มนุษย์ร่างเงาไม่กล่าวตอบและชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน ‘ครืนน’ พริบตานั้นเอง ทิวทัศน์รอบด้านของหลิงฮันก็เปลี่ยนไป ซึ่งพอรู้สึกตัว เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่ห้องหิน
เบื้องหน้าของเขาคือป่าดอกท้อที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ใบดอกท้อสีชมพูเบ่งบานและส่งกลิ่นหอมไปทั่ว จนทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
ในดินแดนแห่งเซียน พืชและต้นไม้หลากหลายชนิดส่วนใหญ่จะมีความสูงตั้งแต่หมื่นฟุตไปจนถึงสามหมื่นฟุต
แต่ที่นี่ไม่ใช่แบบนั้น ความสูงของต้นดอกท้อนั้นสูงเพียงสองฟุตกว่าเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ธรรมดาสามัญเป็นอย่างมาก
หลิงฮันสำรวจร่างกายตนเองเป็นอย่างแรกเพื่อมั่นใจว่านี่คือร่างกายของเขาจริงๆ ไม่ใช่การจำลองเหมือนก่อนหน้านี้
เมื่อตรวจสอบร่างกายเสร็จ เขาก็ทำการออกเดินทางอย่างไรจุดหมาย ท่ามกลางป่าดอกท้อโดยที่ไม่รู้ทิศเหนือทิศใต้
แต่หลังจากเดินไปได้สักพัก หลิงฮันก็ต้องหยุดฝีเท้า เนื่องจากเขารู้สึกว่าหากยังเดินสุ่มไปมั่วๆเช่นนี้ เขาจะไม่มีวันออกไปจากป่าแห่งนี้ได้
มนุษย์ร่างเงากล่าวว่าหากผ่านการทดสอบก่อนหน้านี้ได้ เขาจะมีโอกาสได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ซึ่งแน่นอนว่า วาสนายิ่งใหญ่ที่ว่าไม่มีทางได้รับมาเปล่าๆ แต่ต้องผ่านการทดสอบอีกครั้ง ซึ่งก็คือการออกจากป่าแห่งนี้
หลิงฮันทะยานร่างขึ้นสูงและเหาะวนสำรวจไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่พบอะไรอื่นเลยนอกจากต้นดอกท้อสีชมพู อย่างกับว่าสถานที่แห่งนี้คือโลกที่มีแต่ต้นดอกท้อเพียงอย่างเดียว
หลังจากผ่านไปสองวัน เขาก็ยังคงเดินวนไปมาท่ามกลางป่าที่เต็มไปด้วยต้นดอกท้อ
“ไม่ถูกต้อง!”
หลิงฮันส่ายหัว การจะไปให้ถึงตำแหน่งที่มีวาสนาอันยิ่งใหญ่รออยู่ ดูเหมือนจะไม่ง่ายเลยจริงๆ
เขาร่อนร่างลงสู่พื้นและนั่งขัดสมาธิเพื่อนึกถึงเส้นทางก่อนๆที่เขาเคยผ่านมา
ด้วยพลังบ่มเพาะในตอนนี้ แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมสามารถจดจำเส้นทางทั้งหมดที่เคยเดินผ่านได้อย่างไม่หลงลืม ภายในช่วงเวลาพริบตาเดียว ภาพเส้นทางต่างๆมากมายแสนซับซ้อนก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
“จะต้องมีรูปแบบอยู่แน่นอน!”
หลิงฮันกล่าวกับตัวเอง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เข้าไปยังหอคอยทมิฬ เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบของสถานที่แห่งนี้ใต้ต้นสังสารวัฏ
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน หลิงฮันที่นั่งหลับตาอยู่ใต้ต้นสังสารวัฏก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้ม
เขามั่นใจว่า ตอนนี้เขาพบเจอเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว
“สามี!” สตรีนกอมตะก้าวเดินเข้ามาหา ตอนนี้ภายในหอคอยทมิฬเหลือนางอยู่เพียงแค่คนเดียว แม้แต่จักรพรรดิจอมอสูรจอมประจบสอพลอก็ถูกหลิงฮันทิ้งเอาไว้ในเมืองรองของนิกายจันทราหม่นแสง เพราะงั้นนางจึงรู้สึกเบื่อและเหงาเป็นอย่างมาก
หลิงฮันปลอมประโลมนาง เนื่องจากว่าสตรีนกอมตะนั้นยังไม่บรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน นางจึงไม่สามารถออกไปเดินในเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงได้
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและเดินหน้าต่อ
“หืม?” เมื่อเดินไปได้สักพัก จู่ๆหลิงฮันก็พบเห็นสตรีชุดแดงเดินอยู่ด้านหน้า แผ่นหลังจากสตรีผู้นี้งดงามมาก ราวกับเป็นผลงานอันประณีตที่สวรรค์สรรสร้าง
“ภรรยาข้า!” เขาตะโกนเรียกเสียงดัง
จักรพรรดินีหยุดเดินและหันหลังกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอันงดงาม
หลิงฮันก้าวเดินขึ้นหน้า ในขณะที่จักรพรรดินีเดินถอยหลังกลับมา ทั้งสองอ้าแขนโอบกอดกันและรู้สึกว่าเวลาที่แยกจากกันนั้น ไม่ใช่แค่สองสามวันแต่เป็นหลายยุคสมัย
ทั้งสองเดินหน้าต่อโดยจับมือกันแน่นไม่ปล่อย
ช่างเป็นความบังเอิญอย่างมาก เพราะที่จริงจักรพรรดินีก็ไม่ได้รู้ว่าต้องเดินทางไปในเส้นทางไหน นางเพียงแค่เดินสุ่มๆมาเท่านั้น แต่ก็ได้พบเจอกับหลิงฮันเข้าที่นี่
ความสามารถในการวิเคราะห์ทำความเข้าใจของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงฮัน แต่หากไม่มีต้นสังสารวัฏแล้ว นางจะเทียบกับหลิงฮันได้อย่างไร?
