บทที่ 1376 พิธีเปิดการศึกษา + ตอนที่ 1377 แขนเสื้อครึ่งท่อนยังไม่มีปัญญาซื้อ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1376 พิธีเปิดการศึกษา + ตอนที่ 1377 แขนเสื้อครึ่งท่อนยังไม่มีปัญญาซื้อ โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1376 พิธีเปิดการศึกษา

พิธีกรงานปฐมนิเทศน์เปิดการศึกษาคือหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยที่พูดจาเสียงดังฉะฉาน ซึ่งคิดว่าต้องเคยเรียนวิชาประสานเสียงมาอย่างแน่นอน ต่อให้ไม่ใช้โทรโข่งก็ได้ยินเสียงดังออกไปไกลถึงสิบลี้

“ต่อไปขอเชิญนักศึกษาจ้าวเหมยมากล่าวสุนทรพจน์ ในที่นี้ฉันต้องขอแนะนำนักศึกษาจ้าวเหมยให้รู้จักกันสั้น ๆก่อน คิดว่าหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้นัก แต่ถ้าฉันพูดถึงหนังสือชื่อเรื่อง ‘การตอบโต้ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์’ ทุกคนคงคุ้นเคยดีใช่ไหมคะ?”

หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์นับว่าช่ำชองมากจริง ๆ พูดจามีระดับโทนน้ำเสียงมีจังหวะขึ้นลง ช่วยกระตุ้นบรรยากาศให้เหล่านักศึกษาใหม่ข้างล่างได้ในพริบตาจนเกิดเสียงฮือฮาไปทั่ว ต่างกระซิบกระซาบถามถึงจ้าวเหมยกันถ้วนหน้า

เจิ้งเสวี่ยซานกับสวีจื่อเซวียนใจดิ่งถึงก้นเหว สวีจื่อเซวียนสีหน้าดูแย่ยิ่งกว่า เมื่อคืนพ่อของเธอกลับไปที่บ้านเกิดซึ่งก่อนไปได้ยินเธอเอ่ยถึงเรื่องจ้าวเหมยเลยตักเตือนเธอว่าอย่าคิดเพ้อฝันในสิ่งที่เปล่าประโยชน์ ตั้งใจเรียนหนังสือต่างหากเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง

แต่สวีจื่อเซวียนไม่พอใจ เห็นชัด ๆว่าเธอเก่งกว่าจ้าวเหมยมาก แล้วมีสิทธิ์อะไรไม่ให้เธอเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่?

เมื่อวานเธอไปหาเจียงจื้อหรู่ แถมยังส่งเอกสารหนังสือยื่นคำร้อง เขียนถึงผลงานรางวัลต่าง ๆของเธอในตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำเอาเจียงจื้อหรู่จับต้นชนปลายไม่ถูก คิดแค่ว่าสวีจื้อเซวียนจริงจังเกินไปแต่พอเห็นการแนะนำผลรางวัลของเธอกลับชื่นชมเธออย่างมาก

ที่จริงนับว่าเป็นยอดอัจฉริยะหญิงที่เฉลียวฉลาดจริงๆ แต่เสียดายที่มาไม่ถูกเวลา ใครให้เธออยู่รุ่นเดียวกับจ้าวเหมยกันล่ะ!

เจียงจื้อหรู่จำต้องปฏิเสธไปอ้อมๆ ว่าได้กำหนดตัวแทนไว้แล้วแต่ไม่ได้บอกเธอว่าเป็นจ้าวเหมย สวีจื่อเซวียนผิดหวังอย่างมากแม้จะแอบมีคำตอบอยู่ในใจว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจ้าวเหมย แต่ก็ยังหวังว่าจะไม่ใช่จ้าวเหมย

หมาแมวที่ไหนหรือแม้แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังได้ แต่จะเป็นจ้าวเหมยไม่ได้!

สวีจื้อเซวียนได้ยินชื่อจ้าวเหมยจากปากหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์หัวใจก็เหมือนโดนมีดทิ่มแทง ทำไมดันเป็นจ้าวเหมยไปได้?

เจิ้งเสวี่ยซานแม้ไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่กลับไม่พอใจยิ่งกว่าสวีจื้อเซวียน เมื่อคืนเธอไปหาคุณปู่ที่แม้ปกติไม่ค่อยจะติดต่อกันเท่าไรแต่คุณปู่ดีกับเธอไม่น้อยเลยรับปากเอาไว้ว่าวันนี้จะไปคุยเรื่องนี้กับอธิการบดีของพวกเขา หากไม่มีเรื่องเหนือคาดก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แต่ตอนนี้ทำอย่างไรดีล่ะ?

ทั้งที่เมื่อวานอาจารย์เจียงก็ไม่ได้บอกว่าจะมีตัวแทนนักศึกษาใหม่กล่าวสุนทรพจน์นี่นา?

ไหนว่ากล่าวในงานเลี้ยงต้อนรับไม่ใช่หรือ?

หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์บนเวทียังพูดไม่หยุด “นักศึกษาจ้าวเหมยคือนักเขียนนิยายเรื่อง ‘การตอบโต้ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์’ นั่นเอง เชื่อว่ามีนักศึกษาหลายคนคงเคยอ่านนิยายชุดนี้แล้ว ลูกสาวฉันเป็นถึงแฟนหนังสือตัวยงของนักศึกษาจ้าวเหมยเชียว เดี๋ยวหลังจบงานฉันต้องขอลายเซ็นนักศึกษาจ้าวเหมยด้วย เช้านี้ลูกสาวฉันกำชับไม่หยุดเลย”

เสียงหัวเราะดังครืนมาจากล่างเวทีทำให้บรรยากาศร้อนระอุมากกว่าเดิม

หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดไม่ผิด พวกเขาไม่รู้จักจ้าวเหมยหรอกแต่เจ้าหญิงอัปลักษณ์พวกเขารู้จักนี่นา!

คนหนึ่งคือคุณชายน่าหลัน อีกคนคือเจ้าหญิงอัปลักษณ์ แล้วก็เพลงของเสี่ยวสยงสยง (สยงมู่มู่) ที่ก้าวผ่านเวลาในช่วงวัยรุ่นมากับพวกเขา

แล้วจะไม่รู้จักได้อย่างไร?

ฉางชิงซงอยู่ฝ่ายกรรมการนักศึกษาซึ่งพวกเขาคอยรักษาระเบียบอยู่ข้าง ๆ เขาชะงักก่อนจะตบหน้าขาทีหนึ่ง “บ้าเอ้ย ฉันก็ว่าทำไมหน้าคุ้นจัง!”

เมื่อวานเขารู้สึกคุ้นหน้าตั้งแต่เห็นหน้าเหมยเหมยแล้วพอได้ยินชื่อก็ยิ่งคุ้นแต่กลับนึกไม่ออกสักที พอมาฟังหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดถึงจำได้ จ้าวเหมยคือเจ้าหญิงอัปลักษณ์ที่น้องสาวชั้นมัธยมปลายของเขาพูดถึงอยู่ทุกวันนี่นา!

ตัวจริงสวยกว่าในโทรทัศน์เยอะเลย!

หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์แนะนำประวัติของเหมยเหมยอีกเล็กน้อยแล้วเป็นฝ่ายปรบมือนำก่อน “ต่อไปเชิญนักศึกษาจ้าวเหมยขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์ข้างบน ขอเชิญเลยค่ะ!”

…………………………

ตอนที่ 1377 แขนเสื้อครึ่งท่อนยังไม่มีปัญญาซื้อ

เสียงปรบมือราวกับฟ้าฝ่าดังสนั่นยิ่งกว่าปรบมือให้อธิการบดีหรือรองอธิการบดีในก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ เหล่านักศึกษาต่างยื่นคอหมายอยากเห็นจ้าวเหมยที่หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดยกยอปอปั้นให้ชัด ๆ ว่าเป็นใครมาจากไหนกันแน่!

ฉีฉีเก๋อปรบมืออย่างหนักหน่วงแล้วทำท่าส่งกำลังใจให้เหมยเหมยทีหนึ่ง เหมยเหมยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่พลางก้มมองประเมินว่าสภาพตัวเองไม่มีจุดบกพร่องตรงไหนถึงก้าวเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างไม่ช้าไม่เร็วและมองตรงไปข้างหน้า

เหมยเหมยเดินผ่านผู้คนขึ้นไปยังบนเวทีโดยเสียงปรบมือล่างเวทีเงียบไปชั่วอึดใจจนสนามเงียบผิดปกติ ทุกคนเหมือนหยุดลมหายใจพร้อมกันแต่ไม่นานเสียงปรบมือก็ดังขึ้นระลอกใหม่แถมยังอึกทึกกว่าก่อนหน้านี้

“โอ้โห ฉางชิงซง สาวงามคนนี้คือคนที่เมื่อวานนายไปรับมาไม่ใช่เหรอ? สารเลวอย่างนายมันโชคดีเรื่องผู้หญิงจังวะ?” ผู้ชายข้างฉางชิงซงพูดด้วยความอิจฉาริษยา

ฉางชิงซงกลอกตาทีหนึ่ง แม้สายตาจะจ้องบนเวทีไม่กะพริบแต่สีหน้ากลับเรียบนิ่งเหลือเกิน “นายไม่ลองคิดดูว่านี่คือดอกฟ้าเชียวนะ คนธรรมดาอย่างเราเอื้อมถึงเหรอ? นายกล้าเด็ดเหรอ?”

