ตอนที่ 2556

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,556 : วิชา ลี้โลหิตมารฟ้า!

 

ถึงการลงมือครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ใช้ยอดสมบัติสวรรค์

 

ทว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ยอดสมบัติสวรรค์ แต่เขาก็สำแดงพลังอันเหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ออกมาได้…

 

ด้วยเพราะเวทย์พลัง 13 กระบี่บงกชฟ้าของเขาตอนนี้ ได้บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้ว! แถมมันไม่ใช่เวทย์พลังสวรรค์ทั่วไป ยังจัด่าเป็นเวทย์พลังสวรรค์สายจู่โจมอันน่าทึ่ง!!

 

เมื่อใช้ออกด้วยเวทย์พลังดังกล่าว การโจมตีของเขาจะทรงพลังขึ้นถึง 3 ขีดขั้น!

 

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

 

 

ไร้กระบี่เซียนอมตะ หากแต่ค่ายกลกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกพร้อมเวทย์พลัง 13 กระบี่บงกชฟ้า ก็เทียบได้กับพลังโจมตีของจินเซียนที่อ่อนแอที่สุดในระนาบเทวโลก!

 

อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นจินเซียนที่อ่อนแอที่สุดในระนาบเทวโลก ก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของระนาบโลกียะจะเทียบได้เลย!

 

เพราะไม่ว่าจะอ่อนแอแค่ไหน แต่อย่างไรก็เป็นตัวตนขอบเขตจินเซียนที่ทรงพลัง!

 

พลังของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เทียบได้กับจุดสูงสุดของเซียนอมตะบนระนาบเทวโลกเท่านั้น

 

ด่านพลังฝึกปรือบนระนาบเทวโลกก็มีแบ่งแยกออกเป็นขีดขั้นเช่นกัน และขอบเขตจินเซียนก็เหนือกว่าเซียนอมตะ

 

เรียกว่าจินเซียนที่อ่อนแอที่สุด ก็ยังคงเหนือกว่าเซียนอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่วันยังค่ำ!

 

เช่นนั้นค่ายกลกระบี่อันผสานไว้ด้วยเวทย์พลังจู่โจม 13 กระบี่บงกชฟ้านั้น นอกจากตัวเขากับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ชรา และเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 7 ของเผ่าปีศาจที่พอมองเห็นแล้ว

 

คนอื่นๆได้ยินเพียงเสียงหอนกระบี่วูบเดียวเท่านั้น

 

“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

 

“มัน…ไม่ได้ใช้ยอดสมบัติสวรรค์ด้วยซ้ำ แต่ไฉนพลังกระบวนท่าของมันจึงเหนือกว่ากระบวนท่าของใต้เท้าอู๋จี๋อย่างเทียบกันไม่ได้เลย กระทั่งบีบคั้นให้ใต้เท้าอู๋จี๋จำต้องใช้ลี้โลหิต!”

 

“ให้ตายเถอะ! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นมารร้ายที่หลุดมาจากนรกขุมใดกันแน่!?”

 

“ไม่ใช่บอกว่า…ตอนนั้นแม้มันจะใช้ยอดสมบัติสวรรค์แต่มันทำได้แค่เสมอกับประมุขเผ่ามังกรหรือไร? ไฉนพลังฝีมือที่มันเผยออกตอนนี้ แม้จะไร้ยอดสมบัติสวรรค์แต่สามารถฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์ได้ง่ายๆเล่า!?”

 

“มัน…ใช้เล่นหมูกินเสืออยู่หรือไม่?”

 

 

เหล่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 7 ของเผ่าปีศาจ พอได้เห็นการลงมือเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียน ใจพวกมันก็บังเกิดความระส่ำระสาย ตื่นตระหนกไปยากสงบลงได้อยู่นาน

 

หากพวกมันไม่ได้มาเห็นกับตา พวกมันจะไม่มีวันเชื่อเลยว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจถึงขนาดนี้!

 

“ด้วยพลังของมันตอนนี้…ให้เทียบกับภรรยาของมัน ก็ไม่น่าจะด้อยกว่ากันแล้วใช่หรือไม่?”

 

“ต้วนหลิงเทียนกับภรรยา…ที่แท้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่! ไฉนคนที่มาจากภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถึงกลายเป็นตัวตนท้าทายสวรรค์ได้ถึงขนาดนี้ในเวลาไม่ถึง 100 ปี?มันทำได้อย่างไร?”