หลังจากทั้งสองคนเดินอยู่นานสักพัก พวกเขาก็พบเจอใครบางคนอีกครั้ง คนที่เดินอยู่ด้านหน้าพวกเขาคือสตรีผู้หนึ่ง
เรือนร่างของนางสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เพียงแต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดินีแล้ว เสน่ห์ของสตรีเบื้องหน้านั้น แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
จักรพรรดินีคือสตรีงดงามที่มีกลิ่นอายของความสูงส่ง เพียงแค่จ้องมองแผ่นหลังของนาง ก็สามารถทำให้ผู้คนเกิดความเลื่อมใสและอยากจะคุกเข่าลงกับพื้น แต่สตรีผู้นี้ต่างออกไป ความงดงามของนางคือเสน่ห์อันเย้ายวนที่ทำให้จิตใจผู้คนสั่นไหว
แม้จะไม่เห็นหน้าของอีกฝ่ายหลิงฮันก็รู้ว่านางเป็นใคร โลกช่างกลมอะไรอย่างนี้นะ…
สตรีเบื่องหน้าคือธิดาโร๋ว
“สามีข้า ไปจัดการนางเร็ว!” จักรพรรดินีดวงตาส่องประกาย นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีทางปล่อยให้กายหยาบเสน่ห์เก้าวัฏจักรตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
ส่วนเรื่องที่ว่าธิดาโร๋วจะยินยอมหรือคิดอย่างไรนั้น นางไม่เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย
“เจ้าหนู ลุยเลย!” หอคอยน้อยยุยงส่งเสริมอย่างไม่คาดคิด
แต่หลิงฮันไม่คิดจะทำตามคำยั่วยุ ถึงแม้ธิดาโร๋วจะงดงามและเหมาะสมจะนำมาเป็นภรรยาแค่ไหน แต่เขาก็รู้สึกว่าสตรีงดงามข้างกายของเขานั้นมีอยู่เยอะแล้ว และไม่จำเป็นต้องหาเพิ่มอีก
แม้จะไม่เห็นด้วยตา แต่สัมผัสสวรรค์ก็ทำให้ธิดาโร๋วรู้สึกตัวเช่นกันว่าพวกหลิงฮันปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง
แววตาของนางปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัว หลิงฮันและจักรพรรดินีมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินไป และในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้นางก็สามารถพึ่งพาได้แค่พลังของตนเองเท่านั้น หากพวกหลิงฮันลงมือฝืนใจทำอะไรกับนางล่ะก็ นางคงไม่อยู่ในสถานการณ์ที่สู้ดีนัก
“เป็นพวกเจ้านี่เอง!” ธิดาโร๋วหันหลังกลับมาด้วยรอยยิ้ม นิกายซู่หนู่มีคำสอนคือการใช้เสน่ห์ในการต่อสู้ ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายก็ต้องยิ้มเอาไว้
“เรียกข้าว่าพี่สาว!” จักรพรรดินีกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พึงพอใจ
ธิดาโร๋วรู้สึกกระอักกระอ่วน นางฝืนยิ้มและกล่าว “น้องสาวนี่ช่าง…” แต่ทันทีที่นางกวาดสายตามองไปยังจักรพรรดินี ริมฝีปากสีแดงงดงามของนางก็เปิดกว้างและอ้าค้างด้วยความตะลึง
ในโลกนี้มีสตรีที่งดงามขนาดนี้ได้อย่างไร!