไป!

………………..