บทที่ 1001 ตื่นได้แล้ว

The king of War

หยางเฉินเป็นพี่ใหญ่ของเขา และเขาก็เคยเป็นจอมพลแดนเหนือด้วย แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสนามรบได้ริเริ่มที่จะเชิญเขา และต้องการให้หยางเฉินเป็นผู้บัญชาการของสี่แดน

ไม่ว่าจะเป็นแดนเหนือ หรือหยางเฉิน หรือสำหรับทหารทุกคนในแดนเหนือ นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง

“พี่เฉิน!”

หม่าชาวอดไม่ได้ที่จะเรียก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เขารู้ความสามารถของหยางเฉิน และรู้ว่าหยางเฉินรักสนามรับมากเพียงใด นี่คือเกียรติสูงสุดของหยางเฉิน ในฐานะเพื่อนของหยางเฉิน เขาไม่ต้องการให้หยางเฉินปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่า เหตุผลที่หยางเฉินจากไปนั้น เป็นเพราะภรรยาและลูกสาวของเขา และหยางเฉินต้องการใช้เวลาที่เหลือในชีวิตของเขาเพื่อชดเชยหนี้ห้าปีที่เขาเป็นหนี้ภรรยาและลูกสาวของเขา

ดังนั้น ในช่วงขณะหนึ่ง หม่าชาวจึงมีความขัดแย้งอย่างมาก ไม่เพียงต้องการให้หยางเฉินตอบตกลงที่จะกลับไปที่สนามรบ แต่ก็ไม่อยากรบกวนชีวิตปัจจุบันของหยางเฉิน

ต่งจ้านกังที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงอย่างมากในขณะนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเกรงกลัวต่อหยางเฉิน

คราวนี้ เมื่อผู้อาวุโสเฝิงจัดให้เขาติดตามหยางเฉิน หนึ่งในภารกิจคือการบอกหยางเฉินว่า แดนสงครามต้องการให้หยางเฉินเป็นผู้บัญชาการของแดนทั้งสี่

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาบอกหยางเฉิน เขาถูกหยางเฉินปฏิเสธโดยไม่ลังเล

แต่ตอนนี้ เป็นถึงแดนสงครามจิ่วโจว หนึ่งในผู้นำระดับสูงของแดนสงครามผู้อาวุโสเฝิงได้เชิญเป็นการส่วนตัว

“คุณหยาง ต่งจ้านกังขอร้องให้คุณกลับไปที่สนามรบเถอะ!”

ทันใดนั้น ต่งจ้านกังก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ งแล้วพูดอย่างเคารพและอ้อนวอน

เขาต้องการให้หยางเฉินกลับไปจากก้นบึ้งของหัวใจ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสในสนามรบ แต่เขาเคยได้ยินตำนานมากมายเกี่ยวกับหยางเฉิน

ครั้งนี้ สามารถติดตามหยางเฉินในเมืองกษัตริย์กวนเป็นการส่วนตัว ถือเป็นเกียรติตลอดชีวิตสำหรับเขา

ดวงตาของหยางเฉินก็สับสนเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็หลับตาลงและนิ่งเงียบ

ผู้อาวุโสเฝิงรู้ดีว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ยากสำหรับหยางเฉินแค่ไหน เขาไม่รีบร้อนและรอการตัดสินใจของหยางเฉินอย่างเงียบๆ

ขอเพียงหยางเฉินเห็นด้วย เขาจะยื่นใบสมัครเข้าร่วมการประชุมระดับสูงในสนามรบทันที เพื่อทำให้การเป็นผู้บัญชาการทั้งสี่แดนของหยางเฉินผ่าน

ตามที่หยางเฉินทำได้ การประชุมระดับสูงในสนามรบเป็นเพียงกระบวนการ และไม่มีระดับสูงคนใดจะหยุดยั้งหยางเฉินจากการขึ้นสู่ตำแหน่งได้

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หยางเฉินก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ผม หยางเฉิน มีดีแค่ไหนกันที่ผมจะได้รับเกียรติเช่นนี้ ถ้าแม่ของผมยังมีชีวิตอยู่ เธอจะต้องภูมิใจอย่างแน่นอนใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ผู้อาวุโสเฝิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ดูเหมือนจะรู้คำตอบของหยางเฉินแล้ว และถอนหายใจอย่างเงียบๆ

“ตั้งแต่ตอนที่ออกจากแดนเหนือ ผมแค่อยากจะเป็นสามีและพ่อที่ดี!”