 

 

เหล่าปีศาจขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 7 ถึงแม้จะรู้สึกยากยอมรับมากเพียงไหน แต่เมื่อความจริงตั้งอยู่ตรงหน้า พวกมันก็ได้แต่กล้ำกลืนความไม่เชื่อลงคอ…

 

“ข้าขอถอนคำพูดก่อนหน้าแล้วกัน…ที่แท้เจ้านับว่าร้ายกาจกว่าประมุขเผ่ามังกรเสียอีก”

 

“อย่างน้อยๆ ถ้าเมื่อครู่เป็นประมุขเผ่ามังกรที่รับมือข้า เกรงว่ามันคงตกตายคาที่!”

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังอื้ออึง ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆหันหน้าไปมองความว่างเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พลางกล่าววาจาออกมา ประหนึ่งสนทนากับอากาศธาตุ

 

แต่หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ และผู้คนหันไปมองตามด้วยความสนใจนั้นเอง

 

ท่ามกลางความว่างเปล่าที่ต้วนหลิงเทียนมองไป ก็ค่อยๆปรากฏละอองโลหิตขึ้น!

 

หลังจากที่ละอองโลหิตปรากฏ พวกมันก็เริ่มม้วนวนควบรวมกลายเป็นหมอกโลหิต จากนั้นก็เริ่มขยุกขยุยก่อร่างมนุษย์

 

ครู่ต่อมาร่างอันคุ้นเคยก็ปรากฏให้ทุกคนเห็นชัดถนัดตา

 

“ใต้เท้าอู๋จี๋!?”

 

“นั่นใต้เท้าอู๋จี๋นี่นา…มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?!”

 

 

เหล่าสมาชิกเผ่าปีศาจมากมายอดไม่ได้ที่จะงุนงงเมื่อแลเห็นร่างที่พึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ

 

เพราะร่างที่ปรากฏกลางอากาศว่างเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไกลตานั่นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นใต้เท้าอู๋จี๋ ยอดฝีมืออันดับ 1 ของเผ่าปีศาจ! ที่ได้หลบหนีจากค่ายกลกระบี่สังหารของต้วนหลิงเทียนได้อย่างฉิวเฉียด!!

 

อย่างไรก็ตามกลิ่นอายพลังทั่วร่างชายชราคล้ายจะอ่อนโทรมกว่าก่อนหน้ามาก!

 

อย่างน้อยๆตอนนี้มันก็คล้ายจะแก่ตัวลงกว่าเดิมหลายสิบปี…

 

ทกคนยังสัมผัสได้ถึงความแตกต่างก่อนหลังได้ชัดเจน

 

“เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจ…ดูเหมือนจะบาดเจ็บแล้วนี่? อีกทั้งอาการบาดเจ็บยังไม่ใช่ชั่ว!”

 

“เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ไม่ใช่มันเป็นคนบุกจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนหรอกหรือ แล้วไฉนอยู่ดีๆ ไปโผล่ตรงนั้นได้เล่า?”

 

“นั่นสิ ข้าเห็นต้วนหลิงเทียนยังลอยร่างที่เดิมไม่ได้ทำอะไรมันเลย…”

 

 

เหล่าผู้ฝึกตนมนุษย์ที่พลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นได้แต่หันหน้ามองถามกันด้วยสายตางุนงงไม่เข้าใจ พวกมันไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่

 

ในบรรดาผู้ฝึกตนของมนุษย์ถึงแม้จะไม่มีเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์มาชมดูเรื่องราว แต่ก็ยังมีเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์อยู่บ้าง…

 

และถึงแม้พวกมันไม่อาจมองเห็นเรื่องราวได้อย่างเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 7 ของเผ่าปีศาจ แต่พวกมันก็พอจะเห็นร่องรอยบางประการ

 

เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนสมควรลงมือตอบโต้เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจออกไปแล้ว อีกทั้งกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนยังทรงพลังเหนือชั้นสุดที่อีกฝ่ายจะต้านทานได้!

 

และในช่วงเวลาคับขัน อีกฝ่ายได้ใช้กลวิธีบางประการหลบหนีไป

 

“วิชาที่ใต้เท้าอู๋จี๋ใช้…ดูเหมือนจะเป็น ‘ลี้โลหิตมารฟ้า’ ที่ไม่ปรากฏผู้ใดในเผ่าปีศาจฝึกสำเร็จมานับหมื่นๆปีแล้ว!”

