บทที่ 1976 กวาดล้างสิ่งสกปรกในบ้าน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความคิดสกปรกกับเทพสตรีเผ่าหงส์ เหมียวอี้ไม่รู้จะด่ามันอย่างไรดี ถามมันด้วยสีหน้าแปลกๆ ว่า “โจรอ้วน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าพวกนางสองคนเป็นใคร?”

“หงส์เฟิ่งหวงไง จะเป็นใครได้อีกละ?” เฮยทั่นถาม

เหมียวอี้ยิ้มเย้ย “พวกนางคือเทพสตรีผู้พิทักษ์เผ่าหงส์เฟิ่งหวงที่กลับมาเกิดใหม่!”

ไม่ได้ตกตะลึงเหมือนที่เหมียวอี้จินตนาการไว้ เฮยทั่นก็แค่งงไปชั่วขณะ ถามกลับว่า “แล้วยังไงล่ะ ข้าเป็นตัวผู้ พวกนางเป็นตัวเมีย ตัวผู้กับตัวเมียเหมาะสมกันพอดี”

“…” เหมียวอี้เถียงไม่ออกเพราะความมีเหตุผลของมัน ถามด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวว่า “ดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว คิดจะครอบครองพวกนางพร้อมกันสองคนเลยเหรอ?”

เฮยทั่นยกกรงเล็บข้างหนึ่งขึ้นมาเกากลางอากาศ “ฮูหยินหวนหวนกับหลางหลางก็เป็นฝาแฝดกันเหมือนกันนี่ นายท่านก็ได้ทั้งคู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

เหมียวอี้พูดไม่ออกกับท่าทาง ‘ข้าเอาเยี่ยงอย่างท่าน’ ของมัน รู้สึกอับอายจนโมโห “นั่นมันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ? เจ้าเป็นมังกร พวกนางเป็นหงส์”

เฮยทั่นกล่าวเหมือนประหลาดใจ “อนุภรรยาของนายท่านมีทั้งผีมารปีศาจ…”

“หุบปาก!” เหมียวอี้พูดตัดบท ในหัวมีคำว่า ‘คานบนไม่ตรง คานล่างก็เบี้ยว’ แวบเข้ามา กัดฟันบอกว่า “สัตว์เลื้อยคลานอย่างเจ้า แม้แต่แปลงร่างยังทำไม่ได้ เจ้าคิดว่าอีกฝ่ายจะชอบเจ้าหรอ? แปลงร่างเป็นคนให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

เฮยทั่นพยักหน้า “ข้าก็เตรียมจะทำอย่างนั้น แต่นายท่านก็ต้องช่วยสร้างโอกาสให้ข้าเหมือนกัน!”

“นี่เจ้ายังไม่จบสักทีใช่ไหม?” เหมียวอี้ดุมัน

เฮยทั่นประหลาดใจ “นายท่าน นี่ท่านไม่เข้าข้างพวกเดียวกันนี่นา ท่านยืนฝั่งไหน? พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกันตกลงไหม?”

เหมียวอี้หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที มารดาเจ้าเถอะ เป็นพวกเดียวกันก็ต้องดูด้วยว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน เรื่องรังแกชายขืนใจหญิงข้าเป็นพวกเดียวกับเจ้าได้ด้วยเหรอ? มิหนำซ้ำคนที่อยากจะข่มเหงก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป เป็นเทพสตรีเผ่าหงส์เชียวนะ! ทำเรื่องขาดคุณธรรมอย่างนี้จะต้องโดนสวรรค์ลงโทษแน่นอน เจ้าหนังหนาก็เลยไม่กลัวไง

ในปีนั้นเข้ามาในแดนมรณะดึกดำบรรพ์กับเฮยทั่น จู่ๆ เฮยทั่นก็พูดภาษาคนได้ เหมียวอี้ก็พบว่าเฮยทั่นปากอัปมงคลแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่ไม่เปลี่ยนแปลงดีขึ้น แต่ยิ่งพูดจาตรงไปตรงมาจนต่ำทรามมากขึ้น ไม่แปลกใจที่เทพมังกรรังเกียจอย่างลึกซึ้ง แม้แต่เหมียวอี้เองก็เริ่มรับไม่ไหวแล้ว เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะให้เฮยทั่นกลายเป็นใบ้อีกครั้ง

“เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก” เหมียวอี้พูดทิ้งท้ายแล้วเดินหนีไป

“นายท่าน แค่ผู้หญิงสองคนเอง ข้าก็ขอไม่เยอะนะ!” เฮยทั่นหมอบบนพื้น แล้วไถลหัวไปตรงหน้าเหมียวอี้ ขวางเหมียวอี้เอาไว้ ทำท่าทางเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม

“ไม่เชื่อฟังแล้ว ยังกล้ามาขวางทางข้า!” เหมียวอี้หยุดเดิน แสยะยิ้มอยู่พักนึง “ไม่ได้ลงโทษเจ้ามาตั้งหลายปี เจ้าของคันหนังแล้วสินะ?”

เฮยทั่นหัวเราะแห้ง ใช้กรงเล็บข้างหนึ่งตีน้ำแข็งตรงหน้าเหมียวอี้เบาๆ แล้วตอบอย่างกำเริบเสิบสานเล็กน้อย “นายท่าน พวกเราคุยกันด้วยเหตุผลดีกว่า ถ้าลงไม้ลงมือมันจะไม่น่าดูนะ แล้วอีกอย่าง ถ้าให้สู้กันตอนนี้ เกรงว่าคนที่เสียเปรียบก็คงจะเป็นขั้น ใช่ว่าข้าจะไม่อยากไว้หน้าท่าน ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ” มันบิดร่างกายใหญ่โตเล็กน้อย เหมือนกำลังอาศัยเกล็ดมังกรที่หนาทนทานและร่างกายเพื่อแสดงบารมี “นายท่าน เป็นน้ำใจที่ยากจะหาได้ ท่านช่วยเป็นพ่อสื่อให้ข้าสักหน่อยเถอะ”

“หึ! มีน้ำใจเหรอ? หน้าด้านไร้ยางอาย ใครมีน้ำใจกับเจ้า? ทั้งยัวบังคับให้ข้าเป็นพ่อสื่อด้วย? เฮยทั่น เจ้านี้ใช้ได้เลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะขู่พ่อแล้ว” เหมียวอี้บันเทิงแล้ว โมโหจนหัวเราะประชด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือหัวเราะเยาะ จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง โบกมือปล่อยตั๊กแตนทมิฬตัวหนึ่งออกมา

เฮยทั่นตกใจ แล้วก็ถลันตัวหนีไป เมื่อนานมาแล้วเหมียวอี้มักจะเอาตั๊กแตนทมิฬมาลงโทษมัน มันมีปมกับตั๊กแตนทมิฬ มันลอยขึ้นบนฟ้าแล้วบิดตัว กล่าวด้วยสายตาระแวดระวังว่า “นายท่าน หาผู้ช่วยถือว่าเก่งอะไรล่ะ?”

เหมียวอี้ขี้คร้านจะเปลืองคำพูดกับมัน พอใช้พลังจิต ตั๊กแตนทมิฬก็พุ่งออกไปบุกโจมตี!

เฮยทั่นหนีขึ้นบนฟ้าสูงเร็วมาก แต่ก็ไม่เร็วเท่าตั๊กแตนทมิฬ ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกตามทันแล้ว มีเสียงดังโครมครามอยู่บนฟ้า พวกมันพัวพันอยู่ด้วยกันแล้ว

เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ในรังหงส์ เทพสตรีผู้พิทักษ์ทั้งสองและหลิงหลันรีบถลันตัวออกมา

ขณะมองการต่อสู้บนท้องฟ้า หวงก็ถามอย่างประหลาดใจว่า “ตั๊กแตนทมิฬ?”

เฟิ่งกล่าวเสียงเย็น “ตั๊กแตนทมิฬเป็นสีดำ ตัวนี้ไม่เหมือน”

แต่ทั้งสองก็มองออกจากปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ว่าตั๊กแตนตัวนี้กำลังถูกเหมียวอี้ควบคุม

หวงมองไปทางเหมียวอี้ แล้วถามอย่างประหลาดใจว่า “มันเป็นสัตว์พาหนะของท่านไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงสู้กันแล้วล่ะ”

เหมียวอี้แสยะยิ้ม “กวาดล้างสิ่งสกปรกในบ้าน!”

