บทที่ 1348 ดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่ + ตอนที่ 1349 เลี้ยงน้ำโค้ก

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1348 ดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่ + ตอนที่ 1349 เลี้ยงน้ำโค้ก โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1348  ดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่

ฉางชิงซงนึกว่ากระเป๋าเดินทางจะหนักแต่พอยกขึ้นถึงได้ค้นพบว่ากระเป๋าเบาหวิว จนเขาสามารถหิ้วมันได้ด้วยนิ้วเดียว อดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “เธอ เธอเอากระเป๋ามาแค่นี้เองหรือ?”

มองนักเรียนที่มาใหม่คนอื่น ๆ ทุกคนต่างแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ที่ไหล่ซ้าย แบกผ้าห่มกับที่นอนหนา ๆไว้ที่ไหล่ขวา ในมือยังถือเสื่อเย็นเอาไว้ มืออีกข้างแน่นอนว่าต้องถือกะละมังกาต้มน้ำจำพวกนั้น ดีที่ไม่ใช่สาวอินเดีย ไม่อย่างนั้นบนหัวจะต้องแบกของเอาไว้ด้วยนะ

แต่คนอย่างเหมยเหมยกลับลากแค่กระเป๋าเดินทางใบเล็กหนึ่งใบ แบกกระเป๋าเป้ใบเล็กหนึ่งใบ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว นี่คือการออกไปเที่ยวต่างหาก!

เหมยเหมยมองออกถึงความสงสัยของฉางชิงซง พูดยิ้ม ๆว่า “ใช่ค่ะ มีแค่นี้ เยอะไปมันวุ่นวาย พวกเราต้องรายงานตัวที่ไหนเหรอ?”

ในใจของฉางชิงซงคันยุบยิบไปหมด เสียงนี้ทำให้คนตายได้จริง ๆ มิน่าล่ะในหนังสือถึงกล่าวไว้ว่าภาษาอู๋จะไพเราะน่าฟัง น้ำเสียงช่างนุ่มนวลเสียจริง!

เขาแอบชำเลืองมองเอวเล็กบางที่สามารถโอบได้ด้วยมือเดียวของเหมยเหมย เขาแอบเอามาเทียบกับมือใหญ่ดั่งพัดของเขา เขารู้สึกว่าเอวเล็กนั่นบีบให้หักได้ด้วยมือเดียว ทำไมถึงได้บางขนาดนี้?

เขาต้องขอโทษคุณหญิงมาร์กาเร็ตแล้ว เอวของผู้หญิงบางได้ขนาดนั้นจริง ๆ เอวของนักเรียนใหม่ตรงหน้ากับเอวของสกาเร็ตเล็กบางเหมือนกัน คุณหญิงมาร์กาเร็ตไม่ได้โม้จริง ๆ!

อีกทั้งเขายังรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง สำเนียงของเหมยเหมยแค่ฟังก็รู้ว่าเป็นคนทางฝั่งเมืองอู๋ ทำไมถึงได้พกกระเป๋ามาแค่นี้ล่ะ? ขนาดผ้าห่มก็ไม่พกมาด้วย ตอนกลางคืนจะนอนได้อย่างไร?

“เธอ เมืองหลวงตอนกลางคืนหนาวอยู่นะ ไม่ร้อนเหมือนทางใต้ ตอนกลางคืนต้องห่มผ้า หรือว่าอีกเดี๋ยวจะไปซื้อผ้าห่มที่ร้าน ไม่อย่างนั้นตอนกลางคืนจะทนไม่ไหวนะ” ฉางชิงซงเตือนด้วยความหวังดี ยังคิดไปว่าเหมยเหมยมาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกคงไม่รู้สภาพภูมิอากาศที่นี่

เหมยเหมยยิ้ม “บ้านฉันอยู่ที่นี่ ขาดเหลืออะไรกลับไปเอาก็ได้”

ฉางชิงซงนิ่งตะลึงก่อน ต่อมาถึงเริ่มหน้าแดงก่ำอายจนอยากหาที่มุดหัวหนีเสีย เขาเป็นคนในพื้นที่ เขาซึ่งเป็นคนนอกยังจะอวดดีต่อหน้าเขาอีก ไม่รู้ว่าคนสวยที่มาใหม่จะหัวเราะเยาะเขาไหม

“ขอบคุณรุ่นพี่ที่เตือนนะคะ อันที่จริงฉันก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองหลวงนี้มากนัก ไม่ได้พกเสื้อผ้าหนา ๆมาด้วย คาดไม่ถึงว่าตอนกลางคืนอากาศจะหนาว งั้นอีกครู่ฉันกลับไปหยิบเสื้อผ้าหนา ๆมาแล้วกันเนอะ” เหมยเหมยมองออกถึงความอึดอัดใจของเขาเลยจงใจพูดขึ้นมา

ฉางชิงซงผ่อนลมหายใจ รีบพยักหน้าพูดว่า “ใช่ ๆ ๆ ต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าหนา ๆมา ที่นี่พอถึงตอนกลางคืนต้องใส่เสื้อคลุมเพิ่ม ไม่อย่างนั้นจะหนาวเอาได้”

เหมยเหมยอมยิ้ม นักศึกษาชายคนนี้ดูน่าสนใจมากทีเดียว รูปร่างหน้าตาเหมือนนักกีฬาแต่กลับมาเรียนศิลปะ

นักศึกษาชายคนอื่นได้แต่มองนางฟ้าตัวน้อยอย่างไม่พอใจที่ปล่อยให้ชายร่างใหญ่จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ ทำคะแนนนำลิ่วไปก่อน ลอบถอนหายใจเงียบ ๆพลางแอบเสียดายที่ทำไมตอนแรกถึงไม่สมัครสอบคณะศิลปกรรมศาสตร์นะ!