ผู้ชายคนอื่นมองเหมยเหมยที่ประกายออร่าเจิดจ้าเกินใครเลยส่ายหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง

คนที่เจียมตัวยังพอมีอยู่บ้างรู้ว่าคนสวยแบบนี้ต่อให้พวกเขาเด็ดมาได้ก็รักษาไว้ไม่ได้ สู้ไปเด็ดดอกท้อที่ธรรมดาหน่อยดีกว่า

เหมยเหมยเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วโค้งให้เหล่าผู้บริหารอธิการบดีก่อนทีหนึ่งค่อยเดินมาหน้าไมค์ด้วยความมั่นใจ เหล่าอธิการบดีลอบหยักศีรษะน้อย ๆ ตัวแทนนักศึกษารุ่นใหม่นี้น่าจะทำได้ดีที่สุดในช่วงหลายปีนี้แล้วล่ะ

เสียงปรบมือหยุดลง ทุกคนมัวแต่จดจ้องเหมยเหมยตาแทบไม่กะพริบ ทุกคนต่างคิดในใจตรงกันว่า–

ทำไมถึงได้มีคนสวยขนาดนี้นะ?

เหมยเหมยปรับระดับความสูงของไมค์ก่อนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือของทุกคนค่ะ ฉันคือจ้าวเหมย จ้าวที่เป็นจ้าวเฉียนซุนหลี่ เหมยที่แปลว่าคิ้ว เป็นนักศึกษาใหม่คณะศิลปกรรมศาสตร์สาขาศิลปะจีน”

เธอหยุดเว้นช่วงไปทีพลางพูดต่อ “ขอบคุณผู้บริหารที่ให้ฉันได้เป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่กล่าวสุนทรพจน์ ความจริงแล้วฉันคิดว่าฉันไม่ได้เก่งไปกว่าพวกคุณมากเท่าไหร่ อาจจะเพราะฉันดวงดีหน่อยเท่านั้น”

การกลับมาเกิดใหม่แล้วได้เจอกับเหยียนหมิงซุ่นและฉิวฉิวฉาฉา เธอโชคดีมากจริงๆ

“ฉันไม่มีพรสวรรค์ด้านการเรียน ตอนประถมชั้นปีที่ห้ายังเคยสอบได้ที่โหล่ของห้องและไม่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับใครเลย ที่จริงเจ้าหญิงอัปลักษณ์คือประสบการณ์ของตัวฉันเอง ตรงนี้ฉันคงไม่พูดมากแล้ว ที่โชคดีคือฉันได้เจอคุณครูที่ดีเพื่อนที่ดี พวกเขาได้ให้ความช่วยเหลือฉันมากมาย…”

เหมยเหมยเล่าอยู่บนเวทีไปเรื่อย ๆด้วยเสียงที่อ่อนหวานจับใจ ต่อให้ถูกขยายเสียงก็ยังอ่อนนุ่มเช่นเดิมให้ความรู้สึกจักจี้หูตอนได้ยิน

“เสื้อไหมพรมที่จ้าวเหมยใส่สวยจัง ฉันจะไปซื้อมาสักตัวหนึ่ง!” ถังม่านลี่เพ่งความสนใจไปยังเสื้อผ้าเครื่องประดับทั้งหมด ดวงตาเป็นประกายวาว เมื่อวานเพิ่งหาเงินมาได้หนึ่งร้อยหยวนน่าจะซื้อเสื้อได้หลายตัวเลยสินะ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหลุดขำทีหนึ่ง “ถอดใจซะเถอะ เงินแค่นั้นของเธอสงสัยแขนเสื้อครึ่งท่อนยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“เธออย่าดูถูกกันเกินไป ก็แค่เสื้อไหมพรมไม่ใช่หรือไง ต่อให้ทำจากขนแกะก็แค่ยี่สิบหยวนต่อหนึ่งจิน ฉันว่าเสื้อไหมพรมตัวนี้อย่างมากก็ใช้ขนไปแค่หนึ่งจินจะต้องใช้เงินมากแค่ไหนเชียว? สามสิบหยวนก็มากเกินพอแล้ว!” ถังม่านลี่ไม่พอใจอย่างมาก คิดว่าเธอไม่เคยเห็นโลกข้างนอกมาก่อนหรือไงกัน!

“โอ้โห…เธอนึกว่านี่เป็นบะหมี่แถวบ้านเธอเหรอ ตั้งสามสิบหยวน? เติมศูนย์อีกหนึ่งตัวยังไม่พอเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาไวมากเพียงปราดเดียวก็จำได้ว่าเสื้อไหมพรมของเหมยเหมยเป็นสินค้ายอดนิยมในหลายปีนี้ของยี่ห้อ ‘มอริส ลาครัวซ์’ เป็นสินค้าชั้นดีเยี่ยมที่ราคาเสื้อผ้าไม่เคยถูก อย่างเสื้อไหมพรมบนตัวจ้าวเหมยก็เป็นสินค้าตัวใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงของปีนี้

ตัวละสี่ร้อยเก้าสิบเก้าหยวน ต้องเป็นลูกค้ากิตติมาศักดิ์ถึงได้ลดราคาห้าเปอร์เซ็นต์

เธอเองก็ซื้อมาตัวหนึ่งแต่ตอนนี้เห็นจ้าวเหมยใส่แล้วเผยทรวดทรงองค์เอวชัดเจนเธอเลยตัดสินใจเก็บเสื้อไหมพรมที่อยู่บ้านตัวนั้นไว้ตลอดไปดีกว่า

เทียบกันคนต่อคนแล้วน่าโมโหจะแย่!

…………………………………………………………