พอพูดจบ กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าตั๊กแตนทมิฬความเร็วเหนือกว่าเฮยทั่น เกล็ดย้อนที่แข็งแรงทนทานของเฮยทั่นก็ต้านทานการโจมตีจากแขนขาที่แหลมคมของตั๊กแตนทมิฬไม่ได้เช่นกัน บนร่างกายถูกตั๊กแตนทมิฬกรีดเป็นรอยแผล แต่เฮยทั่นได้เปรียบเพราะร่างกายยาว สามารถใช้ทั้งหัวทั้งหางโจมตีได้ อีกทั้งยังบิดร่างกายซ้ายขวาเรากับสปริง พลังของตั๊กแตนทมิฬห่างกับเฮยทั่นไม่ใช่น้อยๆ

สิ่งที่ทำให้เหมียวอี้ประหลาดใจก็คือ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ สิ่งที่เฮยทั่นกลัวที่สุดก็คือตั๊กแตนทมิฬ ขอเพียงโดนโจมตี ก็จะถูกแช่แข็งทันที แต่ครั้งนี้ทนได้หลายท่า ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีปฏิกิริยาแบบนั้น ต้องทราบไว้ว่าตั๊กแตนทมิฬมีอานุภาพมากกว่าในปีนั้น

เขารู้ตัวเร็วมาก คาดว่าคงเกี่ยวข้องกับที่เฮยทั่นวิวัฒนาการเป็นมังกรแท้ กลายเป็นมังกรแท้อยู่ในแดนหยางบริสุทธิ์อย่างนี้ ธาตุหยยางบริสุทธ์ก็ย่อมไม่แย่อยู่แล้ว เอาชนะปราณหยินอันเหน็บหนาวของตั๊กแตนทมิฬได้แล้ว

พอเป็นแบบนี้ คาดว่าตั๊กแตนทมิฬจะต้องเสียเปรียบแน่นอน

เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ เฮยทั่นพบว่าตัวเองไม่ได้รับผลกระทบจากปราณหยินของตั๊กแตนทมิฬอีก จึงใช้อุบายเจ้าเล่ห์เต็มที่ทันที ฉวยโอกาสตั๊กแตนทมิฬไม่ทันระวัง สะบัดหางออกมาหนึ่งที เกิดเสียงดังเพี้ยะ ตั๊กแตนทมิฬโดนมันตบคว่ำโดยตรง พุ่งตกลงกระแทกบนทุ่งน้ำแข็งเรากับดาวตก กระแทกจนเกิดหลุมลึก ผิวน้ำแข็งแต่เป็นลายใยแมงมุม

เหมียวอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย เฟิ่งที่ไม่ค่อยพูด ตอนนี้พูดแล้วว่า “ข้าเคยประมือกับมันหลายครั้ง เจ้าสัตว์เลื้อยคลานตัวนี้เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่กลายร่างเป็นมังกรแท้ วรยุทธ์ก็ไม่เท่าไหร่ พลังก็เกือบเอาชนะระดับบงกชรุ้งขั้นสี่ได้ แต่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา แรงดีจนน่าตกใจ เผ่ามังกรที่วรยุทธ์เท่ามันเกรงว่าจะเอาชนะมันได้ยาก ที่สำคัญที่สุดก็คือมันเจ้าเล่ห์หน้าไม่อาย!”

หวงชำเลืองเหมียวอี้แวบหนึ่ง เห็นเพียงเหมียวอี้มีสีหน้าเรียบเฉย สุขุมเยือกเย็นมาก ไม่ว้าวุ่นวใจ เหมือนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับความพ่ายแพ้ตรงหน้า

ตั๊กแตนทมิฬที่อยู่ในหลุมลึกตื้นขึ้นมา แล้วส่ายหน้าเหมือนเมาสุรา เห็นได้ชัดว่าโดนแรงอันป่าเถื่อนของเฮยทั่นโจมตีจนหมื่น