แน่นอนว่าหยางเฉินปฏิเสธ แต่ในวินาทีต่อมา น้ำเสียงของเขาจริงจังและเคร่งขรึมอย่างยิ่ง “อย่างไรก็ตาม ถ้ามีวันหนึ่งที่ประเทศมีสงคราม การเรียก ผมจะกลับไปแน่นอน และการต่อสู้จะชนะ!”

ทุกคำที่เขาพูดออกมา หนักแน่น

สิ่งนี้ทำให้ต่งจ้านกังที่ได้ยินประโยคนี้ ตัวสั่นไปทั้งตัว และเลือดในร่างกายของเขาก็เดือดทันที

เดิมทีความกังวลใจของหม่าชาวหายไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อมองดูร่างหนุ่ม ดวงตาของเขาแน่วแน่อย่างยิ่ง เขาติดตามหยางเฉินในชีวิตนี้และไม่เคยเสียใจภายหลัง

และหยางเฉิน ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง!

แม้ว่าต่งจ้านกังจะตกใจ แต่เขาก็สามารถเข้าใจหยางเฉินได้

อย่างไรก็ตาม คำตอบของหยางเฉินทำให้เขารู้สึกนับถือมากยิ่งขึ้น และมีเพียงฮีโร่ที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้น ที่จะไม่ทำให้แดนสงครามเสียหน้า

“มีคำพูดของคุณ ก็พอแล้ว!”

ผู้อาวุโสเฝิงถอนหายใจและพูดด้วยอารมณ์ที่ดี

เขารู้สถานการณ์ของหยางเฉินอย่างดี

เป็นเพราะหยางเฉินมีคุณธรรมและซื่อตรง ตอนนั้นถึงได้รับความชอบจากเขา

ตลอดชีวิตหยางเฉินที่ผ่านมา เขารู้ดีว่าเขาประสบอะไรมาบ้าง

“ผู้อาวุโสเฝิง ขอบคุณที่เข้าใจ!”

หยางเฉินกล่าวอย่างซาบซึ้ง

“อย่าขอบคุณผมเร็วไป บางทีมันอาจจะไม่นาน ผมจะหน้าด้านอีก เชิญคุณออกมาช่วย”

ผู้อาวุโสเฝิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หยางเฉินมีสีหน้าขมขื่น “ผู้อาวุโสเฝิง คุณใช้คำว่าเชิญกับผม เป็นเกียรติมากไปสำหรับผม!”

“ฮ่าๆๆๆ……”

ผู้อาวุโสเฝิงหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากหัวเราะมากพอ เขาก็พูดอย่างจริงใจว่า “หยางเฉิน เสียวหว่านเป็นคนที่น่าสงสาร พ่อแม่ของเธอทั้งคู่เสียชีวิตในสนามรบ เสียวหว่านถูกผ่าออกจากท้องแม่หลังจากแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอตาย”

“ภรรยาของอ้ายหมินก็เป็นฮีโร่ที่เสียชีวิตในสนามรบเช่นกัน ตอนนั้นอ้ายหมินก็ได้สร้างคุณูปการมากมายให้กับจิ่วโจว”

“อาจกล่าวได้ว่า ครอบครัวของอ้ายหมิน เสียสละเพื่อประเทศ อ้ายหมินมีเพียงหลานสาวแค่คนเดียว ต่อไป เสียวหว่านก็ฝากคุณดูแลนะ!”