นางฟ้าตัวน้อยที่งดงามขนาดนี้ ทำได้แค่ทอดสายตามองอยู่ไกล ๆ ขนาดจะคุยด้วยสักประโยคก็ยังไม่ได้ ไหนเลยจะเหมืองฉางชิงซงที่ได้ตามติดปรนนิบัตินางฟ้าตัวน้อยอย่างใกล้ชิดอย่างนั้นเล่า!

“ตามที่ฉันคิด ดาวมหาวิทยาลัยปี้นี้ปรากฏตัวแล้ว จะต้องเป็นน้องใหม่คนนั้นแน่นอน” มีนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างมั่นใจ

“ยังจะต้องให้นายพูดหรือไง รุ่นพี่เซียวยังต้องหลีกทางให้ แล้วฉันรู้สึกว่าดาวมหาวิทยาลัยคนนี้น่าจะได้ครองตำแหน่งสี่ปีซ้อนแน่นอน”

“เฮ้ย คราวนี้สถิติต้องถูกทำลาย ฉันจำได้ว่าประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยเรานานที่สุดคือสามปีเท่านั้น คนก่อนรุ่นพี่เซียวก็แซ่เซียวเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขายังเป็นครอบครัวเดียวกันด้วย รุ่นพี่เซียวคนนั้นเป็นดาวมหาวิทยาลัยมาสามปีซ้อนจนปีสุดท้ายโดนรุ่นพี่เซียวเว่ยแย่งตำแหน่งไป”

“มา ๆ ๆ…พวกเรามาพนันกันไหม มาพนันกันว่าดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่จะสามารถดำรงตำแหน่งได้กี่ปี?” มีคนตะโกนด้วยความสนใจ

“ฉันพนันเลย…สี่ปีซ้อน!”

“สามปีซ้อน…”

……………………………………………………

ตอนที่ 1349 เลี้ยงน้ำโค้ก

ฉางชิงซงพาเหมยเหมยไปลงชื่อรายงานตัวสำหรับนักศึกษาใหม่ เขาแอบเหลือบไปเห็นหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนของเหมยเหมย เห็นชื่อด้านบน ——จ้าวเหมย อดไม่ได้ที่จะนิ่งตะลึง ชื่อนี้คุ้นมาก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ?

จากนั้นก็มองไปที่บ้านเกิดของเหมยเหมยก็แอบพยักหน้าอย่างเงียบๆ ที่แท้ก็เป็นเด็กสาวที่มาจากเมืองใหญ่ ฐานะทางครอบครัวดี ไม่แปลกเลยที่นิสัยใจคอจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในบรรดาเด็กใหม่จำนวนมากแค่มองแวบเดียวก็มองออกแล้ว

เหมยเหมยกรอกแบบฟอร์มเสร็จ ทำตามขั้นตอนการรับสมัครเรียบร้อย ฉางชิงซงรีบพูดว่า “ฉันจะพาเธอไปที่หอพัก พวกเธออยู่บนชั้นสี่ แบกกระเป๋าเดินทางจะเหนื่อยมาก”

“ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณรุ่นพี่ด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นอีกครู่ฉันขอเลี้ยงข้าวกลางวันตอบแทนแล้วกัน”

เหมยเหมยรู้สึกว่าฉางชิงซงนั้นไม่เลว มองออกว่าเป็นผู้ชายที่กระตือรือร้นจริงใจไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ควรจะคบหาเอาไว้

“ไม่ต้องเปลืองเงินหรอก นี่คืองานของพี่ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงข้าวหรอก รุ่นน้องจ้าวเธอไม่ต้องเกรงใจไปนะ วันหลังเธอมีอะไรตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็แค่มาถามพี่ พี่เรียนด้านวาดภาพสีน้ำมัน เป็นพี่เธอแค่หนึ่งรุ่นเท่านั้นเอง”

ฉางชิงซงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคงกระดากใจหากรุ่นน้องจ่ายเงินให้ อีกทั้งยังเป็นรุ่นน้องสาวสวยขนาดนี้ ขายขี้หน้าชะมัด

“ได้เลยค่ะ วันหลังคงรบกวนรุ่นพี่อีกแน่นอน อากาศค่อนข้างร้อน ไม่อย่างนั้นฉันเลี้ยงโค้กพี่ก็แล้วกัน”

