ตอนที่ 1219 การชี้นำของแหวนทองแดง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

หลินสวินแน่ใจว่าจะเดินบนทางเส้นไหนอยู่ก่อนแล้วจริงๆ!

ตั้งแต่ตอนแรกที่เข้ามาในถ้ำนรกเทพแห่งนี้ คลื่นคลุมเครือคลื่นหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากแหวนทองแดงที่เขาสวมไว้บนนิ้ว

เหมือนได้รับเสียงเพรียกหาบางอย่าง!

แหวนทองแดงนี้ถูกพันเข้ากับเส้นผมของหลินสวินอย่างเงียบเชียบตอนข้ามแม่น้ำหมอกโลหิตแห่งนั้น ลึกลับถึงที่สุด

ตอนนั้นหลินสวินก็เคยสันนิษฐานว่าสิ่งนี้แม้ดูเหมือนธรรมดาทั่วไป แต่ต้องไม่เรียบง่ายอย่างยิ่งแน่ อาจจะเกี่ยวกับร่างไร้หัวที่กระโปรงเปื้อนเลือดนั่นก็เป็นได้!

และตอนนี้แหวนทองแดงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างประหลาด พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่าการสันนิษฐานของเขาถูกต้อง

โดยเฉพาะหลังจากมาถึงถ้ำที่มีทางแยกมากมายแห่งนี้ ก็รู้สึกถึงคลื่นคลุมเครือที่แหวนทองแดงสร้างขึ้นสายนั้น ทำให้หลินสวินตัดสินใจทางเดินได้ทันที

แต่เขาไม่ได้บอกคนอื่น

เพราะเขายังไม่แน่ใจว่าอาศัยการชี้นำของแหวนทองแดงจะพาพวกเขาไปที่ไหนกันแน่ และจะเป็นโชคดีหรือโชคร้าย

หลังจากพวกหลินสวินเข้ามาในทางเส้นนี้แล้ว กลางห้วงอากาศรุ้งเทพสีเลือดสายหนึ่งลอยตามลมอย่างเงียบเชียบ เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ขวางปากทางเข้าถ้ำอยู่

ผู้แข็งแกร่งประมาณเจ็ดแปดคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่าคิดจะร่วมเคลื่อนไหวไปกับพวกหลินสวิน

“อ๊าก!”

เพียงแต่ทันทีที่พวกเขากระโจนเข้ามาก็ถูกรุ้งเทพสีเลือดสายนั้นกวาดต้อง ร่างกายเหมือนถูกคมดาบเฉือน เลือดพุ่งกระฉูด และมีสามคนตายคาที่

“นี่…”

คนอื่นต่างตกใจจนสูดหายใจเย็น ใบหน้าถอดสี

แปลกประหลาดเกินไปแล้ว เดิมทีดูพวกหลินสวินไม่เป็นอะไร พวกเขาจึงคิดจะตามหลังคนเหล่านั้น นึกว่าทำเช่นนี้จะหลบหลีกอันตรายมากมายได้

จะคิดได้อย่างไรว่าทางที่พวกหลินสวินเดินไม่ใช่ทางที่พวกเขาเดินได้!

พวกหลินสวินไม่รู้สึกถึงทุกอย่างนี้เลย

โพรงถ้ำวังเวง ตามทางเงียบเชียบไร้เสียง คดเคี้ยวเลี้ยวลดและไม่รู้ด้วยว่าจะนำไปสู่ที่ใด

ตูม!

ฉับพลันเปลวเพลิงสีเลือดดวงหนึ่งผุดขึ้นในห้วงอากาศเบื้องหน้า ปะทุออกเป็นประกายแสงแปลกตา ขวางทางข้างหน้าของพวกหลินสวินไว้

พวกหลินสวินต่างดวงตาหดรัด เปลวเพลิงนี้ดูเหมือนขนาดเท่ากำปั้น แต่กลับปล่อยกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวถึงที่สุดออกมา ราวกับโลหิตเทพดวงหนึ่งกำลังแผดเผา!

“เพลิงนรกบาป!”

