บทที่ 1254 กระทำเรื่องราวดี ๆ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,254 กระทำเรื่องราวดี ๆ

“เจ้ารู้จักโรคบุปผามรณะหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินมองหน้าเฉียนหลงและถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ย่อมต้องรู้จักขอรับ มันคือโรคระบาดในดินแดนทวยเทพเรา ไม่ว่าผู้ใดที่ติดเชื้อ ก็ไม่อาจหนีรอดจากความตาย นายท่านสอบถามเช่นนี้ หรือว่า…”

เฉียนหลงกล่าวมาถึงตรงนี้ก็ต้องหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง

ดวงตาของเขาเบิกโต เสียงสั่นเครือ “นายท่าน… หรือว่านายท่าน…นายท่าน… หรือว่านายท่านจะ…”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “เจ้าคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว”

ทันใดนั้น เฉียนหลงพูดตะกุกตะกักว่า “นายท่าน… ช่างโชคร้ายเหลือเกิน…”

นายน้อยจากตระกูลเฉียนเงยหน้าขึ้นมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “สวรรค์เอ๋ยสวรรค์ เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเลย นายท่านอายุยังเยาว์ เหตุไฉนโชคชะตาถึงได้กำหนดให้ท่านติดโรคบุปผามรณะ แต่นายท่านไม่ต้องกังวลนะขอรับ ข้าน้อยจะหาหมอยาที่ดีที่สุดมารักษานายท่าน…”

เพียะ!

หลินเป่ยเฉินผุดลุกขึ้นด้วยความโกรธาและตบท้ายทอยของเฉียนหลงเสียงดังสนั่น

“เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่?”

เด็กหนุ่มเดือดดาลจนควันแทบออกจากหู “ข้ายังแข็งแรงดี ไม่ได้ติดโรคบุปผามรณะสักหน่อย นี่เจ้ากล้าสาปแช่งข้าหรือ?”

“ว่าไงนะขอรับ?”

เฉียนหลงลูบคลำด้านหลังศีรษะของตนเองป้อย ๆ กล่าวด้วยความมึนงง “ในเมื่อนายท่านไม่ได้ป่วยเป็นโรคบุปผามรณะ แล้วนายท่านถามข้าน้อยด้วยเหตุอันใด…”

บุรุษหนุ่มขมวดคิ้ว

เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

หลินเป่ยเฉินตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญใจว่า “ข้าอยากจะถามเจ้าว่า หากมีคนสามารถคิดค้นยาวิเศษที่รักษาโรคบุปผามรณะได้ มันจะเกิดอะไรขึ้น?”

“อะไรนะขอรับ?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เฉียนหลงก็เบิกตาโตทันที

“นายท่านคงไม่ได้หมายความว่า…”

ชายหนุ่มกลับมาพูดตะกุกตะกักอีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์

“เจ้าต้องตกใจถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอด้วยความเหยียดหยาม “เจ้าพร้อมกระทำเรื่องราวดี ๆ กับข้าหรือไม่?”

“แน่นอนขอรับนายท่าน ข้าน้อยพร้อมแล้ว”

เฉียนหลงถูไม้ถูมือด้วยความตื่นเต้น “ว่าแต่นายท่านมีโอสถวิเศษที่สามารถรักษาโรคบุปผามรณะได้จริง ๆ หรือขอรับ?”

หากคำพูดนี้กล่าวออกมาจากปากบุคคลอื่น เฉียนหลงก็คงต้องตามหาหมอมารักษาอาการทางสมองของคนผู้นั้นแล้ว หรือไม่แน่ เขาอาจจะสังหารคนผู้นั้นด้วยความรำคาญใจก็เป็นได้

แต่เมื่อนี่เป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของคุณชายผู้สังหารราชาหมาป่าศิลา ถ้าอย่างนั้น มันก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การรับฟัง

“เจ้าตอบคำถามของข้ามาก่อน”

หลินเป่ยเฉินว่า

เฉียนหลงสูดหายใจลึก ไม่ยอมตอบคำถามโดยทันที แต่ใช้เวลาขบคิดอยู่เล็กน้อย

ผ่านไปอึดใจใหญ่

“มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่างขอรับ”

เฉียนหลงถอนหายใจออกมาและกล่าวอย่างแช่มช้าว่า “ความเป็นไปได้แรก หากคนผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากพอ เขาก็จะกลายเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า เป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในดินแดนทวยเทพ ส่วนความเป็นไปได้ที่สอง หากคนผู้นี้มีความแข็งแกร่งไม่มากพอ เขาก็จะต้องถูกฆ่าตายแน่นอนขอรับ”

“พูดมากน่ารำคาญ เจ้าต้องการจะบอกอะไรกันแน่?”