เหมยเหมยเห็นว่ามีเครื่องโค้กอยู่ริมถนนตรงทางเข้าโรงอาหาร อดดีใจไม่ได้วิ่งแจ้นไปซื้อมาสองแก้ว แก้วใหญ่หนึ่งแก้ว แก้วเล็กหนึ่งแก้ว ไม่แพงด้วย แก้วใหญ่หนึ่งหยวน แก้วเล็กห้าสิบสตางค์ รวมทั้งหมดหนึ่งหยวนกับห้าสิบสตางค์เองแล้วยังได้เยอะกว่าซื้อโค้กกระป๋องอีก และยังสามารถเลือกรสชาติได้เองด้วย เหมือนกับเหมยเหมยที่ชอบดื่มสไปรท์ผสมโค้ก

ฉางชิงซงยังไม่ทันได้ห้ามเธอ เหมยเหมยก็กลับมาพร้อมกับโค้กสองแก้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้โค้กจะไม่ใช่ของหายากอะไร แต่ราคานี้สำหรับนักศึกษาหลายคนแล้วยังถือว่าแพงไปหน่อย

ถึงอย่างไรหมูตุ๋นน้ำแดงในโรงอาหารก็ราคาแค่ห้าเหมา วุ้นเส้นตุ๋นกับหมูและกะหล่ำปลีหนึ่งทัพพีใหญ่ ๆก็ราคาแค่สามเหมา มีเนื้อสัตว์มีผักและซุป จัดหมั่นโถวชิ้นใหญ่ไปอีกสามอันก็อิ่มจนพุงกางแล้ว เสียไม่ถึงหนึ่งหยวนด้วยซ้ำคุ้มค่ากว่าการดื่มน้ำอัดลมนี้อีก

“รุ่นน้อง เธอใช้เงินเปลืองเกินไปแล้ว…ไม่อย่างนั้นพี่ดื่มแก้วเล็กก็แล้วกัน!”

ฉางชิงซงรู้สึกเกรงใจถ้าจะรับแก้วใหญ่มา เหมยเหมยเอาแก้วใหญ่ยัดใส่มือของเขา “ฉันดื่มแก้วใหญ่ขนาดนั้นไม่ไหวหรอก รุ่นพี่ฉางอย่าเกรงใจเลย รีบ ๆดื่มเถอะ”

“ได้…ถ้างั้นพี่ไม่เกรงใจแล้วนะ พูดถึงนี่เพิ่งเป็นครั้งที่สองที่พี่ได้ดื่มน้ำอัดลมนะเนี่ย!”

ฉางชิงซงไม่ได้วางมาดอีกต่อไปรับโค้กมาอย่างจำยอม แต่นั่นกลับทำให้เหมยเหมยรู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปอีก

ไม่เคยดื่มโค้กมาก่อนก็ไม่เห็นน่าอายเลย ไม่มีอะไรต้องปิดบังเสียหน่อย

ทว่าบางคนที่คิดไม่ได้มักจะกังวลกลัวว่าคนอื่นจะดูถูกตัวเอง ทั้ง ๆที่เป็นของที่ไม่เคยเห็นไม่เคยกินมาก่อนก็ยังจะดึงดันบอกว่าตัวเองกินอยู่บ่อย ๆ มากไปกว่านั้นยังมีคนบางประเภทชอบแอบอ้างเอาของ ๆคนอื่นมาอวดเหมือนเป็นของตัวเอง

ยุคนี้เรียกว่าคนจนขี้อวด ยุคหลังถึงเรียกว่าคนจนตอแหล!

ตรงไปตรงมาเหมือนฉางชิงซงดีจะตาย ไม่มีใครหน้าไหนมาดูถูกเขา ในทางตรงกันกลับทำให้รู้สึกว่าคน ๆนี้ควรค่าแก่การคบหาผูกมิตรอีกด้วย!

เหมยเหมยหันไปยิ้มให้ฉางชิงซง “น้ำอัดลมนี้ฉันเองก็ไม่ได้ดื่มบ่อย ๆหรอก เคยดื่มแค่ไม่กี่ครั้งเอง”

เธอเคยดื่มแค่ไม่กี่ครั้งจริง ๆเพราะเธอดื่มน้ำเย็นน้อยมาก หน้าร้อนดื่มบ้างสามสี่ครั้ง วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฉางชิงซง ขนาดแก้วเล็กเธอก็จะไม่แตะเลย

เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เหมยเหมยดื่มไปสองสามอึกก็ดื่มต่อไม่ลงแล้ว ฟองอากาศดันขึ้นมาจนทำให้เธออยากสะอึก และไม่ต้องให้เธอร้องเรียกฉิวฉิวที่อดทนไม่ไหวนานแล้วก็กลิ้งตัวออกมาจากกระเป๋า สไลด์เข้าไปในมือของเธอ กระดกหางขึ้นดื่มอึก ๆ ๆ

ดื่มไปหลายอึก คุณชายฉิวก็ยกอุ้งเท้าขึ้นเพื่อทำความสะอาดเครา หางสะบัดไปมา ขนปุกปุยเป็นก้อน ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะอยากเข้าไปสัมผัส

………………………………………….