ตอนที่ 2581

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,581 : ปะทะไป่ฟูฉางของกองทัพมังกรเงิน!

 

 

“อะไร? หรือที่ไป่ฟูฉางทั้ง 2 มา..เพราะคิดหยุดไม่ให้ข้าไป?”

 

ได้ยินคำถามเสียงเรียบดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน…

 

ไป่ฟูฉางของกองทัพมังกรเงินที่มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม ได้ชักสายตาเย้ยหยันมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนทันที จากนั้นสายตาของมันก็ค่อยๆเย็นลง กล่าวว่า “หรือ…อาศัยเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนเช่นเจ้า คิดว่ามีปัญญาหนีไปต่อหน้าต่อตาพวกข้า 2 คนได้?”

 

“อ่า…พอดีข้าคิดแบบนั้นจริงๆ”

 

ได้ยินคำถามแกมประชดดังกล่าวของไป่ฟูฉางหนุ่ม ต้วนหลิงเทียนที่ยังคงทำสีหน้าเฉยเมยไม่อีนังขังขอบก็ กล่าวตอบออกไปเสียงเรียบคล้ายไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

 

“โอหัง!”

 

“บังอาจ!!”

 

“ต่อหน้าท่านไป่ฟูฉาง อาศัยเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่เจ้ากล้า!?”

 

“ไอ้หนู! เจ้าเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!”

 

 

เรียกว่าแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบคำออกมา เหล่าสือฟูฉางทั้ง 8 ไม่เว้นหวังเวยก็เร่งกล่าวถล่มต้วนหลิงเทียนออกมาทันที

 

เรียกว่าตอนนี้พอมีไป่ฟูฉางมาคุ้มกะลาหัวสองคน พวกมันก็บังเกิดความห้าวหาญขึ้นมาทันตาเห็น

 

ต้องทราบด้วยว่าไป่ฟูฉางของพวกมันนั้นอย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง! อีกทั้งไป่ฟูฉางแต่ละคนยังจะได้รับยอดสมบัติสวรรค์ประจำตำแหน่งจากผู้บัญชาการเป็นการส่วนตัวอีกด้วย!

 

ต่างจากสือฟูฉางเช่นพวกมัน ที่จนจ๋อขอทานไร้ยอดสมบัติสวรรค์อันใด…

 

หาไม่แล้วพลังของพวกมันก็ต้องสูงกว่าที่เป็นอยู่!

 

ถึงจะเป็นเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ชุดม่วงเบื้องหน้า ที่สามารถปะทุพลังเข้มแข็งทัดเทียมจินเซียนตะวันแสด ที่ไม่ได้ใช้ทักษะทั้งยอดสมบัติสวรรค์อะไรออกมา

 

แต่พวกมันก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มชุดม่วงหน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาคนนี้ จะมีปัญญารับมือไป่ฟูฉางแห่งกองทัพมังกรเงินของพวกมันได้!

 

เพราะหากไป่ฟูฉางของพวกมันลงมือเต็มกำลังนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องสามารถปะทุพลังเข้มแข็งขอบเขตจินเซียนตะวันเขียวที่ไร้ทักษะทั้งอาวุธเซียนอมตะออกมาได้แน่นอน!

 

เว้นเสียแต่ชายหนุ่มชุดม่วงเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่คนนี้ จะสามารถปะทุพลังที่เข้มแข็งกว่าเมื่อครู่ได้อีก 2 ขีดขั้น…

 

หาไม่แล้วชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาใหม่คนนี้ ไม่มีทางเป็นคู่มือให้ไป่ฟูฉางพวกมันได้เลย…

 

แต่เรื่องพรรค์นั้นยังจะเป็นไปได้หรือ ที่ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้จะยังปกปิดพลังเข้มแข็งระดับนั้นไว้?

 

เหล่าสือฟูฉางของทัพมังกรเงินทั้ง 8 รวมถึงหวังเวย คิดว่าเรื่องแบบนั้นไม่มีวันเป็นไปได้!

 

เช่นนั้นพวกมันจึงบังเกิดความมั่นใจสุดตัวว่าไป่ฟูฉางพวกมันเอาอยู่! ถึงได้แลดูเก่งกล้าสามารถกล่าวเย้ยต้วนหลิงเทียนกันสนุกปาก…!!

 

“หึ! เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ?”

