ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1004 ตัวอ่อนอาวุธเซียนที่หยิ่งยโส

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอความจริงรู้สึกว่าค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งและเซียวเหนียงเหนียงทั้งสามแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ว่าที่สามารถมีผลการรบอันเฉิดฉายในยุคสถาปนาเทพได้ ถังทองโกลาหลซึ่งเป็นของวิเศษในตำนานต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญ

ถ้าไม่ใช่เพราะถังทองโกลาหล ก็ไม่อาจลากบุคคลร้ายกาจในตำนานให้เข้าไปในค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งได้

ความแข็งแกร่งของค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง นอกจากผู้ควบคุมที่เป็นเซียวเหนียงเหนียงทั้งสามแล้ว ก็อยู่ที่โอสถลวงเซียนและเคล็ดวิชากักขังเซียนอันเป็นแกนหลัก

สิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนก็คือ การหลอมสร้างโอสถลวงเซียนหรือการผนึกรวมวิชากักขังเซียน ล้วนเป็นความสามารถของเหล่าเซียน ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้

พร้อมกับที่ระดับพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเขากระตุ้นค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง พลังย่อมยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง

แต่ถ้าไม่มีโอสถลวงเซียนหรือเคล็ดวิชากักขังเซียน สุดท้ายก็จะไม่มีแกนกลาง

ยิ่งไปกว่านั้น ในทะเลหวงเจียยังจำกัดที่เงื่อนไขด้านภูมิประเทศ จึงไม่อาจวางค่ายกลได้

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องสงบใจ ในมือเพิ่มกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้ามาท่อนหนึ่ง

นี่เป็นอาวุธเฉพาะตัวที่เยี่ยนจ้าวเกอหลอมสร้างให้ตัวเอง นำมาใช้กดข่มอาวุธของคนอื่นได้ มีความสามารถประหลาดยิ่ง

ก่อนหน้านี้มันยาวเจ็ดฉื่อ มีทั้งหมดเจ็ดปล้อง หากตีโดนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง แค่ครั้งเดียวก็ทำลายอีกฝ่ายได้แล้ว หากตีโดนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงก็ยากจะทนทาน

มีแต่อาวุธเช่นตราประทับตะวันและมงกุฎจันทราจึงค่อยฝืนป้องกันได้ ส่วนกระบี่ปีศาจเทาเที่ยไม่อาจต้านทานได้ แต่เมื่อใช้สู้กับคนกลับไม่มีคมคมกล้าอันใด

ยิ่งไปกว่านั้นเซียนกับมนุษย์ยังมีข้อแตกต่าง ร่องน้ำตามธรรมชาติที่ขวางกั้นมนุษย์และเซียนไม่ได้ดำรงอยู่แค่ในหมู่มนุษย์เท่านั้น อาวุธเซียนกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็มีข้อแตกต่างใหญ่หลวง

ถึงแม้จะไม่เคยลองมาก่อน แต่เยี่ยนจ้าวเกอพอจะมั่นใจว่าต่อให้กระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้ายาวแปดฉื่อ มีแปดปล้องก็ทำอะไรอาวุธเซียนไม่ได้

บางทีอาจจะลองสู้ได้ แต่คิดจะสะกดอาวุธเซียนเกรงว่าจำเป็นต้องยาวเก้าฉื่อ มีเก้าปล้องจึงค่อยทำได้

ส่วนจะเพิ่มจากยาวแปดฉื่อและแปดปล้อง เป็นเก้าฉื่อและเก้าปล้องอย่างไร ในนี้ก็มีวิธีอยู่จำนวนหนึ่ง

ของวิเศษชิ้นนี้กำลังจะเจอช่วงคอขวดแรกของตัวเอง

หากผ่านด่านนี้ไปได้จะมีอนาคตยาวไกลยิ่ง

เส้นทางเมื่อยากลำบาก ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดลงเพราะสาเหตุนี้ เพียงแต่สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงแล้ว น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้

เปรียบเทียบกันแล้ว ตราประทับตะวันที่ไม่เคยแสดงพลังทั้งหมด กำลังจะแสดงอานุภาพที่แท้จริงให้คนทั้งโลกได้เห็น

พร้อมกับที่เยี่ยนจ้าวเกอปีนขึ้นสะพานเซียน เขาก็จะแสดงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นนี้ออกมาได้โดยสมบูรณ์

ในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ของวิเศษชิ้นนี้เป็นตัวตนที่เหมือนกับจอมราชา

‘แต่แค่ตราประทับตะวันยังไม่พอ…’ เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือข้างหนึ่งถือกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้า เคาะกับมืออีกข้างของตัวเองเบาๆ

