หลินสวินเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าการเผ่นหนีครั้งนี้จะไม่ถูกบุตรนรกไล่ตามมา แต่ดันตกอยู่ในเงื้อมมือกู่ฝอจื่อแทน
คิดถึงตรงนี้ในใจหลินสวินก็มีความเคียดแค้นทะลักขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!
ตั้งแต่สิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์เรื่อยมาจนถึงกู่ฝอจื่อ ไม่มีใครไม่เห็นตนเป็นคนนอกรีต พยายามทุกวิถีทางเพื่อเล่นงานและโจมตีตน นี่มันข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้วชัดๆ
หลินสวินไม่ใช่อริยะที่ไร้ความรู้สึกทางโลก ถูกคนปฏิบัติเช่นนี้ไม่หยุดหย่อน จะไม่ให้โกรธไม่ให้เกลียดได้อย่างไร
‘บัญชีนี้ ต้องชำระด้วยเลือด!’
หลินสวินลอบกัดฟันกรอดกับตัวเอง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้ข่มความแค้นนี้เอาไว้ สงบสติอารมณ์ลง
ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเสี่ยงอันตรายไร้ใดเปรียบ บริเวณข้อเท้าถูกฝ่ามือใหญ่สีขาวซีดกุมเอาไว้ สลัดออกไม่ได้สักนิด
ยิ่งกว่านั้นพร้อมๆ กับที่ร่างกายจมลงในแม่น้ำสีโลหิตขุ่น หลินสวินรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามีเจตจำนงอันเยียบเย็นและเกรี้ยวกราดสายหนึ่งพัดกระหน่ำกังขังตนไว้จากสี่ทิศแปดทาง
อันตรายถึงตายไหลท่วมท้นหัวใจหลินสวิน รู้สึกบีบคั้นจนแทบหายใจไม่ออก ร่างกายแข็งทื่อ
นับตั้งแต่เหยียบย่างบนระดับมกุฎราชันเรื่อยมา เขายังไม่เคยพบเจอเรื่องราวที่อันตรายและอัปมงคลเช่นนี้มาก่อน!
แม่น้ำนรก ทำให้ผู้คนไม่กล้าก้าวล่วงแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ยามนี้ตนกลับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งถ่วงเอาไว้ จมดิ่งลงไปนั้น!
เขาเคยลองแล้ว ใช้ความคมกริบของดาบหักยังไม่สามารถสั่นคลอนฝ่ามือใหญ่ขาวซีดนั่นได้
สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ ก่อนหน้านี้ที่เขาต่อสู้กับบุตรนรก ได้ใช้กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้และวสันต์สารทชั่วพริบตา แม้จะกำราบบุตรนรกได้ แต่กลับสิ้นเปลืองพลังกายไปกว่าครึ่ง
แต่จากนั้นก็ดันถูกกู่ฝอจื่อซุ่มโจมตี ตอนนี้ตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
ยุ่งแล้ว!
หลินสวินขมวดคิ้ว ไม่อาจสนใจอย่างอื่น คว้าโอสถราชันขึ้นมาหลายต้นแล้วยัดใส่ปาก กลั่นหลอมพลังทั้งหมด ใช้วิธีนี้รักษาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
ตูม!
แรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ เบื้องล่างแม่น้ำนรกนี้ขุ่นมัวไร้ใดเปรียบ พอจะเห็นได้รางๆ ว่ามีซากศพโครงกระดูกร่างแล้วร่างเล่าลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในนั้น
และพร้อมกันนั้นก็มีกลิ่นอายเยียบเย็นและดุกร้าวต่างๆ นานาแผ่ครอบลงมา
สิ่งนี้สร้างแรงกดดันรุนแรงให้กับร่างกายและหัวใจของหลินสวิน ทั้งตัวราวกับตกอยู่ในสภาพใกล้จมน้ำตาย แม้แต่จะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นยังยากเย็นอย่างเห็นได้ชัด
จนกระทั่งต่อมาก็มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เลือดเจิ่งนองทั้งแถบ
ความหนาวเย็น กดดัน แปลกพิศวง อัปมงคล… กลิ่นอายต่างๆ นานาผสมผสานกันพาให้จิตรับรู้ของหลินสวินได้รับการโจมตีอย่างใหญ่หลวง เปลี่ยนเป็นคลุมเครือ
ในช่วงเลือนรางราวกับมีเสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นเป็นระลอก และเหมือนกับมีเสียงโหยหวนของวิญญาณอาฆาตดังก้องอยู่
มีเสียงทอดถอนใจด้วยความโศกเศร้าของอริยะ
มีเสียงร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งเกรี้ยวกราดของเทพมาร
…หลินสวินรู้สึกแค่ว่าสมองสับสนอลหม่าน วิงเวียนและคลุมเครือ ถึงขั้นที่ผุดเศษเสี้ยวภาพแปลกประหลาดบางส่วนขึ้นมาเป็นครั้งคราว
มีภูเขาศพทะเลเลือด มีฝนเลือดสาดพรม มีเงาร่างของเทพ มาร ผี อริยะ ปีศาจ… ร้อยแปดพันเก้ากำลังร้องคำรามลั่นเข้าโรมรันกัน
ต่อมาทุกอย่างล้วนเปลี่ยนเป็นบางเบาและห่างหาย
ภาพที่สับสนภาพแล้วภาพเล่าค่อยๆ กลายเป็นความมืดมิดอันไร้สิ้นสุด
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ทันใดนั้น…
แสงโคมลายพร้อยสีเหลืองนวลสายหนึ่งปรากฏขึ้น ส่องสว่างความมืด พาให้สติที่จมจ่อมของหลินสวินค่อยๆ รวมกลับมาทีละน้อย
หลังจากนั้นพลันสั่นสะเทือนรุนแรง กลับคืนสู่การรู้ตื่นอีกครา
โคมน้ำมันโคมหนึ่งตั้งอยู่บนพื้นด้านข้างตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แผ่เงาโคมสีเหลืองนวลแถบหนึ่งออกไปครอบคลุมบริเวณที่หลินสวินอยู่
เงาโคมมีขนาดเล็กยิ่ง คล้ายร่มสีเหลืองนวลคันหนึ่ง ได้แค่แผ่ครอบพื้นที่แค่คืบรอบตัวหลินสวินเท่านั้น ถัดออกไปอีกก็มีแต่แม่น้ำอันเวิ้งว้าง
แม่น้ำนี้มืดสนิทราวกับหมึก!
โคมไร้มลทิน!
สติของหลินสวินค่อยๆ กลับมาแจ่มใส จำสมบัติที่ฝีพายโครงกระดูกมอบให้ได และตระหนักได้ว่าตนถูกโคมนี้ช่วยชีวิตเอาไว้
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ หยั่งรู้อย่างถี่ถ้วน
ภายในพื้นที่คับแคบที่เงาโคมสีเหลืองนวลปกคลุมไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด ให้ความรู้สึกราบเรียบมั่นคง และพาให้จิตใจผู้คนสงบ
แต่เมื่อจิตรับรู้พุ่งออกนอกเงาโคม พริบตานั้นกลิ่นอายเย็นเยียบรุนแรงอันน่าสะพรึงก็พุ่งกระหน่ำเข้ามาราวกับภูเขาถล่มคลื่นยักษ์ซัดสาด!
ในกระแสน้ำที่เหมือนความมืดมิดนั้น กำลังยื้อยุดและกลืนกินผู้คนประหนึ่งภูตผีปีศาจที่จำศีลอยู่นับไม่ถ้วน!
หลินสวินเรียกจิตรับรู้กลับมา ข้างหูราวกับมีเสียงโหยหวนเยียบเย็นกราดเกรี้ยวดังก้อง ทำให้หัวใจของเขายิ่งหวาดหวั่น สีหน้าชักเริ่มไม่น่าดูขึ้นมา
นี่คือก้นแม่น้ำนรกอย่างไม่ต้องสงสัย!
เพียงแต่ว่าแม่น้ำสีโลหิตข้นนั้น ได้กลายเป็นสีดำสนิทที่พาให้ผู้คนหดหู่เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งหากไม่มีโคมไร้มลทิน ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจคาดคิดแน่นอน!
