เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ไม่ใช่แค่ใบหน้าของลั่วจ่างเฟิงเท่านั้นที่หน้าขึ้นสี แต่หลิงฮันเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ให้ตายเถอะ หมอนี่เป็นผู้สืบทอดขุมอำนาจที่ทรงพลังจริงรึเปล่า? เหตุใดถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้?
จริงอยู่ที่ไม่มีใครอยากตาย แม้แต่หลิงฮันเองก็หวาดกลัวความตายเช่นกัน แต่ถ้าหากจะต้องยอมเสียศักดิ์ศรีล่ะก็ เขายอมตายเสียดีกว่าจะต้องอ้อนวอนคุกเข่าขอชีวิต
“เจ้าทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยงจริงๆ!” หลิงฮันกล่าวและผลักฝ่ามือออกไป ตอนนี้พวกเขาทั้งสอง อยู่ในระดับที่สามารถโจมตีถึงแล้ว
มิติเอกเทศ
สีหน้าของลั่วจ่างเฟิงแสดงออกถึงความไม่ยินยอม ตัวตนที่สูงส่งเช่นเขา จะมาตายในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไร?
แต่ในพริบตานั้นเอง จู่ๆความมืดก็ปกคลุมตัวเขา และนำพาเข้าสู่ห้วงมิติที่ต่างไปจากเดิม
ลั่วจ่างเฟิงหวาดผวาและระเบิดพลังทั้งหมดโจมตีใส่ห้วงมิติอย่างบ้าคลั่ง
มิติเอกเทศสามารถคงสภาพอยู่ได้แค่เกือบหนึ่งลมหายใจเท่านั้น ก่อนจะถูกอำนาจของอัสนีบดขยี้ไม่เหลือซาก เพียงแต่ว่า ทันทีที่ลั่วจ่างเฟิงปรากฏตัวกลับออกมา หมัดอันทรงพลังก็ได้เข้าประชิดใบหน้าของเขา
ระยะเวลาเกือบหนึ่งลมหายใจ ถือว่ามากพอแล้ว ที่จะถ่วงเวลาให้หลิงฮันไล่ตามทัน
ลั่วจ่างเฟิงหวาดกลัวและรีบปล่อยหมัดเข้าตอบโต้ แต่หลังจากที่หมัดเข้าปะทะกัน ทั่วร่างของเขาก็สั่นสะท้าน และลอยกระเด็นอย่างไม่อาจต้านทาน เนื่องจากใช้พลังแทบทั้งหมดไปกับการเสริมอำนาจให้กับเกราะแขนแล้ว พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้จึงตกต่ำเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮัน
หลิงฮันโคจรแสงอัสนีรูปแบบใหม่ที่ถูกยกระดับขึ้นจากเดิม และไล่ตามร่างลั่วจ่างเฟิงที่ลอยกระเด็นทันในพริบ พร้อมกับกระหน่ำหมัดเข้าใส่ราวกับห่าฝน
‘ตูม ตูม ตูม’ หน้าอกของลั่วจ่างเฟิงถูกบดขยี้อย่างรวดเร็ว โลหิตภายในร่างไหลทะลักออกมา และสามารถมองเห็นโครงกระสีขาวกับอวัยวะภายใน
หลิงฮันไม่ปรานีแม้แต่น้อย ทุกๆหมัดที่เขาชกออกไป ล้วนแต่ผสานอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์เอาไว้ด้วย ซึ่งหลังจากรับการโจมตีไป ลั่วจ่างเฟิงจะต้องตายอย่างแน่นอน
ณ เวลานี้ ลั่วจ่างเฟิงถือว่าตกอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังอย่างแท้จริงและตระหนักได้ว่า ไม่ว่าอย่างไรหลิงฮันก็คงไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตรอดแน่นอน ดวงตาของเขาเบิกกว้างและส่งเสียงคำรามเป็นครั้งสุดท้าย “งั้นก็มาตายด้วยกัน!”
หยดโลหิตไหลออกมาจากดวงตาของลั่วจ่างเฟิง พริบตาเดียวกันนั้น อำนาจแห่งอัสนีที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาจากร่างของเขา กายหยาบของลั่วจ่างเฟิงไม่สามารถต้านทานอำนาจที่ตนเองปลดปล่อยออกมาได้ และค่อยๆแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่านผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอำนาจสายฟ้า
แก่นกำเนิดนิรันดร์อย่างกายหยาบกำเนิดอัสนีสวรรค์นั้น มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ส่วนหนึ่งอยู่ระดับเดียวกันกับราชานิรันดร์ เพราะงั้นการที่ลั่วจ่างเฟิงยอมสละชีวิตตนเอง โดยการระเบิดแก่นกำเนิดนิรันดร์ พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นจึงรุนแรงพอที่จะสังหารจอมยุทธระดับโลกียนิพพานได้ทุกคน
“ช่างโง่เง่าและคิดอะไรตื่นเขินนัก!” หลิงฮันส่ายหัว นี่อีกฝ่ายไม่เห็นรึไงว่าจื่อเหอปิงอวิ๋นที่ระเบิดแก่นกำเนิดนิรันดร์ของตนเองเหมือนกัน และผลสุดท้ายเป็นเช่นไร?