เจ้าคางคกสีหน้าไม่น่าดู น้ำเสียงแสดงความหวาดหวั่นอย่างลึกล้ำออกมา

เพียงไม่กี่คำก็ทำให้จี้ซิงเหยากับโม่เทียนเหอหน้าเปลี่ยนสี ในตำนานกล่าวว่าเพลิงนี้ถือกำเนิดที่แม่น้ำนรกอันลึกลับหาใดเทียบ บรรจุพลังแห่งบาปคับฟ้า

หากอริยเทพต้องโดนมันเข้า ก็จะกลายเป็นกระดูกแห้งเหี่ยวกองหนึ่ง!

แน่นอนว่านี่คือตำนาน แต่โบราณน้อยคนนักที่เคยเห็นจริงๆ แม้แต่ที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

“จริงหรือปลอมนี่”

จี้ซิงเหยาถามอย่างอดไม่ได้

“ไม่ผิดแน่ พลังบาปในเปลวเพลิงนี้น่าหวาดหวั่นไร้ที่สิ้นสุด ต้องเป็นเพลิงนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!” นัยน์ตาทองของเจ้าคางคกเจิดจ้า มีประกายครั่นคร้ามไหวเคลื่อนอยู่

ชั่วขณะเดียวในใจของพวกเขาก็ต่างหนักอึ้งขึ้นมา

มีไฟนี้ขวางทาง ได้พิสูจน์แล้วว่าทางนี้เป็นทางตัน!

อีกทั้งพวกเขาก็ไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะสลายเปลวเพลิงที่น่าหวาดหวั่นถึงที่สุดในตำนานเช่นนี้ได้

กลับเห็นว่าหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

เพลิงนรกบาปนั้นประหนึ่งตื่นตระหนก ส่งเสียงดังสวบครั้งหนึ่งก็หายลับไป

พวกเจ้าคางคกต่างตาเบิกกว้าง เกือบกัดลิ้นตัวเอง

ยามพวกเขายังกังวลและหวาดกลัวอยู่ จะคิดได้อย่างไรว่าหลินสวินแค่สะบัดแขนเสื้อสบายๆ ก็สลายเพลิงนี้ได้แล้ว!

“คนโกหก!” จี้ซิงเหยาหน้าแดง อับอายอยู่บ้าง

เมื่อกี้ถูกทำให้ตกใจเสียได้ สิ่งนั้นต้องไม่ใช่เพลิงนรกบาปในตำนานแน่!

“สหายยุทธ์จิน เจ้าออกจะพูดให้คนอื่นตกใจไปแล้ว” โม่เทียนเหอก็อับอายอยู่บ้างเช่นกัน เมื่อกี้เขาก็ถูกทำให้กลัวเสียแล้ว

เจ้าคางคกหน้าตาอักอ่วน เพียงแต่ในใจยังพึมพำว่า ด้วยฐานะลูกหลานสายตรงของเผ่าคางคกทองสามขา เขาไม่เคยผิดพลาด

เมื่อกี้สิ่งนั้นคือเพลิงนรกบาปชัดๆ!

เพียงแต่เขาไม่อาจอธิบายได้เลย เขาจะพูดได้หรือว่าเพลิงนรกบาปที่สามารถทำให้อริยเทพกลายเป็นกระดูกเหี่ยวแห้งกองหนึ่งเป็นผีขี้ขลาด

เจ้าคางคกส่งสายตามองไปยังหลินสวิน เอ่ยว่า “เจ้าอยากอธิบายสักหน่อยไหม”

แต่หลินสวินไม่มีแก่ใจพูดเรื่องไร้สาระ กล่าวว่า “อันตรายก็สลายไปแล้ว ยังจะอธิบายมากมายขนาดนั้นทำไม รีบไปเถอะ”

เขาเดินนำไปข้างหน้า

ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาแค่หยั่งเชิง ลองดูเสียหน่อยว่าอาศัยกลิ่นอายของแหวนทองแดงจะทำให้เพลิงนรกบาปดวงนั้นหวาดผวาได้หรือไม่

ไม่คิดว่าผลลัพธ์กลับดีเกินคาด!