“นายท่าน ข้าบอกแล้วว่าตอนนี้ถ้าสู้กันขึ้นมาท่านอาจจะแย่ ทำไมท่านต้องลำบากด้วยล่ะ” เฮยทั่นส่ายหน้าสั่นหางบินต่ำลง เอาหัวลงเอาหางขึ้น ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เหมียวอี้ที่อยู่ข้างล่าง

เหมียวอี้ไม่พูดอะไรสักคำ สะบัดแขนเสื้อ มีเงาบินออกมาเป็นขบวน ตั๊กแตนทมิฬสิบเก้าตัวจัดกระบวนทัพอยู่กลางอากาศ ตั๊กแตนทมิฬยี่สิบตัวที่เขาพกมาด้วยถูกปล่อยออกมาหมดแล้ว พอใช้พลังจิต ทั้งหมดก็พุ่งไปหาเฮยทั่นบนฟ้า

ตั๊กแตนทมิฬพวกนี้ ต่อให้สู้กับยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ เหมียวก็มีความมั่นใจเช่นกัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการเฮยทั่นไม่ได้

“โอ้โห นับว่าท่านโหด!” เฮยทั่นตกใจร้องโวยวาย แล้วหลบหนีอย่างหวาดกลัว

แต่จะหนีพ้นตั๊กแตนทมิฬที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วได้อย่างไร ไม่นานก็ตามทันแล้ว บนฟ้ามีเงาขวักไขว่วุ่นวาย เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไม่หยุด แล้วก็มีเสียงร้องของเฮยทั่นดังไม่ขาดสาย

สู้กับตัวสองตัวก็ยังพอไหว แต่เมื่อปะทะกับฝูงที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว อีกทั้งขาก็แหลมคมไร้ที่เปรียบ เฮยทั่นเริ่มหวาดกลัวแล้ว ไม่ว่าส่วนไหนของร่างกายก็รับมือไม่ทัน

ใช้เวลาไม่นาน ทั้งตัวเฮยทั่นก็ถูกกรีดจนเกล็ดได้รับความเสียหาย เลือดสดไหลออกมา ถ้าสู้กันต่อไปจะต้องโดนหักขาทิ้งแน่นอน

“อ๋าว” ไม่เห็นว่ากำลังจะสู้ไม่ไหว จู่ๆ เฮยทั่นก็ส่งเสียงมังกรคำรามสะเทือนฟ้า เมฆหมอกพลิกม้วนอยู่พักนึง จากนั้นก็มีสายฟ้าแวบวับอยู่ในเมฆ สายฟ้าไขว้ตัดสลับกัน

เหมียวอี้ขยับคิ้ว แอบคิดในใจว่าแย่แล้ว สายฟ้าคือดาวข่มของตั๊กแตนทมิฬ

เป็นอย่างที่คาดไว้ ตั๊กแตนทมิฬถูกฟ้าผ่าตกลงมาตัวแล้วตัวเล่า บางตัวตกใจกลัวสายฟ้าจนหนีหัวซุกหัวซุน เจอกับดาวข่มอย่างแท้จริง

เฮยทั่นที่รอดพ้นจากสถานการณ์ลำบากมีบาดแผลเต็มตัว บนตัวมีสายฟ้าเลื้อย โผล่หัวออกมาจากเมฆ แล้วหัวเราะเจ้าเล่ห์ไม่หยุด “นายท่าน อุบายตื้นๆ อย่างนี้ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าท่าน เชื่อไหมว่าข้าคงทำลายลูกกระจ๊อกพวกนั้นไปแล้ว” พูดจบก็เงยหน้าหัวเราะลั่น รู้สึกว่าวันคืนที่ตัวเองโดนตบตีผ่านพ้นไปแล้ว วันคืนอันดีงามที่เฝ้าหวังมาถึงแล้ว

หวงมองเหมียวอี้ที่ขมวดคิ้วพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิชาอัคนีดาราสามารถควบคุมหยินหยางได้ สรรพสิ่งในโลกนี้ยากจะหนีพ้นขอบเขตหยินหยาง สายฟ้านี้ก็เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากหยินหยางเช่นกัน ตามที่ข้ารู้มา สายฟ้าทำอะไรวิชาอัคนีดาราไมได้เลย สงสัยสัตว์พาหนะของท่านจะยังไม่รู้ ดีใจเร็วเกินไปแล้ว”