‘ครืนนน’ อำนาจสายฟ้าโหมกระหน่ำระเบิดเป็นวงกว้าง ราวกับจะต้องการบดขยี้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลให้สูญสิ้น
อำนาจทำลายล้างของคลื่นระเบิดนี้ ต่อให้เป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานสูงสุดก็ต้องถูกสังหารภายในไม่กี่ลมหายใจ หรือก็ให้ไม่ตาย ความบาดเจ็บที่ได้รับก็ต้องสาหัสเกินเยียวยา
เพียงแต่ว่าหลังจากที่คลื่นสายฟ้นอันเกรี้ยวกราดสลายไป ร่างของหลิงฮันก็ยังคงยืนแน่นิ่งอย่างองอาจ เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาชะงักจนกลายเป็นไร้คำพูดก็คือ ชุดที่เขานำมารัดไว้ที่เอวชั่วคราวนั้นถูกบดขยี้ไปแล้ว ทำให้ก้นของเขาเผยสู่สายตาประชาชนอีกครั้ง
ลั่วจ่างเฟิงนั้นถึงแม้จะไม่เหลือกายหยาบอยู่แล้ว แต่วิญญาณก็ยังไม่สลายไปอย่างสมบูรณ์ เขาจดจ้องไปยังหลิงฮันด้วยความรู้สึกไม่ยินยอมเป็นอย่างมาก ที่การโจมตีสละชีวิตของเขาไม่สามารถทำให้หลิงฮันบาดเจ็บแม้แต่น้อย
นี่เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดแบบใดกันแน่?
เขาอยากจะเอ่ยคำถามสุดท้ายนี้ออกไป แต่ดวงวิญญาณก็สลายไปอย่างสมบูรณ์เสียก่อน
ดวงตาของหลิงฮันกวาดมองไปยังระยะที่ห่างไกลออกไป และพบคนสามคนกำลังยืนตัวสั่นอยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา คนทั้งสามคนนั่นก็รีบหันหลังเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว
สามคนที่ว่าคือหลินฟาง เถิงเซินและเหวยเหนียน ที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้
หลิงฮันไม่ได้ไล่ตามเพราะอยู่ในระยะที่ห่างไกลเกินไป ทั้งสามคนเป็นถึงราชาแห่งยุค คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไล่ตามพวกเขาทันในระยะทางขนาดนี้
“สามี!” จักรพรรดินีลอยตามมาหาเขาและโผเข้าสู่อ้อมกอด
ธิดาโร๋วที่มองดูอยู่ในระยะที่ห่างออกไปใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
นางอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกจากการที่ได้เห็นก้นของหลิงฮันถึงสองครั้ง… นี่เจ้าคงไม่ได้จงใจใช่รึไม่?
หลิงฮันโอบจักรพรรดินีเอาไว้ในอ้อมกอด เขาไม่คิดจะใส่เสื้อผ้าให้เสียเวลาและเข้าสู่หอคอยทมิฬพร้อมกับจักรพรรดินี ในมุมมองของธิดาโร๋วนั้น คงไม่ติดใจอะไรและคิดแค่ว่าเขาเพียงเข้าสู่อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปเท่านั้น
การที่ถูกจักรพรรดินีที่มีเรือนร่างเย้ายวนรัดแน่นขนาดนี้ ใครกันจะอดใจไหว?
แน่นอนว่าต่อให้เป็นหลิงฮันก็ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งเขาก็ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นแม้แต่น้อยเนื่องจากสตรีผู้นี้คือภรรยาของเขา!
……
หลังจากเสร็จกิจธุระกันแล้ว หลิงฮันกับจักรพรรดินีก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ และรู้สึกโล่งอกที่พบว่าถ้ำหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ยังไม่เปิดออก
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ฉวยโอกาสหรอก!” ธิดาโร๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลิงฮันยิ้ม ต่อให้ธิดาโร๋วต้องการแย่งชิงสมบัติไปก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี เพราะว่าหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์คืออำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพี ที่ผ่านการพัฒนามาเกินกว่าร้อยล้านปี ทำให้อำนาจของมันไม่ใช่สิ่งที่นิรันดร์สี่นิพพานสามารถต้านไหว
หากต้องการจะครอบครองมันจริงๆ ก็คงต้องใช้วิธีการเหมือนกับพวกจื่อเหอปิงอวิ๋นและลั่วจ่างเฟิง ที่ยืมอำนาจของราชานิรันดร์มาใช้