ครู่ต่อมาเขาก็เก็บกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้า อากาศเหนือศีรษะส่ายไหวเล็กน้อย

วังขนาดยักษ์วังหนึ่งปรากฏออกมาที่นั่น ด้านในมีเสียงร้องของมังกรดังมาเลือนราง

ประตูวังเปิดออก มิติหลายชั้นด้านในทับซ้อนกัน แต่ว่าบริเวณตรงกลางที่ยากแยกแยะใกล้ไกล มีกงจักรเหล็กสีดำที่ดูธรรมดาอันหนึ่งลอยนิ่งอยู่

เป็นกงจักรมหาประมายกาฬ อาวุธเซียนที่เยี่ยนจ้าวเกอได้จากสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ

ของวิเศษชิ้นนี้ยังคงไม่ตอบสนองต่อการสัมผัสของเยี่ยนจ้าวเกอ คล้ายกำลังหลับลึก

นอกจากการระตุ้นที่ได้รับจากจิตหมัดวรยุทธ์ซึ่งเป็นการสืบทอดของตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณของประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณเผยหัวเมื่อครั้งยังอยู่ในแดนเซียนปลดปลงของโถงเซียน กงจักรมหาประกายกาฬจึงค่อยมีปฏิกิริยาเล็กน้อย แต่สุดท้ายมันก็อยู่ในสภาพปกติไม่มีอันใดแปลกเช่นนี้มาโดยตลอด

แต่ที่แล้วมาเยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยลืมของวิเศษชิ้นนี้

เพียงแต่ว่าเบื้องหลังของอาวุธเซียนชิ้นนี้อาจจะมีความหมายไม่ธรรมดา ไม่ได้มีแค่ตัวมันเท่านั้น

เทียบกับอันตรายที่เห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว ไม่ทราบน่ากริ่งเกรงกว่าเท่าใด

นอกจากนี้จะทำให้ของวิเศษชิ้นนี้กลายเป็นอาวุธเซียนที่แท้จริงในตอนสุดท้ายได้อย่างไร เยี่ยนจ้าวเกอก็กำลังหาทางอยู่

หากดูตามการเปลี่ยนแปลงของตะเกียงประกายกาฬในวันนั้น การศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างตะเกียงประกายกาฬและกงจักรมหาประกายกาฬ สามารถทำให้ผู้คนคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่า หากมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอย่างตะเกียงประกายกาฬสิบสองชิ้น ก็อาจทำให้กงจักรมหาประกายกาฬถูกเซ่นหลอมสำเร็จได้

ตอนที่เจอการโจมตีจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของคนอื่น กงจักรมหาประกายกาฬก็ถูกกระตุ้นให้กลืนกินอีกฝ่ายอย่างแท้จริง

ถ้าหากว่าเป็นจิตพลังที่แยกกันศึกษาแสงสว่างและความมืดสิบสองชิ้น หรือว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่มีทั้งแสงและความมืดอยู่ด้วยกันเหมือนตะเกียงประกายกาฬ เช่นนั้นอาจมีผลลัพธ์ดีกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงสิบสองชิ้นไหนก็ได้หรือไม่

“ไม่ เกรงว่าจะไม่ใช่เช่นนี้…” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “รากฐานของกงจักรมหาประกายกาฬอยู่ที่สิบสองวิชาประกายกาฬ จิตพลังสืบทอดมาจากที่เดียวกัน

หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมา

กงจักรอันหนึ่งบนผิวมีแสงสว่างไหลเวียน ราวกับแสงอาทิตย์

เป็นของวิเศษคุ้มครองสำนักของสำนักแสงว่างที่เคยอยู่ในทะเลหวงเจีย กงจักรสุริยันอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง

เพียงแต่กงจักรสุริยันที่เดิมทีมีของคู่กัน ในวันนี้เหลือแค่กงจักรสุริยันเพียงเท่านั้น กงจักรจันทราหายไปตั้งนานแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบของอีกอย่างหนึ่งออกมา

เป็นดาบใหญ่ด้ามยาวซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเล่มหนึ่ง

กลับเป็นดาบอีกาทองผลาญฟ้า อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่เพิ่งตกมาอยู่ในมือเขาได้ไม่นาน เดิมทีเคยเป็นของเขาสามขา

‘น่าเสียดายที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณเผยหัวถูกเทพกระบี่น้อยหลงเสวี่ยจี้ทำลาย ไม่อย่างนั้นจะเหมาะกว่านี้’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ‘แต่ว่าถ้าตอนนั้นเขายังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ ข้ากลับจัดการเขาไม่ได้แล้ว’