มีหรือที่เฮยทั่นจะไม่รู้ ในใจเหมียวอี้ตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่รู้เช่นกันว่าวิชาอัคนีดาราสามารถต้านทานสายฟ้าได้ ที่สำคัญคือไม่เคยลอง ในใจกำลังคิดว่าถ้ามีโอกาสต้องลองสักหน่อย

ส่วนเฮยทั่นก็เหมือนจะขาดการควบคุมตัวเอง กำแหงจนเป็นนิสัยแล้ว เหมียวอี้ต้องการสั่งสอนมันโหดๆ สักรอบ เตรียมจะไว้วิธีการโหดเหี้ยมกับเฮยทั่น

ไม่สนใจว่าวิชาอัคนีดาราจะต้านทานสายฟ้าได้หรือไม่ เหมียวอี้พลิกมือหยิบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชั้นหกอันหนึ่งมาไว้ในมือ ลูกธนูดาวตกสามดอกตั้งบนสายพรั้อมกัน ง้างสายธนูเล็งไปยังเฮยทั่นที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในเมฆ บนลูกธนูมีลำแสงไหลเวียน

มีแค่ลูกธนูดาวตกสามดอกเสียที่ไหนกัน ลูกธนูดาวตกนับร้อยดอกลอยอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ ใช้ได้อย่างสบายมือ สามารถยิงให้เฮยทั่นพรุนเป็นรังผึ้งได้

เฟิ่งกับหวงมอหงน้ากันเลิกลั่ก ทั้งสองยังไม่เคยรับรู้รสชาติของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชั้นหก แต่กลับรู้ว่าการที่เหมียวอี้สามารถนำมาใช้ในเวลานี้ได้ แสดงว่าเป็นอาวุธที่มีอานุภาพไม่ธรรมดาแน่นอน

“…” พอเห็นความเคลื่อนไหวข้างล่าง เฮยทั่นก็หัวเราะไม่ออกทันที ราวกับถูกบีบคอเอาไว้ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชั้นหกเหรอ? มันกล่าวอย่างหวาดกลัวทันที “ใช้ของวิเศษนับว่ามีความสามารรถอะไร ท่านทำแบบนี้ต่อให้ชนะแต่ก็ถือว่าชนะเพราะโกง หยุดนะ ข้าไม่สู้แล้ว!”

เหมียวอี้ชยับคิ้วเล็กน้อย ปล่อยสายธนูช้าๆ แล้วโบกมือเก็บธนูและลูกธนูเอาไว้

พอพลิกมือ เกราะรบชั้นหกชุดหนึ่งก็วางอยู่บนฝ่ามือ แล้วก็เลื้อยสวมขึ้นมาบนร่างกาย จากนี้ชี้เฉียงขึ้นไปบนฟ้า “มาเถอะ ให้ข้าดูหน่อยว่ากระดูกเจ้าจะแข็งเหมือนปากหรือเปล่า!” พูดจบก็ถลันตัวทันที วิ่งไปทางทุ่งน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว

“หึหึ!” เฮยทั่นหัวเราะเจ้าเล่ห์ กลอกลูกตาใหญ่ไปมาสองรอบ เหมียวอี้อยู่ที่นี่เหาะไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ามันได้เปรียบ มันถลันตัวพุ่งลงจากเมฆราวกับลูกธนู พุ่งไปทางเหมียวอี้

เห็นเหมียวอี้ตามองหกถนน หูฟังแปดด้านวิ่งกระโจนตัวขึ้นมา บึ้ม! เฮยทั่นเอาหัวชนเข้าไปในผิวน้ำแข็ง

เหมียวอี้หลบการโจมตีนี้ได้ แล้วเหนือศีรษะกลับมีเงาดำครอบลงมา เฮยทั่นที่เอาหัวโหม่งพื้นสะบัดหางตบเข้ามาแล้ว

เหมียวอี้ทะยานตัวขึ้นฟ้าแล้วโบกหมัด จุดสีดำหมุนวนบนหมัดโลหะรับกับหางใหญ่ที่สะบัดตบเข้ามา ลมหมัดปนเสียงคำรามเล็กน้อย

…………………………