นี่ก็ทำให้หลินสวินยิ่งแน่ใจว่าแหวนทองแดงนี้ต้องเกี่ยวข้องกับถ้ำนรกเทพแห่งนี้

ไม่นานนักดอกกระดูกขาวน่าสะพรึงกลัวดอกหนึ่งก็มาขวางทางข้างหน้า สูงสองฉื่อกว่า ดอกไม้ที่เบ่งบานบนกิ่งก้านของมันกลับเป็นหัวกะโหลกสีน้ำเงินเข้มดอกหนึ่ง!

“แย่ล่ะ นี่คือดอกนรกกระดูกหยิน!”

เจ้าคางคกร้องเสียงหลง ตกใจเข้าแล้ว ลือกันว่าดอกไม้นี้มีพลังดึงดูดวิญญาณ ทันทีที่ถูกจับจ้อง จิตวิญญาณก็จะถูกดึงดูด จ่อมจมลงโดยสมบูรณ์

จี้ซิงเหยากับโม่เทียนเหอใจสั่นระรัว หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเคยได้ยินความน่ากลัวของดอกไม้ดอกนี้

แต่หลินสวินกลับไม่หยุดก้าวเดิน ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ พร้อมๆ กับที่เขาเข้าใกล้ ดอกนรกกระดูกหยินดอกนั้นก็ตกใจจนถอยหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่พบแม้แต่ควัน

นี่… ก็เรียกว่าดอกนรกกระดูกหยินได้หรือ

จี้ซิงเหยากับโม่เทียนเหอทอดสายตามองไปที่เจ้าคางคก ส่วนฝ่ายหลังก็สีหน้าอึดอัด ในใจเหมือนมีม้าป่าหมื่นตัวควบทะยานผ่านไป

ระหว่างทางต่อมา พวกเขาได้พบของที่อัศจรรย์พันลึกและน่าหวาดหวั่นนานาชนิด

เช่นน้ำยมโลกอันขุ่นมัวยิ่ง หญ้าวิญญาณวายที่ปล่อยไอมรณะเข้มข้นออกมา…

แต่ต่างเป็นสิ่งที่ทำให้กลัวไปก่อนทั้งนั้น

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งของน่ากลัวที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น แต่ไม่ทันรอให้หลินสวินเข้าใกล้ก็ถอยหนีหายไปไร้ร่องรอย

คราวนี้ขนาดจี้ซิงเหยากับโม่เทียนเหอก็ดูความไม่ชอบมาพากลออก รับรู้ได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นไปได้สูงมากที่จะเกี่ยวข้องกับหลินสวิน

แต่หลินสวินไม่ยอมพูดอะไรมากเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ใคร่สะดวกใจจะถามต่อ

ในฐานะผู้แข็งแกร่งระดับนี้อย่างพวกเขา ใครจะยังไม่มีความลับบางอย่างเล่า

ไม่นานนักภาพเบื้องหน้าก็ปลอดโปร่งโล่งสบาย ป่าหินอันแปลกประหลาดผืนหนึ่งปรากฏขึ้น รูปปั้นหินตัวแล้วตัวเล่าตั้งตระหง่านอยู่ในนั้น

บ้างเท้าเหยียบงูคู่ ร่างสูงสิบกว่าจั้ง มือกุมสายโซ่สีเลือด

บ้างเล็กเตี้ยเหมือนคนแคระ มีเขาวัวดำสนิทงอกขึ้นมา มือถือหนังสือพู่กัน

บ้างหน้าตาดุร้าย หูห้อยโครงกระดูก มีกรงเล็บหกอัน

บ้าง…

แต่ละตัวต่างมีรูปลักษณ์แปลกพิกล ท่าทางน่ากลัว ประหนึ่งผีชั่วร้ายเทพดุดันตัวแล้วตัวเล่า ส่งกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวปะทะใบหน้า

มาถึงที่นี่ก็เหมือนมาถึงนรกที่อยู่ในตำนาน!

โครม!

