ตอนที่ 2336 ถวายหัว

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ดูสภาพของเจ้านี้แล้วเจ้าคงเพิ่งกลับมาจากความตายกันใช่หรือไม่? แล้วเจ้าตายกันไปกี่รอบแล้วเล่า? อ่า ขอโทษที มันคงต้องถามว่ากี่ร้อยรอบแล้วสินะ?”

เย่หยวนหันกลับไปตอกหน้าคนทั้งหลายนั้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

คนทั้งหลายนั้นไม่ได้มีพลังเก่งกาจเหนือล้ำใดๆ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีพลังบ่มเพาะเพียงแค่อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาว แต่กลับมาดูถูกเขาที่มีพลังเทียบเคียงจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวเช่นนี้มันช่างดูน่าหัวร่อ

แน่นอนว่าเมื่ออีกฝ่ายได้ยินเข้าพวกเขาทั้งหลายก็หน้าแดงก่ำขึ้นมา

จะบอกว่าหลายร้อยมันก็คงเกินไป แต่พวกเขาทั้งหลายนี้ก็ได้ตายมาหลายสิบครั้งแล้วจริง

แต่ในสถานที่เช่นนี้การดูถูกผู้อ่อนแอมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ

หนึ่งในกลุ่มคนทั้งหลายนั้นหรี่ตาลงมองอย่างไม่พอใจ “เด็กน้อย เป็นเด็กใหม่ก็ทำตัวให้มันเหมือนเด็กใหม่หน่อย! โอหังมากนักเจ้าจะได้ตายไม่รู้ตัว!”

ชายหนุ่มในชุดผ้าไหมผู้นี้นามว่าหยางเคอ เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้และเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาวขั้นสุด

กลุ่มของพวกเขาทั้งหลายนั้นเพิ่งถูกลอบโจมตีด้านนอกเมืองทำให้สุดท้ายต้องตายกันยกกลุ่ม

ในเวลานี้พวกเขาทั้งหลายจึงรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นเย่หยวนที่เพิ่งมาถึงจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวด่าเพื่อระบายความอัดอั้นออกมา

เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะตอบกลับไป “วินาทีที่ข้าเข้ามาถึงพวกเจ้าก็เอาแต่ด่าว่าดูถูกข้า เวลานี้เจ้ากลับมาบอกว่าข้าโอหัง ทำไมเจ้ามันถึงได้ทำอะไรก็ถูกไปเสียหมดเช่นนั้นเล่า?”

หยางเคอกล่าวตอบกลับไป “ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้คำพูดของผู้แข็งแกร่งมันคือเหตุผลอันถูกต้อง! เด็กน้อย หากเจ้ากล้าพูดกล่าวเช่นนี้นอกเมืองเจ้าคงได้ตายไปแล้ว!”

เย่หยวนยิ้มรับ “โอ้ เช่นนั้น? ออกไปนอกเมืองกันหน่อยไหมเล่า? พวกเจ้ากล้าออกมากับข้าหรือไม่?”

หยางเคอนั้นผงะไปเล็กน้อย หรือว่าเจ้าหมอนี่มันจะไม่มีสมอง?

พวกเขาทั้งหลายนั้นมีกฎที่ต้องเคารพจึงไม่กล้าจะลงมือใดๆ ในเมือง แต่การออกจากเมืองไปนั้นมันย่อมจะเกิดการฆ่าสังหารขึ้นแน่แล้ว

เรื่องราวเช่นนี้มันเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งนอกเมือง

เพราะด้านนอกเมืองนั้นมันเป็นสถานที่สุดแสนอันตรายที่นอกจากต้องระวังสัตว์ร้ายทั้งหลายแล้วพวกเขายังต้องระวังมนุษย์ผู้คนด้วยกันอีกว่าจะมีใครมาลอบโจมตีหรือไม่

เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กใหม่ผู้มาถึงได้ไม่นาน แต้มเทพสงครามใดๆ ของเขานั้นย่อมเป็นศูนย์ ฆ่าไปก็ไม่ได้ประโยชน์ใด

ตามกฎของมิติสงครามดึกดำบรรพ์นั้นหากฆ่าสังหารศัตรูลงได้แล้วคนทั้งหลายก็จะได้รับแต้มเทพสงครามของอีกฝ่ายไปตั้งแต่สิบเปอร์เซ็นต์จนถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์

ยิ่งระดับของคู่ต่อสู้สูงกว่าตนมากเท่าใด พวกเขาทั้งหลายก็จะได้รับแต้มมากขึ้นเท่านั้น แต่หากไปล่าคนระดับต่ำกว่าก็จะไม่ได้ประโยชน์ใด

ในตอนแรกๆ นั้นเหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งจริงๆ ต่างรอคอยให้คนทั้งหลายออกไปล่าสัตว์ร้ายเพิ่มระดับกันให้สูง ก่อนจะค่อยออกไปล่าเอาคะแนนของคนทั้งหลายมา

แต่เมื่อเวลาผ่านไปนับปีเช่นนี้ความเสถียรมันก็เกิดขึ้น ผู้คนต่างได้อยู่อันดับตามฝีมือที่แท้ของตน