 

ได้ยินวาจาถือดีของต้วนหลิงเทียน ไป่ฟูฉางหนุ่มกระฟัดกระเฟียดนัก ใบหน้ายังเปลี่ยนไปไม่น้อย สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนยังเย็นลงทุกที

 

กระทั่งไป่ฟูฉางอีกคนที่เป็นชายวัยกลางคน ก็ชักสีหน้าไม่ค่อยจะอารมร์ดีสักเท่าไหร่ และมันก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยน้ำเสียงสายตาเย็นชาว่า “เจ้าหนู ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนั้น…ก็ให้ข้าดูทีเถอะ ว่าอาศัยเจ้ายังจะมีปัญญาหลบหนีไปภายใต้สายตาของพวกเราทั้ง 2 คนได้อย่างไร!”

 

“ข้าก็อยากรู้นัก…ว่าหนูตัวจ้อยเช่นเจ้าจักวิ่งหนีได้ไวแค่ไหน!”

 

ไป่ฟูฉางหนุ่ม กล่าวเย้ยออกมาด้วยรอยยิ้มแสยะ

 

“ข้าวิ่งได้ไวแค่ไหน?”

 

ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วข้างหนึ่งกล่าวออกด้วยรอยยิ้มว่า “โทษที แต่เกรงว่าข้าคงทำให้พวกเจ้าผิดหวังแล้ว…ถึงความเร็วของข้าไม่น่าจะช้าไปกว่าพวกเจ้าก็จริง แต่ข้าไม่ได้คิดใช้ความเร็วหลบหนีพวกเจ้าแม้แต่น้อย…”

 

“ตอนนี้ข้าจะไปแล้ว…หากเจ้าคิดจะหยุดข้าก็เชิญ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าไว้ก่อน หากพวกเจ้าลงมืออะไร ก็อย่าโทษข้าที่ไม่เตือนพวกเจ้าว่าอย่าแส่หาเรื่องแต่แรกแล้วกัน….”

 

หลังกล่าววาจาประโยคดังกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ละสายตาจากพวกมัน ก่อนที่จะลอยตัวขึ้นไปบนฟ้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

เป็นความเร็วที่สือฟูฉางทั้ง 8 ไม่คิดว่าเร็วอะไรมากมาย

 

เช่นนั้นก็ไม่ต้องกล่าวถึงไป่ฟูฉางที่เหนือกว่าพวกมัน!

 

“แส่หาเรื่อง?”

 

หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ไป่ฟูฉางทั้ง 2 ก็หันมามองหน้าสบตากันทันที ต่างแลเห็นถึงความโกรธในแววตาของกันและกัน

 

คำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ยังต่างอะไรจากตบหน้าพวกมันตรงๆ!

 

ตอนนี้พวกมันรู้สึกว่าถูกผู้อื่นดูแคลนอย่างถึงขีดสุด ทำให้พวกมันบังเกิดความอับอายขายหน้าไม่น้อย!!

 

“ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าเจ้าจะมีปัญญาทำอะไรพวกเรา!”

 

“ไอ้หนูอวดดี! วันนี้ข้าจะให้ตัวโง่งมเช่นเจ้าได้รู้ ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าหมายความว่าอันใด!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนลอยตัวขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ไป่ฟูฉางทั้ง 2 ที่เดือดดาลก็เริ่มพุ่งขึ้นฟ้าไปเช่นกัน พริบตาร่างพวกมันที่วูบไปดั่งสายฟ้าก็ไล่ต้วนหลิงเทียนได้ทัน

 

พวกมันยังไปหยุดร่างขวางเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ไม่ให้ไปไหน

 

กึก

 

ต้วนหลิงเทียนก็หยุดร่างลงทันที

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหยุดร่างลงกลางหาว สือฟูฉางทั้ง 8 ก็เหินร่างติดตามขึ้นมา

 

ไป่ฟูฉางทั้ง 2 แยกออกไปซ้ายขวา ส่วนสือฟูฉางทั้ง 8 ได้ปิดล้อมอยู่ด้านหลัง เห็นชัดว่าหมายปิดทางถอยของต้วนหลิงเทียน และเตรียมลงมือซ้ำเติมต้วนหลิงเทียนให้หนัก!!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังเวยที่ถูกต้วนหลิงเทียนทำลายแขนขา แลดูมันจะกระเหี้ยนกระหือรือกว่าใคร สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนของมันแทบไม่ต่างจากหมาป่ากำลังหิวโหย!

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสไป่ฟูฉางทั้ง 2 ด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับสือฟูฉางทั้ง 8!

 

เขาทำราวกับพวกมันเป็นอากาศธาตุ ไร้ตัวตน!

 

“อยากเห็นว่าข้ามีปัญญาทำอะไรพวกเจ้า?”

 

“คิดสั่งสอนให้ข้ารู้ความหมายของคำเหนือฟ้ายังมีฟ้า?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองไป่ฟูฉางของกองทัพมังกรเงินทั้ง 2 เบื้องหน้า ค่อยๆคลี่ยิ้มเย้ยหยันออกมา “ในเมื่อพวกเจ้าอยากรู้นักว่าข้ามีปัญญาไหม เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์ให้”

 

“อีกทั้งข้ายังสนใจนัก ว่าเจ้าจะสั่งสอนเรื่องเหนือฟ้ายังมีฟ้าให้ข้ารู้ยังไง…”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่กล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

ทันใดนั้นพลันบังเกิดรังสีกระบี่นับพันพวยพุ่งออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนราวละอองไฟ เป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างได้แล่นผ่านชีพจรสวรรค์ทั้ง 99 สายบรรลุถึงช่องพลังฉับไว! แปลงสภาพกลับกลายเป็นรังสีกระบี่อันร้ายกาจในชั่วพริบตา!!

 

รังสีกระบี่บ้างลอยตั้งบ้างลอยขวาง แต่ละเล่มเปล่งกลิ่นอายพลังร้ายกาจปานจะทำลายได้ทุกสิ่ง!

 

ต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้หยุดปฐมเวทย์กลืนกินที่ใช้ออกก่อนหน้าแต่อย่างไร ไป่ฟูฉางทั้ง 2 เดินทางมาถึงพอดี ทำให้เขายังคงสภาวะพลังดังกล่าวเอาไว้มาตลอดเวลา…

 

และด้วยอำนาจของชีพจรสวรรค์ 99 สายที่จะหนุนเสริมพลังเซียนอมตะที่แล่นผ่าน พลังของเขาตอนนี้ก็เสมือนกับได้รับการเสริมพลัง ด้วยปฐมเวทย์กลืนกินถึง 2 ทบ!

 

กล่าวได้ว่าระดับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่เขาใช้ออกตอนนี้เทียบได้กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตเซียนอมตะสวรรคจันทร์น้ำเงิน!

(ปฐมเวทย์กลืนกิน +2 ชีพจร +2 รวม = +4 เดิมอยู่ในเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดง เพิ่มมา 4 ระดับ จึงเหมือนอยู่ในระดับ 5 จึงเป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน)

 

และนี่เป็นแค่ระดับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเขาเท่านั้น!

 

หากใช้ทักษะอื่นๆ พลังอำนาจของมันย่อมทรงพลังขึ้นอีกหลายขีดขั้น!!

 

เห็นความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียน หน้าไป่ฟูฉางทั้ง 2 ก็จมลงทันใด ต่างรีบเร่งเร้าพลังทั้งใช้เวทย์พลังที่มีรวมถึงเรียกยอดสมบัติสวรรค์ประจำกายออกมาทันที

 

“ค่ายกลกระบี่!”

 

“13 กระบี่บงกชฟ้า!”

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ออมรั้งยั้งมืออันใด ใช้เคล็ดวิชาที่ทรงพลังที่สุดที่เขาแตกฉานหลังบรรลุถึงขอบเขตที่ 5 ของยอดใจกระบี่ออกมาทันที ขณะเดียวกันก็ผสานออกด้วยเวทย์พลังจู่โจมรุนแรงที่สุดเท่าที่มีอย่าง 13 กระบี่บงกชฟ้าเต็มกำลัง!!

 

เรียกว่า 13 กระบี่บงกชฟ้าที่ใช้ออกครานี้ ไม่อาจเอา 13 กระบี่บงกชฟ้าในตอนที่เขาใช้ใส่หวังเวยมาเทียบกันได้เลย!!

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

ค่ายกลกระบี่พุ่งนำไปโดยมีรังสีกระบี่ตามติดไปด้านหลังดั่งเงานับสิบๆสาย จากนั้นในห้วงเวลาดุจละอองไฟวาบดับ รังสีกระบี่ที่ไล่หลังก็ผสานรวมเข้ากับค่ายกลกระบี่เบื้องหน้า ทำให้ค่ายกลกระบี่ดังกล่าวเปล่งแสงสว่างจ้า แผ่กลิ่นอายพลังทำลายร้ายกาจราวกับจะระเบิดได้กระทั่งแดนดิน!!

 

เรียกว่านอกจากอุปกรณ์เทพไม่สมบูรณ์อย่างกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนแล้ว ต้วนหลิงเทียนได้ใช้ออกซึ่งทุกสิ่ง!