ทันใดนั้นรูปปั้นหินตัวหนึ่งก็มีชีวิตขึ้นมา พุ่งกระโจนออกมาทันใด

เป็นสิ่งมีชีวิตที่เท้าเหยียบงูคู่ มือกุมสายโซ่สีเลือดนั่น พลังชั่วร้ายคับฟ้า

ในใจหลินสวินก็หวาดหวั่นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ กำลังจะเตรียมลงมือ ก็เห็นว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้มาได้ครึ่งทาง ร่างกายก็ระเบิดแหลกในทันใด แปรสภาพเป็นละอองแสงสีดำหายไป

ยามมองไปอีกที รูปปั้นหินสิ่งมีชีวิตตัวนี้ยังอยู่ ยืนตระหง่านตรงนั้นเงียบๆ เหมือนภาพที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นเพียงภาพลวงตา

แต่นี่กลับทำให้พวกเจ้าคางคกตกใจจนเหงื่อกาฬไหลไปทั้งตัว

เมื่อกี้ไม่ใช่ภาพลวงตาโดยเด็ดขาด!

กลิ่นอายน่ากลัวที่ปะทะหน้าเข้ามานั้น ตอนนนี้ยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจของพวกเขา

ลองถามใจตัวเองดูว่าหากเมื่อกี้เปิดฉากต่อสู้ พวกเขายังสงสัยว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้หรือไม่!

ส่วนหลินสวินก็ลูบแหวนทองแดงที่อยู่บนนิ้ว ไม่อาจสงบใจได้อยู่บ้างเช่นกัน

เดินมาตลอดทาง พวกเขาพบกับสิ่งน่ากลัวยิ่งยวดมากมาย เทียบเท่าเคราะห์สังหารครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็ล้วนเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้ตกใจไปก่อน

กระทั่งว่าไม่ได้ลงมือเลยสักนิด

แต่หลินสวินรู้ดีว่าหากไม่มีแหวนทองแดงในมือวงนี้ พวกเขาย่อมไม่อาจมาถึงที่นี่ได้อย่างสบายเช่นนี้!

เพราะไม่ว่าจะเป็นเพลิงนรกบาป ดอกนรกกระดูกหยินที่พบก่อนหน้านี้ หรือการจู่โจมที่ได้พบเมื่อกี้ ต่างถูกกลิ่นอายของแหวนทองแดงวงนี้ขับไล่ไป!

พูดง่ายๆ เป็นเพราะแหวนทองแดงวงนี้ถึงทำให้พวกเขาหลบเลี่ยงอันตรายได้ ไม่ถูกโจมตีแต่อย่างใด

“ไปเถอะ เดินหน้าต่อ”

หลินสวินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายามมาถึงป่าหินพิสดารแห่งนี้ กลิ่นอายที่แหวนวงนี้แผ่ออกมายิ่งกล้าแข็งขึ้น เหมือนถูกเสียงเรียกบางอย่างดึงดูด

พวกเจ้าคางคกเห็นดังนี้ก็สงบใจลง ตามหลังหลินสวินไปอย่างระมัดระวัง

ระหว่างทางรูปปั้นหินราวเทพดุร้ายปีศาจโฉดชั่วตัวแล้วตัวเล่าต่างจำแลงกายออกมาจู่โจมพวกเขา

แต่ต่างกลายสภาพเป็นละอองแสงไประหว่างทาง ไม่อาจเข้าใกล้พวกหลินสวินได้โดยไม่มีข้อยกเว้น!

เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ พวกหลินสวินถึงผ่านป่าหินพันลึกแห่งนี้มาได้

แล้วก็ในตอนนี้เอง กลิ่นหอมโอสถสดชื่นที่ซึมซาบไปถึงจิตใจลอยมาไกลๆ

“หอมจัง!”