หลินสวินสูดหายใจลึก ครุ่นคิดเงียบๆ อยู่นาน ก่อนสลัดความคิดฟุ้งซ่านและเริ่มนั่งสมาธิ
บริเวณรอบๆ เงียบสนิท แม้แต่เสียงน้ำไหลล้วนไม่ได้ยิน ความมืดมิดแผ่คลุมทุกหนแห่ง พาให้ผู้คนรู้สึกหายใจลำบาก
ทว่าหลินสวินไม่รู้สึกต่อสิ่งนี้ด้วยซ้ำ
หนึ่งวันผ่านไป
อาการบาดเจ็บทั่วร่างฟื้นคืน หลินสวินกลับสู่สภาวะสูงสุดตามเดิมอีกครั้ง รู้สึกเพียงว่าหูตากระจ่างใส สติโปร่งโล่งแจ่มชัด มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอด
เขาทอดสายตามองไปทางโคมไร้มลทินที่อยู่ข้างๆ
ไส้โคมของมันคล้ายเมล็ดถั่ว เงาแสงสีเหลืองนวลส่ายพลิ้วออกมาให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ผู้คน
ตัวโคมเป็นสีคร่ำคร่าเทาหม่นๆ คล้ายเหล็กกล้าที่ผ่านการตีหลอมมาชั่วนาตาปี กลิ่นอายผ่านกาลเวลาอันเนิ่นนานลอยปะทะใส่หน้า
ในตอนนั้น ฝีพายโครงกระดูกแขวนสิ่งนี้ไว้บนเรือเล็กสีดำเพื่อข้ามแม่น้ำนรก
หลินสวินยื่นมือไปจับโคมนี้เอาไว้ หมายจะหยิบยืมพลังแห่งโคมนี้ออกไปจากแม่น้ำนรก
เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไร โคมนี้ก็ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดราวกับงอกรากยึดพื้นดินเอาไว้!
หืม?
นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด สังเกตโดยละเอียด
ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผล โคมนี้ถึงแม้จะทอดเงาโคมออกไปเพื่อปกป้องตนจากพลังประหลาดในความมืดมิด
แต่ขณะเดียวกัน มันเองก็ต้องรับแรงกดดันของพลังประหลาดนั้นด้วยเช่นกัน!
สีหน้าหลินสวินเปลี่ยนเป็นวูบไหวไม่นิ่ง ตระหนักได้ถึงปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหากอยากหลุดพ้นพันธนาการ จำเป็นต้องขับไล่พลังประหลาดในแม่น้ำนรกอันมืดมิดนี่ให้ได้ก่อน!
เพียงแต่ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้ถึงขั้นนั้น
ทำอย่างไรดี
หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด
เขาไม่ใช่คนที่จะนั่งรอความตายมาแต่ไหนแต่ไรมา ต่อให้มีความหวังเพียงเศษเสี้ยวก็จะไม่ยอมแพ้
นกทมิฬเคยบอกว่าหากไม่ใช่กระทะดำใบนั้นในมือมัน ต่อให้เป็นอริยะก็ไม่อาจควบคุมพลังประหลาดในแม่น้ำนรกแห่งนี้ได้!
และยามนี้หลินสวินก็อยู่ก้นแม่น้ำนรก และความแข็งแกร่งของเขาก็ยังห่างไกลจากอริยะหลายขุม หากคิดจะสลัดออกจากพันธนาการ แทบไม่มีความหวังเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
แต่ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ
สามวันให้หลัง
ในใจหลินสวินผุดความคิดบ้าบิ่นอย่างหนึ่งขึ้น หากชักนำให้อสนีอมตะเคราะห์ผ่าลงมา จะสามารถเปิดทางรอดได้หรือไม่
อสนีเคราะห์ วิวัฒน์มาจากเจตจำนงฟ้า กร้าวแกร่งและเผด็จการถึงขีดสุด พิฆาตบุคคลร้ายกาจแห่งฟ้าดิน มีอานุภาพล้างผลาญจักรวาล!