เวลานี้การไปท้าทายคนที่มีระดับสูงกว่ามันก็เหมือนการเดินหิ้วหัวไปให้

“ฮ่าๆๆ เจ้าคิดท้าทายจักรพรรดิผู้นี้? ก็เคยเห็นหรอกนะพวกที่รนหาที่ตาย แต่ไม่เคยจะเห็นใครรีบร้อนหาที่ตายเช่นเจ้ามาก่อน! แค่เจ้ามาก็คิดอยากลองตายดูเสียแล้ว? วางใจเถอะ มันเจ็บปวดเหมือนจริงเลยล่ะ!” หยางเคอนั้นหัวเราะลั่นออกมา

แม้ว่าเย่หยวนจะไม่ได้มีแต้มเทพสงครามใดๆ ติดตัวแต่ท่าทางเอาเรื่องของเย่หยวนนี้มันก็ทำให้เขาไม่อาจยอมถอยได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นพวกเขาทั้งหลายเพิ่งจะถูกลอบโจมตีมา ทำให้มีความแค้นอย่างไร้ที่ระบาย

เย่หยวนตอบกลับไป “ข้านั้นย่อมหมายตาแต้มเทพสงครามของพวกเจ้า แม้ว่ามันจะไม่มากมายแต่มันก็ยังมีให้เก็บใช้”

เมื่อคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้น

เมื่อหยางเคอได้ยินเสียงหัวเราะของเขาก็ยิ่งดังลั่นขึ้น “เจ้าเด็กใหม่คนนี้มันน่าสนใจจริงๆ! ดี ดีมาก! เช่นนั้นก็ออกไปประลองกันด้านนอกเถอะ ปู่หยางของเจ้านี้มีแต้มอยู่ตรงหน้า เจ้ามีปัญญาก็มาเอาไปเถอะ!”

เย่หยวนเองก็ไม่คิดต่อปากต่อคำให้ยืดยาวเดินมุ่งหน้าออกไปยังด้านนอกเมืองทันที

ภายในเมืองนั้นย่อมจะมีคนที่ได้เห็นได้ยินเรื่องราวและอดไม่ได้ที่จะเดินตามออกไปดูเรื่องราว

“เจ้าเด็กใหม่คนนี้มันน่าสนใจจริงๆ เป็นแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวแต่กลับกล้าโอหังเช่นนี้!”

นักยุทธอีกคนที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้นตาม “หึ คนที่เข้ามาถึงมิติสงครามดึกดำบรรพ์ได้นั้นมีใครบ้างที่มิใช่อัจฉริยะเก่งล้ำฟ้า? แต่หลังจากมาถึงที่แห่งนี้แล้วคนทั้งหลายนั้นก็จะได้รู้ว่าเหนือฟ้ามันมีฟ้าจริง มันจะมีคนที่เก่งกาจกว่าตนเองอยู่เสมอ!”

“เจ้าเด็กคนนั้นมันคงสามารถสู้ข้ามดาวได้ แต่มันคงไม่ได้รู้เลยว่าทุกผู้คนในที่นี้ต่างก็ล้วนต่อสู้ข้ามดาวได้สิ้น! แต่ถึงจะอย่างนั้นมันก็ยังไม่เก่งกาจพอ!”

ท่าทางของเย่หยวนนั้นเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดานั้นย่อมเย้ยหยันไปตามๆ กัน

ตอนที่พวกเขาทั้งหลายเพิ่งมาถึงนั้นมีใครบ้างที่ไม่อวดอ้างตัวเองเหนือฟ้า?

แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาทั้งหลายก็ได้ถูกทำลายความมั่นใจนั้นลงเรื่อยๆ

จนถึงเวลานี้ที่พวกเขาทั้งหลายได้แต่ต้องก้มหน้าเจียมเนื้อเจียมตัว

หากไปทำให้ยอดฝีมือไม่พอใจเข้าจริงๆ แล้วคนเหล่านั้นคงได้ไล่ล่าสังหารจนไม่อาจจะออกจากเมืองไปไหนได้!

แต่ในเมืองเองก็ไม่ได้ปลอดภัยมากนัก

เพราะว่าในเมืองเองมันก็มีเวลาให้พักได้จำกัด

เมื่อเวลานั้นหมดลงแล้วมิติสงครามดึกดำบรรพ์ก็จะส่งพลังลงมาทำลายคนผู้นั้นทันที!