ปลายจมูกเจ้าคางคกขยับไปมา รู้สึกว่าจิตวิญญาณเคลิบเคลิ้มมัวเมาอย่างบอกไม่ถูกไปครู่หนึ่ง

“คงไม่ได้เป็นของมายาที่ไม่ได้มีอยู่จริงอีกกระมัง” จี้ซิงเหยานิ่วหน้า

“คราวนี้ไม่ใช่”

ที่เอ่ยปากคือหลินสวิน เบื้องหน้าพวกเขาเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่ง ภายในนั้นระลอกคลื่นสีเลือดปั่นป่วน ถาโถมซัดสาด ส่งเสียงซู่ซ่า

เห็นได้รางๆ ว่าในน้ำทะเลสาบสีเลือดมีดอกบัวกระดูกขาวดอกหนึ่งอยู่ กิ่งก้านและใบบัวต่างหลอมขึ้นด้วยกระดูกขาว

ส่วนบนยอดของมันก็มีฝักบัวทอสีงดงาม สดสวยตระการห้อยอยู่ ละอองแสงเหมือนสายรุ้งน้อยๆ สายแล้วสายเล่าปลิวว่อนออกมา

แม้ห่างกันไกลลิบก็ได้กลิ่นหอมโอสถสดชื่นได้รางๆ

“โอสถเทพ!”

ทุกคนดวงตาเปล่งประกายขึ้นทันที

“สมกับเป็นถ้ำนรกเทพ ในสถานที่ลึกลับเช่นนี้ยังมีโอสถเทพแบบนี้เกิดขึ้นด้วย”

หลินสวินทอดถอนใจ

ถึงกระนั้นเมื่อเขาลงมือเด็ดก็พบกับความยุ่งยากใหญ่หลวง ทะเลสาบสีเลือดนั้นพลิกม้วนซัดทะยาน เจียวหลงกระดูกขาวตัวแล้วตัวเล่าพุ่งออกมาล้อมโจมตีพวกเขา

คราวนี้แหวนทองแดงไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด

แต่ทว่าสิ่งนี้ก็สร้างความลำบากให้พวกหลินสวินไม่ได้ เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลินสวินก็เด็ดฝักบัวที่ทอสีงดงามฝักนั้นไปได้อย่างราบรื่น

กร๊อบ!

หลินสวินบิฝักบัวออก ทันใดนั้นละอองแสงงดงามสายแล้วสายเล่าก็พร่างพรมออกมา ทั้งสีชาด สีทอง สีดำ สีเขียว…

มองดูอย่างละเอียด ภายในฝักบัวนั้นมีเม็ดบัวสีสันสดใส โปร่งใสเปล่งประกายยิ่งกว่าเพชรห้าเม็ด แต่ละเม็ดต่างมีขนาดเท่าไข่นกพิราบ

นี่เป็นโอสถเทพ!

หนำซ้ำยังมีห้าเม็ด!

สายตาพวกหลินสวินถูกดึงดูดไว้อย่างเหนียวแน่นทันที ในใจสั่นสะท้าน โอสถเทพชั้นนี้หายากถึงที่สุด

“ข้านึกออกแล้ว บัวมีห้าเม็ด หมุนวนความอัศจรรย์แห่งมหามรรคปัญจธาตุ นี่… นี่เป็นบัวเทพปัญจธาตุต้นหนึ่ง!”

เจ้าคางคกจำได้ สูดหายใจเย็นเยียบ

โอสถเทพก็มีการแบ่งระดับชั้น แบ่งอย่างคร่าวๆ ได้เป็นสูง กลาง ต่ำสามชั้นและชั้นยอดที่หายากยิ่ง

และบัวเทพปัญจธาตุตรงหน้าต้นนี้ก็มีลักษณะของระดับชั้นสูง!

จี้ซิงเหยากับโม่เทียนเหอก็พยักหน้า บัวเทพปัญจธาตุ โอสถเทพที่มีชื่อยิ่งนักมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลชนิดหนึ่ง แม้พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่จะไม่เคยได้ยินมาก่อนได้อย่างไร

ในใจหลินสวินบังเกิดแววแปลกประหลาดอย่างอดไม่ได้ นึกถึงบัวเทพสองลักษณ์ที่ได้มาจากเขาฝนดาวตกสามต้นนั้นขึ้นมา

……