หลินเป่ยเฉินถลึงตาจ้องมองด้วยแววตาดุดัน “สมมติว่าคนที่คิดค้นยารักษาโรคนี้ได้มีพลังไม่แข็งแกร่งมากพอ แต่เขาก็ไม่อยากถูกฆ่าตาย ถ้าอย่างนั้น เขาสมควรทำอย่างไร?”

เฉียนหลงขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่อีกพักใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นก็มีเพียงหนทางเดียวขอรับ”

หลินเป่ยเฉินสอบถามว่า “หนทางใด?”

เฉียนหลงตอบ “แบ่งปันผลกำไร”

หลินเป่ยเฉินถามกลับไป “แล้วถ้าคนผู้นั้นไม่อยากแบ่งปันผลกำไรเล่า?”

เฉียนหลงสูดหายใจลึกอีกครั้ง ก่อนจะฉีกยิ้ม ตอบว่า “งั้นเขาก็คงต้องหาที่พึ่งพิงให้แก่ตนเองขอรับ”

หลินเป่ยเฉินถามต่อ “แล้วเขาจะสามารถหาที่พึ่งพิงให้แก่ตนเองได้อย่างไร?”

เฉียนหลงยกมือเกาหัวแกรก ๆ

ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายระยิบระยับ “แม้ว่าจะไม่เคยมีใครใช้วิธีนี้มาก่อน แต่มันก็เป็นทางออกเดียวขอรับ”

หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มและกล่าวว่า “เจ้ากำลังหมายถึงตำแหน่งผู้ชนะการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้าใช่หรือไม่?”

“ถูกต้องขอรับ”

เฉียนหลงตบเข่าฉาด ก่อนจะรีบจัดแต่งทรงผมของตนเองและกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “หากคนผู้นั้นสามารถเข้าถึงรอบสามคนสุดท้ายได้สำเร็จ เขาก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพเจ้าขั้นกลาง เพียงเท่านี้ เขาก็จะสามารถหาที่พึ่งพิงเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพสงครามได้แล้วขอรับ”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าหงึกหงัก

เห็นด้วยกับความคิดนี้

ในเมื่อเฉียนหลงมีความรอบรู้เกี่ยวกับดินแดนทวยเทพเป็นอย่างดี ถ้าอย่างนั้น การรับตัวเป็นลูกสมุนคนใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรนัก

“เจ้าช่วยหาทางติดต่อบรรดาผู้ป่วยโรคบุปผามรณะให้ข้าที แต่อย่าติดต่อโดยตรงนะ ห้ามเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป ถ้าไม่แสดงตัวได้ก็เป็นการดีที่สุด… เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินมองหน้าเฉียนหลง

“เข้าใจแล้วขอรับ ข้าน้อยเข้าใจเป็นอย่างดี”

เฉียนหลงพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวเปลือก และพูดด้วยความตื่นเต้น “นายท่านไม่ต้องเป็นกังวล ต่อให้ข้าน้อยต้องขายบิดาของตนเอง ข้าน้อยก็จะต้องดำเนินการให้สำเร็จขอรับ”

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก

ไอ้หมอนี่มันจะเกลียดพ่อตัวเองอะไรนักหนา?

“ทั้งหมดที่ข้าอยากพูดก็มีเพียงเท่านี้”

ในสมองของหลินเป่ยเฉินกำลังเริ่มค้นหาชื่อยาที่ควรซื้อจากแอปเถาเป่าเพื่อนำมาทดลองรักษาโรค

เอาเป็นยาแก้ไข้เหลียนฮัวชิงเหวินแคปซูลดีหรือไม่?

หรือว่าจะเป็นยาฆ่าเชื้ออะม็อกซีซิลลินดี?

หรือว่าจะใช้ยาสมุนไพรที่สามารถขับพิษได้อย่างปั๊งหลานกิงดี?

หรือเขาควรจะซื้อยาราคาแพงชนิดอื่น ๆ?

เฉียนหลงผู้ยืนอยู่ด้านข้างตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

เขาไม่ใช่คนโง่ การสนทนาครั้งนี้ทำให้เขาได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอ ดังนั้นเฉียนหลงจึงมั่นใจแล้วว่าผู้ที่มีโอสถวิเศษซึ่งสามารถรักษาโรคบุปผามรณะได้นั้น ก็คือนายท่านที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง

นี่คือเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อและน่าตกตะลึงมากเกินไป

ทุกอย่างเป็นไปตามที่เฉียนหลงได้กล่าวตอบออกไป หากนายท่านมีความแข็งแกร่งมากพอ นายท่านก็จะกลายเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่คับดินแดนทวยเทพ และกลายเป็นสุดยอดเทพเจ้าแห่งเทพเจ้าทั้งมวล

ในสายตาของเฉียนหลง นายท่านอาจจะยังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอก็จริง แต่ในอนาคตอันใกล้ นายท่านจะต้องมีความแข็งแกร่งอย่างเพียงพอแน่นอน

สำหรับเฉียนหลง นี่คือเรื่องราวที่ดีต่อตัวเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะเขาจะใช้โอกาสนี้สร้างชื่อเสียงโด่งดังให้แก่ตนเอง

ตราบใดที่สามารถทำได้สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นบุคคลที่โด่งดังและมีความยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองรองจากนายท่าน

เมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่พวกผู้อาวุโสในตระกูลก็ต้องเกรงใจเฉียนหลงแล้ว

นี่คือโอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิต

“นายท่าน ข้าน้อยจะรีบไปตามหาผู้ป่วยโรคบุปผามรณะเดี๋ยวนี้”

เฉียนหลงเอ่ยปากอาสาอย่างอดไม่ไหวอีกต่อไป

เขาตัดสินใจกระทำด้วยตนเอง

สำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ การติดต่อลูกสมุนผ่านกำไลผลึกแก้วกิเลนมีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหลได้

หลินเป่ยเฉินพอใจกับความรอบคอบของเฉียนหลงเป็นอย่างยิ่ง

เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “รีบไปรีบมาก็แล้วกัน อีกหนึ่งชั่วยามหลังจากนี้ ข้าจะไปเปิดห้องที่หอสุราเหมียวเหมียวหง่าวเพื่อเจรจาการค้าขายซากราชาหมาป่าศิลา เจ้าจะมาด้วยก็ได้”

“ได้เลยขอรับนายท่าน ข้าน้อยต้องไปอย่างแน่นอน”

เฉียนหลงตบหน้าอกตนเองด้วยความมั่นใจ

หลังจากนั้น เขาก็รีบวิ่งออกไปทำภารกิจของตนเอง

หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูรายชื่อของผู้คนในการแชร์สัญญาณไวไฟ

หลังจบการสนทนาในครั้งนี้ สัญญาณความศรัทธาของเฉียนหลงก็มีเต็มถึงห้าขีด

ใช่แล้ว

หมอนี่เชื่อใจเขาจริง ๆ

หลินเป่ยเฉินยิ่งรู้สึกพอใจมากกว่าเดิม

ขณะนี้ ต่อให้เฉียนหลงทำข้อมูลรั่วไหล เขาก็ไม่กลัว

เพราะว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์

หากมีคนใหญ่คนโตรู้เรื่องนี้เข้า หลินเป่ยเฉินก็เพียงแต่ต้องบอกว่าเฉียนหลงเสียสติไปเองเท่านั้น ไม่มีหลักฐานใดสามารถสืบสาวกลับมาถึงตัวเขาได้ แล้วหลินเป่ยเฉินยังจะต้องกลัวอะไรอีก?

เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์มือถือ

หลังจากนั้น เขาก็ติดต่อฉินโซวผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สาม โดยนัดแนะให้ไปพบกันที่หอสุราเหมียวเหมียวหง่าวเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ

ฉินโซวตอบรับด้วยความกระตือรือร้น

เห็นได้ชัดว่าชายอ้วนจอมเสเพลล่วงรู้ถึงการทำลายสถิติในการแข่งขันรอบแรกของหลินเป่ยเฉิน ดังนั้นเขาจึงทำตัวสนิทสนมมากกว่าเดิม