“จะว่าไปมันก็แปลกเช่นกัน สิ่งที่เจ้านภาท่านนั้นชื่นชอบคือการทำธุรกิจ เล่ากันว่าครั้นเมื่อท่านย่างกรายลงบนเส้นทางการฝึกยุทธ์ ท่านก็อาศัยสมองในการทำธุรกิจและการคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วน ค่อย ๆ สะสมทรัพยากรทีละน้อย และค่อย ๆ ฝึกตนจนถึงแดนเจ้านภา”

ถึงแม้เมืองแห่งแก้วเทวจะไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับศิษย์ที่นับไม่ถ้วนในสำนักต่าง ๆ แต่ในด้านธุรกิจ มันกลับเป็นสถานที่ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับแดนศักดิ์สิทธิ์ มากกว่านั้นคือทั่วทั้งโลกเสวียนเทียน ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่เป็นหนึ่งไม่เป็นรองผู้ใดด้วย

ช่าจื่อเยียนไม่ได้ไม่คุ้นเคยกับเมืองแห่งแก้วเทว อดีตนางเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว

“ในเมืองแก้วเทว ขอเพียงเจ้ามีทรัพย์สินที่มากพอ ก็จะไม่มีสิ่งของใดที่เจ้าซื้อไม่ได้ แทบจะมีสมบัติทุกประเภทเท่าที่ควรจะมี ไม่ว่าจะเป็นคนที่ร่ำรวยมั่งคั่งมากเพียงใด ล้วนเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าตังค์ตุง ๆ และจากไปพร้อมกับกระเป๋าตังค์เหี่ยว ๆ”

ช่าจื่อเยียนใส่ผ้าคลุมหน้าปิดบังตัวตน ถึงอย่างไรตัวในปัจจุบันของนางก็ละเอียดอ่อนมาก ๆ ทันทีที่ถูกคนในสำนักเซียนไร้เจตสิกสังเกตเห็น นางต้องถูกจับกุมตัวไปถวายตัวให้แก่ราชาเทพซือถูบนโลกาชั้นฟ้าแน่นอน

เข้าไปในเมืองแห่งแก้วเทว มีผู้คนเดินผ่านไปมาอยู่บนถนนในเมือง จินเฟยเทียนยิ่งเคลื่อนเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ลมหายใจเริ่มประหม่า เนื่องจากถนนที่กำลังเหยียบอยู่ล้วนถูกสร้างมาจากแก้วเทว

กิจการค้าภายในเมืองเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก หลัวซิวไม่ได้ใช้ตัวสำนึกกวาดสำรวจอย่างอุกอาจ แต่ภายใต้การใช้พลังชี่สัมผัสดู เขาก็พบว่าทุกคนที่ไปมาหาสู่ในนี้ไม่มีผู้ใดเป็นคนอ่อนแอเลยแม้แต่คนเดียว ผลการฝึกตนต่างเกะกะระรานอย่างมาก ผลการฝึกตนที่ต่ำที่สุดก็อยู่ที่ประมาณมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย

จนกระทั่งเดินอยู่บนถนนหนทางภายในเมืองไปได้ไม่นานนัก เขาก็ค้นพบเทพมารสิบกว่าคน เห็นแม้กระทั่งคนใหญ่คนโตที่อยู่ระดับเทพฟ้าหลายคนเช่นกัน

“เมืองแห่งแก้วเทวที่ตั้งอยู่ตรงนี้เป็นดั่งขนมเค้กก้อนใหญ่ชัด ๆ หากสามารถปล้นทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในนี้ไปจนไม่เหลือละก็ คาดว่าคงได้กลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเสวียนเทียนในชั่วพริบตาเดียวแน่นอน”หลัวซิวรู้สึกช็อกและประหลาดใจ การมาเมืองแก้วเทวในครั้งนี้ก็ถือว่าทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตามาก ๆ เช่นกัน ได้รู้ว่าอะไรคือมีเงินมากอิทธิพลก็มาก

“เจ้าของเมืองแก้วเทวแซ่ตงฟาง ซึ่งเป็นแซ่คู่ เป็นเจ้านภาที่มีชีวิตมานานหมื่นปี ใครเล่าจะกล้ามาทำตัวอุกอาจที่นี่? ยังไม่ต้องพูดถึงศักยภาพส่วนตัวของเจ้านภาตงฟาง เหล่าศิษย์ที่อยู่ใต้สำนักท่านล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงส่งเช่นกัน ซึ่งศักยภาพไม่ใช่เล่น ๆ เลย”ช่าจื่อเยียนหัวเราะพลางตอบกลับ

ในระหว่างที่พูดคุยกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น พวกเขาก็ไปถึงร้านค้าแห่งหนึ่ง การตกแต่งภายในหรูหรามากถึงมากที่สุด มีวัตถุดิบทุกประเภทเท่าที่ควรจะมี

“เหล็กเซียนคราม”

“เงินอัสนีจื่อเซียว”

“ไม้เซียนมังกรเสวียน!”

“……”

หลัวซิวเดินวนดูอย่างรีบเร่งคร่าว ๆ รอบหนึ่ง ก่อนจะพบว่ามีวัตถุดิบล้ำค่าไม่น้อยที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรง แต่ทว่าราคาก็สูงจนเกินความเป็นจริงเช่นกัน แก้วเทวหมื่นชิ้นก็ซื้อตัวเซียนได้เพียงเล็กน้อยขนาดเท่ากำปั้น

อีกทั้งถึงจะเป็นวัตถุดิบระดับเทพเหมือนกัน แต่ก็มีการแบ่งระดับสูงต่ำ ระดับยิ่งสูงราคาก็จะยิ่งสูง

การเดินทางมาเมืองแห่งแก้วเทวในครั้งนี้ของหลัวซิว ด้านหนึ่งคือตามหาตัวเซียนเพื่อนำไปกลั่นอาวุธ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือรวบรวมยาเซียน เพื่อมากลั่นเม็ดยาเซียน

เขาต้องการหล่อหลอมฝึกเซ่นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหนึ่งด้าน จึงต้องใช้ตัวเซียนที่มีกฎการเวียนว่ายตายเกิดสองกฎแฝงซ่อนอยู่ ระดับของตัวเซียนประเภทนี้สูงมาก ๆ มูลค่าก็ไม่น้อย คาดว่าการจะหล่อหลอมวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหนึ่งด้านนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้แก้วเทวไม่ต่ำกว่าหลักล้านชิ้น

มูลค่าของอัญมณีแห่งเทพมารหนึ่งชิ้นเทียบเท่ากับแก้วเทวประมาณหนึ่งแสนกว่าชิ้น อย่างนี้ก็หมายความว่าการที่เขาจะหล่อหลอมวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหนึ่งด้านนั้น เท่ากับกลั่นอัญมณีแห่งเทพมารได้สิบชิ้น!

เขาโบกมือเรียกคนรับใช้คนหนึ่งมา ก่อนจะสอบถาม: “ไม่ทราบว่าทางร้านค้าของท่านรับซื้อสมบัติและวัตถุดิบต่าง ๆ หรือไม่?”

คนรับใช้ดังกล่าวยิ้มพลางพยักหน้า“รับอยู่แล้วขอรับ ชื่อเสียงของร้านเราดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบสมบัติประเภทใดหรือระดับใด ทางร้านจะให้ในราคาที่ลูกค้าพึงพอใจแน่นอน”