 

ทันใดนั้นเองมีเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจบางตนฟื้นคืนจากอาการตกตะลึง และพอนึกถึงฉากเรื่องราวคลุมเครือเมื่อครู่ มันก็พอจะตระหนักอะไรบางอย่างได้

 

“ลี้โลหิตมารฟ้า?”

 

ได้ยินเสียงอุทานของปีศาจขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เมื่อครู่ สมาชิกเผ่าปีศาจทั้งหลายก็ชักสีหน้าตกใจทันที!

 

ไม่มีวิชาหลบหนีใดๆในเผ่าปีศาจเหนือกว่าวิชาหลบหนีจำพวก ‘โลหิตหลบหนี’ อีกแล้ว

 

กระทั่งผู้ฝึกมารหลายคนยังรู้วิชา โลหิตหลบหนี…

 

อย่างไรก็ตามวิชาโลหิตหลบหนีนั้นยังมีสูงมีต่ำ

 

และ ‘ลี้โลหิตมารฟ้า’ ที่สมาชิกเผ่าปีศาจอุทานออกมาเมื่อครู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นวิชาโลหิตหลบหนีที่ดีที่สุดเท่าที่ปีศาจในระนาบโลกียะทั้งหลายจะฝึกฝนได้…!

 

สำหรับวิชาโลหิตหลบหนีที่เหนือล่ำกว่านี้ในระนาบเทวโลก แน่นอนว่าต้องอาศัยสภาพแวดล้อมของระนาบเทวโลกในการใช้ออก

 

กล่าวได้ว่าในระนาบโลกียะ ไม่มีวิชาโลหิตหลบหนีใด เหนือล้ำไปกว่าวิชา ลี้โลหิตมารฟ้า อีกแล้ว!

 

ที่สำคัญที่สุดก็คือ วิชาลี้โลหิตมารฟ้านั้น ผลข้างเคียงหลังใช้งานไม่ได้ร้ายแรงหนักหนาอะไร! มันเป็นวิชาที่จะรีดเค้นพลังผู้ใช้ให้สูงขึ้นถึง 10 เท่าในชั่วพริบตา เพื่อแปรสภาพร่างเป็นหมอกโลหิตแล้วหลบหนีไป หลังสิ้นอานุภาพก็เพียงทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอและยากจะฟื้นคืนได้ในเวลาอันสั้นเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลถึงรากฐานและมีผลเสียตกค้างแต่อย่างใด…

 

“ปกติแล้ว…ผู้ที่ฝึกวิชาลี้โลหิตมารฟ้าสำเร็จ จะไม่มีทางใช้ออกเด็ดขาดยกเว้นก็แต่จะเจอสถานการณ์คับขันอันตรายไร้ทางรอดแล้วเท่านั้น เพราะเมื่อใช้ออกย่อมหมายความว่าต้องใช้เวลาสักพักกว่าร่างกายจะฟื้นฟูกลับมาดังเดิม!”

 

“คิดไม่ถึงจริงๆว่าใต้เท้าอู๋จี๋กลับฝึกวิชาลี้โลหิตมารฟ้าได้สำเร็จ…ที่ชวนให้ตกใจกว่าคือท่านกลับต้องใช้ลี้โลหิตมารฟ้าออกมาจริงๆ นี่หมายความว่าเมื่อครู่สถานการณ์ของท่านสุ่มเสี่ยงถึงตาย!”

 

“สถานการณ์ท่านสุ่มเสี่ยงถึงตาย? เจ้า…เจ้าจะบอกว่าเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนเกือบฆ่าใต้เท้าอู๋จี๋ได้งั้นหรือ?”

 

“สมควรเป็นเช่นนั้น!”

 

 

เหล่าสมาชิกเผ่าปีศาจทั้งหลายที่กำลังตกตะลึงกับวิชาลี้โลหิตมารฟ้าของอู๋จี๋ พอตระหนักได้ว่าไฉนอีกฝ่ายถึงได้ใช้มันออกมาก็ทำให้สีหน้าทุกคนแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกทันที..

 

“ลี้โลหิตมารฟ้า?”

 

ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ค่อยหยีตามองชายชราอันเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของเผ่าปีศาจ “น่าสนใจดีนี่…”

 

“เมื่อครู่…ไม่ใช่เจ้าว่าข้าคุยโวโอ้อวดไม่อายปากหรือ แล้วจะหนีทำไม?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่หยีตามองชายชรา กล่าวถามออกมาเบาๆ

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชายชราพลันหน้าม้านไปทันใด สองตาเริ่มหม่นหมอง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าเฮือกหนึ่ง

 

“ไม่คิดเลย…ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าไม่เพียงแต่ภรรยาของต้วนหลิงเทียนเจ้าเท่านั้น ที่มีพลังความแข็งแกร่งทัดเทียมขอบเขตจินเซียนในระนาบเทวโลก…”

 

“กระทั่งต้วนหลิงเทียนเจ้า…กลับมีพลังทัดเทียมขอบเขตจินเซียนของระนาบเทวโลกเช่นกัน!”