พูดถึงตอนท้ายๆ ผู้อาวุโสเฝิงเกือบร้องไห้

ผู้อาวุโสเฝิงเป็นพี่ชายคนโตของหมอเทวดาเฝิง ก่อนที่หมอเทวดาเฝิงเสียชีวิต ผู้อาวุโสเฝิงก็ยุ่งกับงานในสนามรบมากเกินไป และไม่สามารถมาส่งหมอเทวดาเฝิงในตอนสุดท้ายได้

หยางเฉินรู้สึกเคารพนับถือในทันที เขารู้เกี่ยวกับตัวตนของเฝิงเสียวหว่านมานานแล้ว

ในตอนนี้ เมื่อผู้อาวุโสเฝิงกล่าวอีกครั้ง ในใจหยางเฉินเคารพครอบครัวของหมอเทวดาเฝิงมาก

“ผู้อาวุโสเฝิงไม่ต้องห่วง ต่อไปเสียวหว่านจะเป็นน้องสาวของผม และจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้แม้แต่น้อย!”

หยางเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“โอเค ผมเชื่อในตัวคุณ!”

หลังจากที่ผู้อาวุโสเฝิงพูดจบ เขาก็วางสาย

ต่งจ้านกังและหม่าชาวก็ค่อยๆลดความตื่นเต้นของพวกเขาที่อยากให้หยางเฉินได้รับเกียรติจากการเป็นผู้บัญชาทั้งสี่แดนลง เมื่อรู้ตัวตนเองเฝิงเสียวหว่าน

“จากนี้ไป เสียวหว่านและ หมีเสวี่ย ล้วนเป็นน้องสาวแท้ๆของผม!”

หม่าชาวก็เอ่ยปากกล่าว

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา รวมทั้งต่งจ้านกังกับเฝิงเสียวหว่านและคนอื่นๆได้ขึ้นเครื่องบินพิเศษ และกลับไปที่เยี่ยนตู

ทันทีที่เขามาถึงเยี่ยนตู ต่งจ้านกังก็บอกลาหยางเฉินและจากไป

นี่เป็นครั้งแรกที่เฝิงเสียวหว่านออกจากหมู่บ้านอู๋ อย่าว่าแต่เยี่ยนตูเลย เธอไม่เคยไปเที่ยวที่เมืองกษัตริย์กวนด้วยซ้ำ

เมื่อเธอมาถึงเยี่ยนตูในเวลานี้ เธอก็รู้สึกเหมือนคุณยายหลิวเข้าต้ากวนหยวนเหมือนในนิยายความฝันในหอแดง ซึ่งเหมือนคนดอยเข้าเมือง

“นี่คือเยี่ยนตูเหรอ?”

เมื่อมองไปที่โลกใหม่ที่มีสีสัน มีความรู้สึกอึ้งอยู่ในสายตาของเฝิงเสียวหว่าน

เพราะว่า เธอเป็นเด็กผู้หญิงอายุยี่สิบต้นๆ ดังนั้นเธอจึงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกใหม่เอี่ยมนี้โดยธรรมชาติ

หยางเฉินยิ้มและพยักหน้า “จากนี้ไป เราจะอยู่ในเมืองนี้ และคุณจะค่อยๆตกหลุมรักเมืองนี้”

เฝิงเสียวหว่านยิ้มเล็กน้อย”ฉันตกหลุมรักเมืองนี้แล้ว”

“ฮ่าๆ งั้นก็ดีแล้ว!”

หยางเฉินหัวเราะ

ก่อนหน้านี้ เขากังวลว่าเฝิงเสียวหว่านเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านอู๋และเขากลัวว่าเฝิงเสียวหว่านจะไม่สามารถปรับตัวได้ เมื่อมาอยู่ในเยี่ยนตู

โดยไม่คาดคิด เฝิงเสียวหว่านจะตกหลุมรักเมืองนี้ทันทีที่เธอมาที่เยี่ยนตู

ครึ่งชั่วโมงต่อมา แท็กซี่มาจอดที่ชุมชนวิลล่าในเมืองในฝัน

นี่คือของขวัญแต่งงานที่หยางเฉินมอบให้หม่าชาว ตอนนี้ ครอบครัวของหม่าชาวอาศัยอยู่ที่นี่ และ หมีเสวี่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย