ตอนที่ 1844 มีปัญหาอะไรให้มาที่ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันนำจักรพรรดินีเข้าสู่หอคอยทมิฬเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากเขาไม่กล้าเสี่ยง ต่อหน้าตัวตนAnchorระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ต่อให้เขากระตุ้นพลังของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ การป้องกันก็คงถูกทำลายได้ในพริบตา

ว่าแต่คราวนี้ใครยื่นมือเข้ามาช่วยอีกนะ?

ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน อย่างที่รู้กันว่าตัวเขานั้นไม่มีภูมิหลังใดๆอยู่ในดินแดงแห่งเซียนเลย

Anchor

ซุนเจิ้นและจื่อเหอจี๋ตกตะลึง อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ถูกควบแน่นโจมตีมาหยุดยั้งพวกเขานั้น ทรงพลังเป็นอย่างมาก!

“สหายโปรดแสดงตัว!” ซุนเจิ้นมองไปยังระยะที่ห่างไกล

Anchor

มังกรอินทรีกระพือปีกและเหาะเหินเข้ามาใกล้ ปีกของมันที่อ้าออกนั้นมีความยาวถึงสิบฟุต บนแผ่นหลังของมังกรอินทรีมีสตรีสวมชุดเกราะทองผู้นี้นั่งอยู่ ผมของนางสยายอย่างงดงามราวกับปุยเมฆ แถมรอบกายยังปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่ายำเกรงออกมา

ด้านหลังของนาง มีกลุ่มมังกรอินทรีบินตามมาติดๆ โดยที่แผ่นหลังของพวกมันเองก็มีสตรีชุดเกราะนั่งอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าเกราะของพวกนางนั้นเป็นสีเงิน

“พวกเจ้าจงไสหัวไป!” สตรีชุดเกราะทองเค้นเสียงกล่าว

“สหาย อย่าได้ล้ำเส้นเกินไป!” จื่อเหอจี๋ไม่สบอารมณ์ คิดว่าเขาเป็นใครกัน? เขาคือปรมาจารย์จากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้พูดจาเช่นนี้กับข้า?

สตรีชุดเกราะทองกำแส้ในมือพร้อมกับชำเลืองมองไปยังจื่อเหอจี๋ ราวกับกำลังตักเตือนว่า หากยังต่อต้านอยู่อีกนางจะลงมือทันที

จื่อเหอจี๋สั่นสะท้านด้วยความโกรธ “ดีๆ ดูเหมือนว่าข้าคงต้องสั่งสอนเจ้…”

พรึบ!

ยังไม่ทันที่จื่อเหอจี๋จะพูดจบ สตรีชุดเกราะทองก็สะบัดแส้ในมือ อำนาจที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวแส้นั้น รุนแรงราวกับจะทำให้สวรรค์และปฐพีล่มสลาย และสั่นสะท้านไปทั่วเก้าสวรรค์ชั้นเก้า

จื่อเหอจี๋ตกตะลึงและรีบผลักฝ่ามือตอบโต้ ‘ตูม’ ร่างของเขาถูกทำผลักถอยหลังไปหลายร้อยเมตร โดยที่ฝ่ามือยังคงยื่นค้างไว้ด้านหน้า แขนเสื้อของเขาขาดกระจุยและมีบาดแผลปรากฏให้เห็น

ปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะได้รับบาดเจ็บในหนึ่งกระบวนท่า

ซุนเจิ้นเองตกตะลึงเป็นอย่างมาก ต้องรู้ก่อนว่าทั้งเขาและจื่อเหอจี๋นั้นเป็นนิรันดร์ระดับห้ารากฐานเหมือนกัน ยิ่งพวกเขามาจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ด้วยแล้ว มีรึที่พลังต่อสู้ของพวกเขาจะธรรมดาสามัญ?

แต่ทว่าเพียงแต่การโจมตีครั้งเดียว ก็สามารถสร้างบาดแผลให้กับซุนเจิ้นได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความแตกต่างของพลัง ระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นมีมากมายเพียงใด

“เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” ซุนเจิ้นเอ่ยถาม

สตรีชุดเกราะทองชี้ไปยังหลิงฮันและกล่าว “ข้ามารับตัวบุรุษผู้นั้น ใครขัดขวางจะต้องตาย!”

ช่างโอหังนัก!

หัวใจของฟู่เยี่ยนเต้นแรง ทั้งๆทั้งสองฝ่ายมาจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดณ์เหมือนกันแท้ๆ แต่เหตุใดปรมาจารย์ของAnchorตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้นกัน? ในหมู่ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ มีความต่างชั้นของพลังที่มากมายขนาดนี้ด้วยงั้นรึ?

หรือในความเป็นจริงเขาจะคิดผิด และควรจะยืนกรานปกป้องหลิงฮันจนถึงที่สุดดี?

หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้จักสตรีชุดเกราะทองผู้นี้เลยแท้ๆ แต่เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้มารับตัวเขา แถมยังยอมที่จะล่วงเกินขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ทั้งสองอีก?

“สหาย รุ่นเยาว์ผู้นี้สังหารผู้สืบทอดของตระกูลจื่อเหอของข้า กับผู้สืบทอดของตำหนักเมฆาอัสนี เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถนำตัวเขาไปได้ตามใจชอบงั้นรึ?” จื่อเหอจี๋กล่าว เขารู้ว่าสตรีชุดเกราะทองผู้นี้มีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าเขา แต่พวกเขาก็ยังมีเรือรบระดับสี่อยู่ มีรึที่ระดับขอบเขตตำหนักอมตะจะสามารถต้านทานไหว?

สตรีชุดเกราะทองมองไปยังจื่อเหอจี๋ด้วยจิตสังหารอันเดือดดาล แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้ “หากมีปัญหาอันใดก็มาที่ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ก็จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง!”

“เพราะงั้นตอนนี้ พวกเจ้ารีบไสหัวไปได้แล้ว!”

ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์!

สมองของหลิงฮันสั่นไหว เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยื่นมือมาช่วยเขา ที่แท้พวกนางก็มาจากตำหนักมัจฉาวายุภักษ์นั่นเอง!

“แล้วฮูหนิวล่ะ นางอยู่ที่นี่รึเปล่า?” หลิงฮันรีบเอ่ยถาม

สตรีชุดเกราะทองสะบัดแส้อย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ประมุขหญิงน้อยมีชื่อว่าเทียนหยิน!”

หลิงฮันหัวเราะ “ฮูหนิวไม่ได้มารึ?”

จมูกของสตรีชุดเกราะทองแทบบิดเบี้ยว นี่สมองของเจ้ามีปัญหารึเปล่า? ข้าบอกไปแล้วว่าประมุขหญิงน้อยมีชื่อว่าเทียนหยุน เจ้าก็ยังจะเรียกนางว่าฮูหนิวอยู่อีก

“ประมุขหญิงน้อยจำเป็นต้องบ่มเพาะพลัง นางจึงไม่ได้มาด้วย” นางกล่าวโดยพยายามระงับความไม่สบอารมณ์เอาไว้

จื่อเหอจี๋และซุนเจิ้นสับสน ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์คือขุมอำนาจใดกัน?

ดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก แถมยังมีเขตมหาสมุนไร้พรมแดนกั้นเอาไว้อีก ต่อให้อยู่ในแผ่นดินผืนเดียวกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่ขุมอำนาจทั้งหมดจะรู้จักกัน

“ต่อให้เจ้ามาจากตำหนักมัจฉาวายุภักษ์แล้วมันอย่างไร?” จื่อเหอจี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ คิดรึว่าเขาจะยอมให้ผู้สืบทอดของตระกูลจื่อเหอจะตายสูญเปล่า?

“รนหาที่ตาย!” สตรีชุดเกราะทองเค้นเสียงเย็นชา ‘พรึบ’ และสะบัดแส้ออกไป

ครั้งนี้จื่อเหอจี๋เตรียมตัวรับมือเอาไว้แล้ว เขารีบโคจรทักษะระดับราชานิรันดร์เพื่อปลดปล่อยอำนาจอันไร้ที่สุดสิ้น ที่เหนือศีรษะของเขามีห้วงดาราปรากฏออกมาและแปรเปลี่ยนกลายเป็นพยัคฆ์ขาว พยัคฆ์ขาวตนนี้อ้าปากกว้างและพ่นเล่มดาบสีทองเข้าใส่สตรีชุดเกราะทอง

‘ครืนนน’ เพียงแต่ว่าอำนาจของแส้ในครั้งนี้นั้น ทรงพลังยิ่งกว่าครั้งที่แล้วหลายร้อยเท่า จื่อเหอจี๋ตกตะลึงสุดขีดแต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกทัน แส้ที่ฟาดลงมาได้ผ่าร่างของเขาออกเป็นสองส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้าแยก

เขาคิดจะโคจรทักษะนิรันดร์เพื่อผสานร่างกลับ แต่พลังทำลายล้างของแส้ก็ระเบิดออกมา ‘ตูมม’ ร่างสองส่วนของเขาถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อนับล้านชิ้นในพริบตา

นิรันดร์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะห้ารากฐานที่ทรงพลัง ถูกสังหารภายในหนึ่งกระบวนท่า

ฮึ่มม!

ทุกคนตกตะลึงและกลายเป็นไร้คำพูด พวกเขารู้สึกหวาดเสียวที่แผ่นหลัง พร้อมกับหยาดเหงื่อได้ไหลท่วมหน้าผาก

ซุนเจิ้นเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ขาของเขาสั่นไหวอ่อนแรง เพราะกลัวว่าตนเองจะกลายไปเป็นเหมือนกับจื่อเหอจี๋

ในขณะเดียวกัน ทางด้านของฟู่เยี่ยนนั้น ปากของเขาอ้าค้างเปิดกว้างและพูดอะไรไม่ออก

ก่อนหน้านี้ที่สตรีชุดเกราะทองผกล่าวว่าจะสังหารหานลั่ว และก็ลงมือสังหารโดยไม่คิดอะไรนั้น เขายังพอรับได้เพราะไม่ว่าอย่างไร ตระกูลหานก็เป็นเพียงขุมอำนาจระดับสามดาว แต่จื่อเหอจี๋นั้นไม่เหมือนกัน อีกฝ่ายเป็นถึงคนของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ แต่เจ้าก็ยังสังหารเขาไปโดยไม่คิดอะไรงั้นรึ?

ไม่รู้ว่านางกล้าหาญบ้าบิ่น หรือมั่นใจในพลังของตนเองกันแน่

ในหมู่ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์มีสถานะแบบใดกันแน่?

สตรีชุดเกราะทองมองไปยังซุนเจิ้นอย่างเย็นชา สายตาอันหยิ่งทะนงของนางกำลังกล่าวเตือนว่า หากเจ้ากล้าพล่ามอะไรอีกครั้ง ข้าจะสังหารเจ้าด้วย

ซุนเจิ้นหุบปากเงียบแต่โดยดี เนื่องจากเขายังไม่อยากตาย

เพียงแต่เขาก็ตัดสินใจเอาไว้ในใจแล้วว่า เมื่อใดที่เขากลับขึ้นไปยังเรือรบ เขาจะใช้ปืนใหญ่ของเรือกระหน่ำยิงสังหารสตรีผู้นี้ให้ตายให้ได้

ผู้คนโดยรอบไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว สตรีชุดเกราะทองผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง

Anchor

หลินฟาง เถิงเซินและเหวยเหนียนใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ไม่น่าเชื่อว่าหลิงฮันจะมีภูมิหลังที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้

บัดซบ… เจ้าเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์แท้ๆ แล้วที่ผ่านมาเจ้าจะมัวเสแสร้งอยู่ทำไม?

พวกเขาจบสิ้นแล้ว!