หลังจากศึกษาดาบอีกาทองผลาญฟ้าอยู่สักพัก เยี่ยนจ้าวเกอก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ‘ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นจิตพลังการเผาไหม้ของดวงอาทิตย์ ไม่ใช่จิตพลังแสงสว่างของดวงอาทิตย์ แต่ก็มีความลี้ลับของหลักการแห่งดวงอาทิตย์ ยังคงใช้ได้อยู่’

เขากลับไม่อยากทิ้งกงจักรสุริยัน

เป็นเพราะเป็นห่วงว่าขาดกงจักรจันทรา เหลือแค่กงจักรสุริยัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่สมบูรณ์ ไม่อาจแสดงผลได้มากพอเพื่อมาพิสูจน์การคาดเดาของตน

ดาบอีกาทองผลาญฟ้าไร้ตำหนิโดยสมบูรณ์ แข็งแกร่งยิ่งกว่ากงจักรสุริยันที่มีแค่ชิ้นเดียว

เยี่ยนจ้าวเกอหยุดใคร่ครวญ หยิบดาบอีกาทองผลาญฟ้าขึ้นโยนใส่กงจักรมหาประกายกาฬ

ดาบใหญ่ด้ามยาวกลายเป็นเพลิงสีทองที่ลุกไหม้สายหนึ่ง ราวกับดวงอาทิตย์พาดขวางท้องฟ้า ตกลงใส่กงจักรมหาประกายกาฬที่ดูธรรมดา

เมื่อรู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์ของดาบอีกาทองผลาญฟ้า และพลังทำลายล้างของอาวุธศักดิ์สิทธิ์่ชั้นสูงที่อยู่บนตัวอาวุธ กงจักรมหาประกายกาฬที่ไม่ส่งเสียงมาโดยตลอด ที่สุดแล้วก็สั่นไหวขึ้นมา

ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากรูหนึ่งในรูสิบสองรู ม้วนใส่ดาบอีกาทองผลาญฟ้า

หลังจากดาบอีกาทองผลาญฟ้าสั่นไหว แสงอาทิตย์กับเปลวเพลิงก็สลายไป ก็กลับคืนสู่ลักษณะของดาบใหญ่เช่นเดิม

จากนั้นก็เห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชันสูงชิ้นนี้ลอยเข้าไปหากงจักรมหาประกายกาฬอย่างเชื่องช้าด้วยตัวเอง

ในตอนนั้นหอกราชาลี้ลับเกือบถูกกงจักรมหาประกายกาฬเก็บไป เพียงแต่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอขวางไว้ก่อน

ครั้งนี้เขาไม่ได้ลงมือ เพียงคอยสังเกตอย่างอดทน

จากนั้นก็เห็นว่าดาบอีกาทองผลาญฟ้าลอยเข้าไปในรูบนกงจักรมหาประกายกาฬ

กงจักรมหาประกายกาฬหยุดสั่นไหว ส่วนดาบอีกาทองผลาญฟ้าหายไป

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูอยู่อีกสักพัก กลับสัมผัสไม่ได้ว่ากงจักรมหาประกายกาฬแข็งแกร่งขึ้น หรือมีแนวโน้มรุดหน้าสู่ความสมบูรณ์แบบอีกขั้น

กลับเป็นในรูที่เก็บดาบอีกาทองผลาญฟ้านั้น ที่มีแสงอาทิตย์สาดออกมา

ชายหนุ่มเข้าใกล้ จากนั้นก็พบว่า ในรูปนั้นเหมือนกับที่ว่างกลางจักรวาล

ด้านในมีอีกาทองตัวหนึ่งดิ้นไม่หยุด แก่นแท้ของแสงอาทิตย์และดวงอาทิตย์หลายสายบนร่างของมันถูกที่ว่างกลางจักรวาลสูบออก

แต่ว่าครู่ต่อมาทุกสิ่งก็จบลง

อีกาทองตัวนั้นรอดพ้นจากอันตราย แต่ยังคงถูกขังอยู่ในที่ว่างกลางจักรวาล ไม่อาจหลุดออกมา

‘นี่คือภาพที่สะท้อนออกมาหลังจากที่ดาบอีกาทองผลาญฟ้าถูกกงจักรมหาประกายกาฬเก็บไป แต่มันยังไม่ถูกกงจักรมหาประกายกาฬหลอมเปลี่ยนและดูดซับโดยสมบูรณ์’ เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับกำลังนึกอะไรบางอย่าง ‘แต่ดูท่าทางแล้ว กลับเหมือน…’

เหมือนถูกกงจักรมหาประกายกาฬรังเกียจแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้กับการค้นพบนี้

………………..