หอยาเซียน แค่ได้ยินชื่อก็พอจะทราบได้แล้วว่าสิ่งที่ร้านดังกล่าวขายล้วนเป็นยาเซียนและสมบัติประเภทยาเซียน

หลัวซิวก้าวเท้ายาวเข้าไป ใช้เงินเป็นเบี้ย ผ่านไปไม่นานนัก ก็ใช้จ่ายแก้วเทวไปสามล้านกว่าชิ้นแล้ว ซื้อยาเซียนมาได้เป็นจำนวนมาก

มูลค่าของยาเซียนระดับ 1 ไม่ถือว่าสูงมากนัก อยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพันแก้วเทว และหลัวซิวกลับไม่มีความคิดที่จะซื้อยาเซียนระดับ 2 ขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ ซื้อเพียงยาเซียนระดับ 1 แทบจะซื้อยาเซียนระดับ 1 ทั้งหมดของหอยาเซียนไปในทีเดียว!

ถัดจากนั้นหลัวซิวก็มุ่งไปยังร้านต่อไป ทำการซื้อยาเซียนระดับ 1 เช่นกัน

ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งชั่วโมง หลัวซิวก็เข้าไปในร้านค้าเล็ก ๆ ใหญ่ ๆ ไปครบสิบกว่าร้านแล้ว ใช้แก้วเทวที่มีติดตัวไปเจ็ดล้านกว่าชิ้น

ชายหนุ่มที่มีผลการฝึกตนอยู่เพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่กลับซื้อยาเซียนระดับ 1 อย่างสุรุ่ยสุร่ายไปมากเช่นนี้ ใช้เงินเป็นเบี้ย จึงถูกคนจำนวนไม่น้อยจับตาดูในทันที

“ศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินหรือ?”

คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันสืบสาว ก่อนจะทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิว

ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่หลัวซิวมาถึงโลกเสวียนเทียนจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ทว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาชื่อเสียงของเขากลับไม่โด่งดัง อีกทั้งผลการฝึกตนก็ต่ำ นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เขาจะใช้จ่ายแก้วเทวไปหลายล้านชิ้นเพื่อซื้อยาเซียนในเมืองแก้วเทว จึงถูกกองกำลังต่าง ๆ คอยสอดแนมอย่างลับ ๆ ในทันที

ผลการฝึกตนของเขาอยู่เพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 ยังอยู่ห่างไกลจากแดนเทพมารไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่ดันมีทรัพย์สินที่เยอะจนน่าทึ่ง จึงถูกคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นขนมหวานชิ้นหนึ่ง ทำให้คนเหล่านั้นมีจิตที่ละโมบโลภมาก

แต่ทว่าภายในเมืองแก้วเทวห้ามมิให้เกิดการต่อสู้ทั้งปวง มีเจ้านภาตงฟางคอยปกปักรักษาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จึงไม่มีใครกล้าทำตัวอุกอาจที่นี่

“หลัวซิว เจ้าถูกผู้อื่นหมายตาไว้แล้ว”ช่าจื่อเยียนพูดกดเสียงต่ำ

แม้ผลการฝึกตนของนางจะลดลง แต่ประสบการณ์และโลกทรรศยังคงอยู่ สัมผัสได้ถึงแววตาประสงค์ร้ายของคนจำนวนไม่น้อยแล้ว

“ไม่เป็นไรขอรับ หากคนเหล่านี้คิดจะปล้นข้า มีเพียงพวกเขาต่างหากที่ต้องส่งแก้วเทวมาให้ข้า”หลัวซิวไม่เก็บเอามาใส่ใจพลางตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง

ช่าจื่อเยียนเห็นว่าเขาพูดจาโอหังมาก จึงรู้สึกเอือมอย่างอดไม่ได้ ในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากเตือนอยู่นั้น กลับเห็นเงาดำร่างหนึ่งก้าวเท้ายาวตรงเข้ามา ยืนขวางอยู่ตรงหน้านางและหลัวซิว

คนดังกล่าวคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง สูงกว่าหลัวซิวถึงสามหัว ราวกับยักษ์ขนาดเล็กยังไงอย่างนั้น มองลงมาจากที่สูงด้วยสายตาที่เย้ยหยัน

“เจ้าหนู กล้าไปประลองกับข้าที่แท่นประลองหรือไม่?”ชายรูปร่างสูงใหญ่พูดด้วยเสียงที่ก้องกังวาน

“แท่นประลอง?”หลัวซิวทำหน้างง

“เมืองแก้วเทวมีแท่นประลองแห่งหนึ่ง และถูกเรียกว่าสถานประลองยุทธ์เช่นกัน เป็นทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายใต้นามเจ้านภาตงฟาง ในทุก ๆ วันจะมีนักยุทธ์ขึ้นไปต่อสู้เข่นฆ่ากันบนสถานประลองยุทธ์ นักยุทธ์คนอื่น ๆ สามารถวางเงินพนันได้ มีทั้งคนที่ชนะจนร่ำรวยมั่งคั่งและคนที่แพ้จนสิ้นเนื้อประดาตัว”

“คนดังกล่าวท้ายทายเจ้า เกรงว่ามันคงอยากใช้โอกาสนี้เก็งกำไรจากทรัพย์สินเจ้า”

ผลการฝึกตนของชายรูปร่างใหญ่คนนี้คือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 เมื่อมองในมุมเมืองแก้วเทวถือว่าธรรมดามาก ๆ เขาคิดเองเออเองว่าผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 เพียงพอที่จะกดอัดหลัวซิวที่อยู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 ได้อย่างสบาย ๆ แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าพวกคนที่อยู่ระดับเท่าเขา ไม่มีสิทธิ์ให้หลัวซิวมองเป็นคู่ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ

“ไม่มีอารมณ์”หลัวซิวปัดมือปฏิเสธ ก่อนจะย่างเท้าเดินตรงไปข้างหน้า

“นั่นคือกากแดนสำนักเทียนช่าหรือ?”

และในตอนนี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงอันเยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้น หลัวซิวสัมผัสได้ถึงแววตาที่เฉียบคมและดุดันจับจ้องไปทางเสี่ยวเจียงหมิงที่อยู่ข้างกายเขา

หลัวซิวขมวดคิ้วลง เดินขึ้นมาบังอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเจียงหมิง มองไปทางต้นตอของเสียง ก่อนจะมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาหล่อเหลางดงามอย่างมากยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไม่ไกล ข้างกายเขายังมีนักยุทธ์วัยรุ่นคอยติดตามอยู่ไม่น้อย