 

“หากกระบวนท่าเมื่อครู่ของเจ้าใช้ออกด้ววยยอดสมบัติสวรรค์ล่ะก็…ข้าเกรงว่าต่อให้ใช้ลี้โลหิตมารฟ้าข้าก็หนีไม่ทัน”

 

ชายชรากล่าว

 

วูบ วูบ วูบ วูบ

 

 

แทบจะทันทีที่เสียงกล่าวของชายชราดังจบคำ สมาชิกเผ่าปีศาจทั้งหลายก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที

 

หลังจากที่ได้ยินวาจาดังกล่าวของอู๋จี๋ พวกมันก็ตระหนักได้ว่าอู๋จี๋พึ่งใช้ลี้โลหิตมารฟ้าเพื่อหนีตายมาจริงๆ!

 

และยอดฝีมือของพวกมนุษย์…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!

 

ต้องทราบด้วยว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ใช้ยอดสมบัติสวรรค์เลย!

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…มันซ่อนตัวได้ลึกยิ่งนัก!”

 

“ที่แท้พลังฝีมือของมันหาได้อ่อนด้อยไปกว่าภรรยาแม้แต่น้อย!”

 

“ไม่อยากจะเชื่อเลย…ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้!”

 

 

ตอนนี้สมาชิกเผ่าปีศาจทั้งหลาย นอกจากความรู้สึกผิดหวังแล้ว ในใจก็หลงเหลือเพียงความหวังเดียวเท่านั้น…

 

หวังว่าต้วนหลิงเทียนจะเมตตาละเว้นชีวิตพวกมัน…

 

เพราะสถานการณ์ตรงหน้าได้บอกให้พวกมันรู้ดี ว่าเผ่าปีศาจพ่ายแพ้แล้ว! ยังพ่ายแพ้อย่างย่อยยับไร้หนทางพลิกฟื้นใดๆ!!

 

ต่างจากเผ่าปีศาจที่กำลังรู้สึกสูญเสียสิ้นหวัง ด้านฝั่งผู้ฝึกตนมนุษย์ล้วนตื่นเต้นยินดีกันยกใหญ่!

 

“ให้ตายเถอะ! ที่แท้ต้วนหลิงเทียนกลับร้ายกาจถึงขนาดนี้!!”

 

“ฟังจากเฒ่าชราเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจนั่นพูด…ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าภรรยางั้นเหรอ?”

 

“ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น…เพราะอย่างน้อยๆมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนเลย ยิ่งไปกว่านั้นแต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้ยอดสมบัติสวรรค์อันใด…หาไม่แล้วความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนต้องน่ากลัวกว่านี้อีก!”

 

“ข้าละอายใจยิ่ง ก่อนหน้าข้านึกว่าต้วนหลิงเทียนมันหยิ่งเกินไป ลำพองตนเกินไป…ที่แท้เป็นข้าใช้ความคิดคนถ่อยหยั่งวัดวิญญูชน!”

 

“อย่าว่าแต่เจ้าประเมินมันต่ำไป…พวกเราทั้งหมดล้วนดูเบามันแล้วจริงๆ!”

 

 

หลายๆคนพอนึกถึงเรื่องก่อนหน้าที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนหยิ่งผยองบ้าง ถือดี อวดดีบ้าง ตอนนี้ก็รู้สึกเสมือนใบหน้าร้อนผ่าวพิกล

 

เรียกว่าความจริงได้ตบหน้าพวกมันดังฉาด!

 

ทำให้พวกมันรู้สึกกระดากทั้งละอายใจนัก!

 

“หากข้าดูไม่ผิด…อาศัยวิชาลี้โลหิตมารฟ้าของเจ้าเมื่อครู่ นอกจากจะหลบการโจมตีของข้าได้แล้ว ตัวเจ้ายังน่าจะหลบหนีไปให้พ้นจากสายตาข้าได้ไม่ยาก…”

 

ต้วนหลิงเทียนมองชายชราพลางกล่าวถามออกไปเสียงเรียบ “แล้วไฉน…เจ้าจึงไม่ทำเช่นนั้นเล่า?”