ใต้แม่น้ำนรกโครงกระดูกขาวซากศพกองสะสมหนา เสี้ยวเจตจำนงและแรงอาฆาตที่มีมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจมดิ่งลงที่นี่ ถึงได้พิศวงแปลกประหลาดและอัปมงคลอย่างเห็นได้ชัด
หากสามารถข้ามด่านเคราะห์ครั้งนี้และเปิดทางรอดชีวิตได้ ย่อมเป็นทางเลือกที่ไม่เลวอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงก็สูงอย่างที่สุดด้วย
หลินสวินไม่กล้ารับรองว่าตอนข้ามด่านเคราะห์ จะถูกรบกวนและซุ่มโจมตีจากเสี้ยวเจตจำนงประหลาดเหล่านั้นหรือไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดเดียวก็จะเป็นจุดจบที่เรียกกลับคืนไม่ได้แล้ว!
แต่คิดไปคิดมา นี่ก็เป็นวิธีหนีรอดเพียงอย่างเดียวที่หลินสวินคิดออกแล้ว
‘ช่างเถอะ ตอนนี้ระยะห่างในการชักนำด่านอมตะเคราะห์ขั้นหนึ่งของข้าก็ยังเหลืออีกช่วงหนึ่ง ก่อนหน้านั้นคงได้แต่… ปิดด่านที่นี่แล้ว!’
ใช่ ปิดด่าน!
ถูกขังอยู่ที่นี่ ประหนึ่งจำศีลไปพักหนึ่ง หลินสวินไม่คิดว่าชั่วชีวิตนี้ตนจะถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดจนตายหรอก!
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็สงบลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว เริ่มวิเคราะห์อย่างเงียบๆ
การเข้าสู่เขตต้องห้ามแม่น้ำนรกในครั้งนี้เขาได้รับวาสนาไม่น้อย อย่างเช่นเพลิงมรรคอัศจรรย์ กระบวนท่ากระบี่ที่อู๋ยางทิ้งไว้ ไผ่ม่วงเสียงอสนีเกือบร้อยต้น เคล็ดมหาเวทบริกรรม…
หากไม่เอ่ยถึงของพวกนี้ ลำพังแค่โอสถเทพและโอสถราชันที่เขาพกติดตัว ก็เพียงพอจะค้ำจุนให้เขาปิดด่านอยู่ที่นี่เป็นเวลานานได้!
วู้ม
หลินสวินไม่รีรอ เรียกเพลิงมรรคอัศจรรย์ออกมาแปลงเป็นเตาหลอมใบหนึ่ง ส่งกลิ่นอายมหัศจรรย์ประหนึ่งนิรันดร์กาลไม่ดับสลายออกมา
ชิ้ง!
ดาบหักโฉบออกไป ชั่วอึดใจก็พุ่งเข้าสู่เตาหลอม เริ่มถูกหล่อหลอมและฟูมฟัก
หลินสวินโบกแขนเสื้อหนึ่งครา เจตวัตถุกองหนึ่งร่วงออกมา เปล่งแสงสมบัติพร่างพราวพร่าตา
เจตวัตถุเหล่านี้ต่างเป็นของที่เขาสั่งสมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยามนี้เขาตั้งใจจะใช้เจตวัตถุเหล่านี้มาหลอมดาบหัก
หลินสวินสีหน้าเยือกเย็น แบ่งจิตรับรู้เสี้ยวหนึ่งออกมาควบคุมเพลิงมรรคอัศจรรย์ และใส่เจตวัตถุชนิดแล้วชนิดเล่าลงไปในเพลิงมรรคเป็นระยะ
สำหรับการหลอมอาวุธ หลินสวินในฐานะปฐมาจารย์สลักวิญญาณย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี
แม้จะบอกว่าการฟูมฟักยอดศาสตรามรรคราชันไม่เหมือนกับการหลอมอาวุธ แต่ต่างหนทางเป้าหมายเดียวกัน อีกทั้งมีแรงเสริมจากเพลิงมรรคอัศจรรย์ ก็สามารถช่วยให้เขาหลอมดาบหักได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ต้นกำเนิดของดาบหักลึกลับอย่างยิ่ง ตัวมันเองมีมรดกวิชาเร้นลับน่าอัศจรรย์ แต่ว่ากันถึงแก่นแล้ว มันคือสิ่งที่เสียหายไม่สมบูรณ์!
