อีกฝั่งหนึ่ง คนในสำนักเซียนไร้เจตสิกก็มารวมตัวกันแล้ว มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผืนแผ่นดินเดียวกัน แต่เส้นสนกลในของสำนักเซียนไร้เจตสิกกลับเกะกะระรานกว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินมาก ๆ จำนวนผู้อาวุโสเทพมารมีมาก ผู้อาวุโสไท่ซ่างระดับเทพฟ้าก็มีหลายสิบคน

แต่ทว่าในบรรดาคนทั้งหมดนี้ ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลับไม่ใช่ผู้อาวุโสไท่ซ่างระดับเทพฟ้า แต่เป็นชายหนุ่มรูปงามที่งดงามดั่งสตรีคนหนึ่ง

หากไม่ใช่เพราะคนดังกล่าวสวมชุดคลุมปัญญาชนและหน้าอกแบนราบละก็ หลัวซิวแทบจะคิดว่าเขาคือสตรีนางหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังเป็นสตรีที่งดงามจนดูเกินความเป็นจริงด้วย!

ผลการฝึกตนของคนดังกล่าวคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ขั้นสูง แต่เมื่ออยู่ในนี้ ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าก็ต้องเคารพเขาเป็นหัวหน้า!

“เขาเป็นผู้ใดหรือ?”หลัวซิวรู้สึกสงสัยอย่างอดไม่ได้ ระยะเวลาที่เขาเข้ามาในโลกเซียนเสวียนเทียนไม่นานนัก ขณะนี้โลกทันศ์ของเขายังจำกัดอยู่ที่ขอบเขตอำนาจของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน

“เขาคือเทียนหวูเชว”ซุ๋นซินเหลียนเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า สีหน้าตึงเครียด“ใช้เทียนเป็นแซ่ และหวูเชวเป็นชื่อ เรียกได้ว่าเป็นผู้สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ! ครั้นเมื่อเขายังวัย 18 ก็ฝึกตนจนบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงแล้ว มีศักยภาพที่จะบรรลุถึงเทพมารตั้งนานแล้ว แต่ทว่าเขากลับเคี่ยวกรำรากฐานมานานต่อเนื่อง 20 ปี ไม่ยอมบรรลุสักที!”

“ต้องรู้ก่อนกว่ายิ่งรากฐานของนักยุทธ์ลึกแน่นมากเพียงใด ความยากในการบรรลุสู่แดนต่อไปก็จะยากเพียงนั้น มีผู้มีพรสวรรค์น่าทึ่งจำนวนไม่น้อยที่เคี่ยวกรำรากฐานของตัวเองโหดเกินไปเพราะความถือดี ส่งผลให้รากฐานหนักอึ้งมากเกินไป และไม่สามารถบรรลุขึ้นไปสู่แดนต่อไปได้ ทำได้เพียงมองดูอายุไขค่อย ๆ หมดไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้ และตายจากไปในที่สุด!”

“แต่ทว่าเทียนหวูเชวกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง ฐานร่างของเขาพิเศษเฉพาะมาก ๆ ซึ่งมีนามว่าร่างแด่เทพเจ้า ความพิเศษของฐานร่างประเภทนี้อยู่ที่ขอเพียงผลการฝึกตนถึงเกณฑ์ ก็จะสามารถบรรลุถึงแดนเทพมารได้ อีกทั้งยังเป็นการบรรลุที่สำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งเทียบเท่ากับว่าถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องกลายเป็นเทพมาร!”

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่ว่ารากฐานของเทียนหวูเชวจะหนักอึ้งมากเพียงใด การบรรลุถึงแดนเทพมารจึงไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา เขาสามารถบรรลุขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย”

“และเป็นเพราะเหตุใดเช่นกันร ากฐานของเขาถึงหนักอึ้งลึกซึ้งอย่างมาก มั่นคงทรงพลังน่ากลัวยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าหลาย ๆ ท่านเสียอีก เพราะฉะนั้นเมื่ออยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ขั้นสูงแล้ว เขาจึงแทบจะเป็นผู้ไร้เทียมทาน!”

เป็นผู้ไร้เทียมทานในแดนเดียวกัน?

จากสีหน้าที่ดูตึงเครียดของซุ๋นซินเหลียน หลัวซิวดูออกอยู่ว่านางเกรงกลัวในตัวเทียนหวูเชวคนนี้มาก ๆ

ไม่ได้มีเพียงฝั่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินเท่านั้น หลัวซิวก็มองเห็นเช่นกันว่าแววตาของผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ที่มองไปทางเทียนหวูเชวล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกรงกลัว

นี่คือวัยเยาว์ผู้น่ากลัวที่แท้จริงคนหนึ่ง อายุเพียง 30 กว่า ก็สามารถทำให้เทพมารหลายคนที่ฝึกตนมาหลายหมื่นปีเกรงกลัว แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าเหล่านั้นก็ยังต้องยึดเขาเป็นหัวหน้า

บนตัวเทียนหวูเชวไม่มีคลื่นพลังออร่าใด ๆ เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย หลัวซิวก็มองความสามารถที่มากน้อยของเขาไม่ออกเช่นกัน

เขาดึงสายตากลับมา หันไปมองวังเซียนที่ยิ่งใหญ่นั่นแล้วถาม: “วังเซียนหลังนี้คือสถานที่กระไรอีกขอรับ?”

“วังราชาเทพเสวียนเทียน”

ซุ๋นซินเหลียนเอ่ยปากอธิบาย: “สถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งเทพมารผู้บุกเบิกโลกเสวียนเทียนนั่งฌานละสังขาร”

จากการบันทึกของตำนานโบราณ ราชาเทพเสวียนเทียนนั่งฌานละสังขารอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ สร้างโลกขึ้นมาด้วยผลการฝึกตนที่ล้ำเลิศทั้งตัวและพลังเทพดั้งเดิมของเขา ก่อให้เกิดสรรพสิ่งนับหมื่น จนประกอบแบบโลกเสวียนเทียนในปัจจุบัน

และพลังเทพอีกส่วนหนึ่งที่ยังเหลืออยู่ก็กลายเป็นโลกเซียนเสวียนเทียน

อย่างที่ทุกคนทราบกัน ก่อนอายุไขของผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารเป็นต้นไปจะสูญสิ้น จุดประสงค์ที่พวกเขาบุกเบิกพิภพนั้นก็เพื่อให้พลังชีวิตของตนคงอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ โดยอยู่ในรูปแบบอื่น

ตัวอย่างที่เห็นได้ก็คืออย่างราชาเทพเสวียนเทียน อสูรจิตที่กำเนิดในโลกเสวียนเทียน จะมีตราของราชาเทพเสวียนเทียนตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากพิภพนี้กลายมาจากผลการฝึกตนและกฎพลังเทพทั้งหมดของเขา