 

พลังอานุภาพของกระบวนท่าที่เขาปลดปล่อยออกไปครานี้ เทียบได้กับพลังทำลายของจินเซียนตะวันเขียวที่ไม่ได้ใช้ตัวช่วยอันใด และแทบจะทัดเทียมกับพลังของไป่ฟูฉางทั้ง 2 ที่ได้ใช้อาวุธและเวทย์พลังทั้งหลายออกมาแล้ว!

 

พวกมันทั้งคู่ก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดได้เท่านี้!

 

เผชิญหน้ากับค่ายกลกระบี่อันทรงพลังดุร้ายของต้วนหลิงเทียน สีหน้าท่าทีของไป่ฟูฉางทั้ง 2 เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดถึงขีดสุด!

 

เพราะพริบตานี้ตัววพวกมันเองก็ตระหนักได้ชัดเจน ว่าการลงมือของต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกมันยามลงมือเต็มกำลังแม้แต่นิดเดียว!

 

‘เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่…ไฉนทรงพลังได้ถึงขนาดนี้!?’

 

‘บัดซบ! ให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์จากระนาบเทวโลกที่ขึ้นสวรรค์มาจนกลายเป็นจินเซียน ยังไม่มีพลังระดับนี้เลยมิใช่หรือไร!?’

 

‘มารดามัน! ยอดสมบัติสวรค์ก็ยังไม่ได้ใช้ ไฉนถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้เล่า!?’

 

 

ไป่ฟูฉางทั้ง 2 ของกองทัพมังกรเงินตระหนักได้ทันทีว่าพวกมันเตะตอเหล็กเข้าให้แล้ว อย่างร็ตามแม้สีหน้าท่าทีจะเคร่งเครียดแต่พวกมันไม่ได้หวาดกลัวกระบวนท่าทำลายล้างเบื้องหน้า!

 

หากมีพวกมันแค่คนใดคนหนึ่ง บางทีคงทำได้แค่เสมอกับเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่อย่างชายหนุ่มชุดม่วงเท่านั้น…

 

อย่างไรก็ตาม พวกมันมี 2 คน!

 

ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!

 

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

ไป่ฟูฉางทั้ง 2 ของกองทัพมังกรเงิน หนึ่งใช้ดาบ หนึ่งใช้กระบี่ พวกมันแต่ละคนร่ายกระบวนท่าซัดยิงคลื่นดาบทั้งคลื่นกระบี่ออกมาเป็นพัลวัน กลิ่นอายพลังดาบทั้งกลิ่นอายพลังกระบี่อันแหลมคมดุร้ายกำจายออกไปในบรรยากาศ ทะยานเข่นฆ่าสังหารแหวกฟ้าไปฉับไว!

 

ต้องกล่าวเลยว่าความมั่นคงของพื้นที่มิติของระนาบเทวโลกนั้นเหนือกว่าระนาบโลกียะหลายขุม!

 

หากเป็นในระนาบโลกียะล่ะก็กระบวนท่าของไป่ฟูฉางทั้งคู่ที่ซัดออก ป่านนี้ความว่างเปล่าคงปริแตกก่อเกิดเป็นรอยแยกมิติยาวนับพันหมี่ แน่นอนว่าค่ายกลกระบี่ต้วนหลิงเทียนก็เช่นกัน!

 

อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้ความว่างเปล่าจะต้องเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารของทั้ง 3 พร้อมๆกัน แต่ก็ไม่แม้แต่จะสั่นไหวกระเพื่อมใดๆ!

 

ทุกอย่างสงบนิ่งนัก

 

มีเพียงเสียงหวีดหวิวของสายลมเท่านั้น…

 

อย่างไรก็ตามแม้ความว่างเปล่าจะสงบ ทว่าสือฟูฉางทั้ง 8 ของกองทัพมังกรเงินตอนนี้กลับหาความสงบไม่เจอ! กระทั่งลึกลงไปในแววตาของพวกมันยังเผยให้เห็นถึงความเหลือเชื่อทั้งตกตะลึง!!

 

กระบวนท่าจู่โจมของไป่ฟูฉางทั้ง 2 แห่งกองทัพมังกรเงินนั้น แน่นอนว่ายามทะยานข้ามฟ้าไปต้องฉับไวสุดที่พวกมันจะมองตามได้ทันเป็นธรรมดา…

 

แต่ไฉนกระบวนท่าจู่โจมของชายหนุ่มชุดม่วงนั่น อยู่ๆกลับอันตรธานหายไปเสียดื้อๆ ราวกับพวกมันมองไม่ทันเช่นนั้นเล่า?

 

เรื่องนี้ทำให้พวกมันตกใจจนไร้คำอธิบายใดๆ!