กลุ่มหยางเคอนั้นเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกหกคน สองจักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาวและสี่จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาว

แต่แม้คนทั้งสี่จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาว พวกเขาก็เป็นตัวตนที่ใกล้เคียงกับจักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาวอย่างมาก

เมื่อออกมาถึงด้านนอกเมืองพวกเขาทั้งหลายก็ใช้สายตาที่เหมือนหมาป่ากำลังจ้องมองอาหารอย่างขี้เล่น

เจ้าเด็กคนนี้มันกล้าเดินออกมานอกเมืองจริงๆ

“เผิงหยาง เจ้าไปสั่งสอนน้องชายผู้นี้เสียหน่อยเถอะว่าเมืองเมฆหนุนนั้นอยู่กันอย่างไร!” หยางเคอสั่งออกมา

คนผู้มีนามว่าเผิงหยางนั้นยิ้มรับออกมาอย่างสะใจ “ได้ สั่งสอนเด็กใหม่เรื่องเช่นนั้นข้าย่อมพร้อมยินดีทำ! เด็กน้อย เจ้าคงคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากถึงได้มาท้าทายคู่ต่อสู้ข้ามดาวเช่นนี้! แต่พวกเราทั้งหลายนั้นตอนอยู่ด้านนอกต่างก็เคยต่อสู้ข้ามดาวกันมาสิ้น! เพราะฉะนั้นตัวเจ้าก็จงตายแล้วทำตัว…”

ปัง!

เผิงหยางยังกล่าวไม่ทันจบประโยคเขาก็ต้องตายลง

เย่หยวนนั้นต่อยออกมาด้วยหมัดหนักหน่วง ความเร็วเหนือล้ำจะมองทัน

ทุกผู้คนนั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ เผิงหยางก็แตกสลายกลับไปยังจุดเกิดอีกครั้งแล้ว

เย่หยวนนั้นแสดงสีหน้าเรียบนิ่งราวกับว่าเขาแค่ทำเรื่องสุดแสนปกติธรรมดา

จากนั้นมันก็เกิดอักษรหนึ่งขึ้นตรงหน้าของเขา

นี่มันคือแต้มเทพสงคราม

สังหารเผิงหยางนี้ไปเย่หยวนได้รับแต้มมาถึงสามสิบสองแต้ม

“มีแต้มแค่นี้เองหรือ พวกเจ้าจะอ่อนแอเกินไปแล้ว!” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยความดูถูก

เผิงหยางนั้นมีระดับไม่สูงมากมาย แต่เทียบกับเย่หยวนแล้วมันย่อมจะยังสูงล้ำ

เขานั้นจะต้องได้แต้มเทพสงครามสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เผิงหยางมี หรือก็คือแต้มเทพสงครามที่เผิงหยางมีติดตัวมันคงมีแค่ประมาณหนึ่งร้อย

เย่หยวนนั้นแค่พูดกล่าวความจริงออกมาแต่มันกลับเป็นการเย้ยหยันพวกหยางเคออย่างมาก

เพราะการที่มีแต้มเทพสงครามต่ำมันย่อมหมายความว่าพวกเขานั้นอ่อนแอ!

แต่แท้จริงแล้วแต้มเทพสงครามของพวกเขามันก็ไม่ได้น้อย โดยเฉพาะตัวหยางเคอที่มีระดับใกล้หนึ่งหมื่น

แต่พวกเขานั้นเพิ่งจะถูกลอบทำร้ายจนเสียแต้มเทพสงครามไปมากมายในคราเดียว มันจึงได้กลายมาเป็นสภาพเช่นนี้

หยางเคอนั้นหรี่ตาลงอย่างดุดันพร้อมจิตสังหารหนักแน่น “เด็กน้อย เจ้ากลับไม่คิดทำตามกฎโลกหล้าและลอบโจมตีเผิงหยาง!”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะขึ้นมา “สู้ก็คือสู้ จะพูดมากทำเพื่อ? ที่สำคัญที่นี่มันคือมิติสงครามดึกดำบรรพ์แดนแห่งการสังหาร หรือว่าก่อนจะฆ่าสังหารกันในนี้ยังต้องมาก้มหัวคารวะจอกเหล้ากันก่อนอีก?”

“ฮ่าๆๆ…”

เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาจากรอบด้าน

แน่นอนว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะฟังดูสมเหตุสมผลกว่า

เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นเห็นว่าเย่หยวนมีพลังบ่มเพาะต่ำจึงได้คิดประมาท

ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่จะยังมาพูดจาใดๆ กันให้มากความ? ออกมาถึงนอกเมืองพวกเขาทั้งหกก็คงเข้าโจมตีเย่หยวนพร้อมๆ กันไปแล้ว

หยางเคอนั้นหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือกก่อนจะร้องสั่ง “โจมตีมันพร้อมกัน ฆ่ามันให้ได้!”

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

หยางเคอนั้นหมดความอดทนลงสิ้น

เขานั้นคิดอยากทรมานเย่หยวนให้ตาย ให้ได้รู้ถึงความเจ็บปวดที่ล้นกาย ให้เขาต้องหวังที่จะได้ตายลงเร็วๆ!

เพราะในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้สิ่งที่น่ากลัวมันมิใช่ความตาย แต่เป็นช่วงก่อนจะตาย

เพราะมันให้ความรู้สึกที่เหมือนกับร่างกายของพวกเขาจริงๆ กำลังตายลง!

เว้นเสียแต่ว่าความเป็นจริงมันไม่เป็นไปดั่งที่หวัง

เพราะเมื่อได้ปะทะกันเข้าพวกเขาก็ได้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเย่หยวน!

………………