หลินสวินใคร่ครวญมาก่อนหน้านี้นานมากแล้วว่าจะหลอมยอดศาสตรามรรคราชันใหม่ชิ้นหนึ่ง หรือจะเปลี่ยนดาบหักและฟูมฟักออกมาเป็นยอดศาสตรามรรคาราชันของตนดี
และยามนี้ เขาได้ตัดสินใจแล้ว
เขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ดาบหักสำแดงอานุภาพไม่อาจหยั่งถึงเรื่อยมา อีกทั้งมรดกวิชาอักษร ‘ปฐม’ และมรดกวิชาอักษร ‘ยอด’ ล้วนจำเป็นต้องใช้ดาบหักจึงจะสามารถสำแดงออกมาได้
หากเลือกอาวุธใหม่เป็นยอดศาสตรามรรคราชัน นั่นไม่ต่างกับการทำให้ดาบหักหม่นราศี เป็นการทำลายของล้ำค่า!
เพลิงมรรคอัศจรรย์เปล่งแสง ประหนึ่งเตาหลอมที่หลอมเจตวัตถุไม่หยุด ดาบหักลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในนั้น ถูกหลอมและฟูมฟักไม่หยุดหย่อน
เมื่อใช้จิตรับรู้ส่วนหนึ่งควบคุมและคอยจับจ้องทุกสิ่งนี้ หลินสวินจึงไม่ได้สนใจมันอีก สงบจิตใจจมสู่การฝึกปราณของตน
ตอนนี้การฝึกปราณของเขาบรรลุถึงขั้นปลายระดับราชันแล้ว ห่างจากขั้นสมบูรณ์อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือฝึกปราณบรรลุขั้นสูงสุด เลื่อนขั้นทะลวงขึ้นไป มีเพียงแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถชักนำอมตะเคราะห์ขั้นแรกได้!
แต่ว่าก่อนจะฝึกปราณ หลินสวินตัดสินใจฝึกฝน ‘เคล็ดมหาเวทบริกรรม’ ก่อน!
หากสามารถแบ่งพลังจิตเป็นสามส่วนได้ แต่ละส่วนคอยควบคุมความอัศจรรย์แห่ง ‘อดีต’ ‘ปัจจุบัน’ และ ‘อนาคต’ สำหรับการฝึกปราณของตนสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์เป็นทบทวีได้เลยทีเดียว
อย่างเช่นตอนฝึกปราณ พลังจิตส่วนหนึ่งสามารถหยั่งรู้วิถียุทธ์ อีกส่วนหนึ่งเคี่ยวกรำพลังปราณ และอีกส่วนสามารถนำมาใช้หยั่งรู้พลังมหามรรคได้!
ท่ามกลางความมืด แสงโคมสีเหลืองนวลส่ายไหว หลินสวินจมสู่การหยั่งรู้ ไม่รับรู้ถึงวันเวลาที่ผันผ่าน…
……
เทพมารหลินตายแล้ว!
ข่าวนี้ประหนึ่งพายุคลั่ง ในเวลาเพียงไม่กี่วันสั้นๆ ก็หอบม้วนทั่วแดนอัคคีทักษิณ นำมาซึ่งความฮือฮาไม่รู้เท่าไร
คนมากมายไม่กล้าเชื่อ แต่พร้อมๆ กับการกลับมาของผู้แข็งแกร่งที่มุ่งหน้าไปแสวงหาวาสนาในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก ข่าวนี้ก็ได้รับการพิสูจน์เพิ่มขึ้นมาอีกขั้น!
เทพมารหลินตายแล้ว ตายระหว่างการไล่ล่าสังหารของบุตรนรก ถูกกู่ฝอจื่อจากอารามกษิติครรภ์ซุ่มโจมตี ร่างจมลงก้นแม่น้ำนรก!
ชั่วขณะเดียวผู้คนไม่รู้มากน้อยเท่าไรต่างพากันทอดถอนใจ
เทพมารหลินก็เหมือนกับตำนานอัศจรรย์ บนตัวเกิดเรื่องปาฏิหาริย์ขึ้นมากมาย นับตั้งแต่ปรากฏตัวมายังไม่เคยพ่ายแพ้อย่างแท้จริงเลย
แต่บุคคลชั้นยอดที่เหมือนเป็นปีศาจเช่นนี้ กลับต้องมาดับอนาถอยู่ใต้แม่น้ำนรก จะไม่ให้ผู้คนทอดถอนใจได้อย่างไร
——