บทที่ 1390 นิยายของเธอพี่สามจะเอาไปถ่ายเอง + ตอนที่ 1391 พูดเรื่องที่ไม่เข้าหูไว้ก่อนล่วงหน้า

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1390 นิยายของเธอพี่สามจะเอาไปถ่ายเอง + ตอนที่ 1391 พูดเรื่องที่ไม่เข้าหูไว้ก่อนล่วงหน้า โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1390 นิยายของเธอพี่สามจะเอาไปถ่ายเอง

เดิมทีจ้าวเสวียเอ๋อร์จะพาเหมยเหมยไปร้านอาหารหรูแต่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัยส่วนมากมีไว้บริการนักศึกษาแล้วจะมีร้านอาหารหรูได้อย่างไร ขับรถอยู่ตั้งนานก็หาไม่เจอ

“หรือว่าเราเข้าไปกินในเมืองกันเถอะ!” จ้าวเสวียเอ๋อร์เสนอความคิดเห็น

เหมยเหมยไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ “กินที่นี่ก็พอแล้ว ฉันยังต้องกลับไปปั่นงานวาดภาพอีก”

สุดท้ายเหมยเหมยก็เป็นฝ่ายเลือกร้านอาหารซึ่งเธอก็สุ่มเลือกเอามั่ว ๆ ร้านนี้ให้ความรู้สึกดีกว่าหน่อยที่เจ้าของร้านและภรรยาเจ้าของร้านเก็บกวาดสะอาดพอสมควร เหมยเหมยขอห้องส่วนตัวสั่งกับข้าวไปไม่กี่อย่างแล้วให้จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดเรื่องสำคัญ

“ไม่ต้องรีบ ขอฉันดื่มน้ำชาสักอึกก่อน เพิ่งกลับจากฮ่องกงก็รีบตรงมาหาเธอทันทีไม่ทันดื่มน้ำสักอึกด้วยซ้ำ” จ้าวเสวียเอ๋อร์ดื่มน้ำไปทีเดียวสามแก้วถึงพรูลมหายใจยาว

ร้านอาหารเขตมหาวิทยาลัยมีข้อดีคือเร็วและราคาสมเหตุสมผล รสชาติก็ไม่แย่ ไม่นานภรรยาเจ้าของร้านก็ยกมาเสิร์ฟก่อนจะทยอยตามกันมาจนครบ

“ฉันได้คุยกับหลินฮั่นเหวินที่ฮ่องกงมาบ้างแล้ว เขาพูดถึงนิยายเรื่อง ‘เจ้าหญิงอัปลักษณ์’ ของเธอ บอกว่ามีบริษัทภาพยนตร์หลายแห่งอยากซื้อลิขสิทธิ์เธอใช่ไหม?” จ้าวเสวียเอ๋อร์ถามตรง ๆ

เหมยเหมยที่หิวโซมานานตักข้าวเริ่มลงมือทานทันที นี่เป็นร้านอาหารเสฉวนร้านหนึ่งซึ่งเธอได้สั่งหมูสามชั้นผัดพริกเสฉวนกับเนื้อปลาผัดพริก รสชาติค่อนข้างดีพอสมควร

ได้ยินดังนั้นเลยเงยหน้าขึ้นดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ “ใช่ แต่ฉันปฏิเสธไปหมดเลย จานนี้อร่อยดี พี่สามรีบกินสิ”

จ้าวเสวียเอ๋อร์ก็หิวแล้วเช่นกันจึงทานไปถามไป “ทำไมเธอถึงปฏิเสธหมดเลยล่ะ? หลินฮั่นเหวินบอกว่าบริษัทยูนิเวอร์แซลที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกงยังไปหาเขาเลย”

“ไม่ชอบก็ปฏิเสธไปสิ ต้องมีเหตุผลอะไรมากมายด้วยเหรอ!”

เหมยเหมยตักข้าวใส่ปากอีกคำ บริษัทยูนิเวอร์แซลเป็นบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในเวลานี้ก็จริง แต่เธอจำได้ว่าอีกไม่กี่ปีบริษัทนี้ก็ต้องล่มหายสาบสูญไป แต่ต่อให้ไม่หายสาบสูญเธอก็ไม่เคยคิดจะขายลิขสิทธิ์ให้คนอื่นถ่ายเป็นละครภาพยนตร์มาก่อน เธออยากถ่ายเอง

เธอมีความคิดที่อยากจะก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์ของตัวเองมาโดยตลอดนับ ตั้งแต่สยงมู่มู่เข้าวงการนี้และเพื่อป้องกันไม่ให้สยงมู่มู่เจอโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าซ้ำเหมือนชาติที่แล้วจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทเองเลย

เพียงแต่ว่าเธอยังไม่คุ้นเคยกับวงการนี้นัก อีกทั้งเหยียนหมิงซุ่นเองก็ยังตามหาตัวเลือกสำหรับดูแลบริษัทบันเทิงที่เหมาะสมไม่เจอจึงยืดเยื้อมาถึงตอนนี้

“เหมยเหมยเธออยากก่อตั้งบริษัทบันเทิงเป็นของตัวเองหรือเปล่า?” จ้าวเสวียเอ๋อร์ยิ้มตาหยีถาม

“แคร้ง”

เหมยเหมยที่กำลังคีบเนื้อซี่โครงชิ้นหนึ่งเข้าปากเผลอมือกระตุกจนเนื้อซี่โครงตกใส่จาน เธอเองก็คร้านจะคีบใหม่เลยมองจ้าวเสวียเอ๋อร์แล้วถาม “พี่สามพี่คิดจะพูดอะไร อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย”

จ้าวเสวียเอ๋อร์พอจะเดาบางอย่างได้เลยยิ้มกล่าว “ฉันพูดตรง ๆเลยแล้วกัน ฉันจะก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์ จะให้เหมยซูหานแบ่งเค้กไปคนเดียวไม่ได้ เหมยเหมย ฉันอยากใช้นิยายของเธอเป็นไม้แรกให้บริษัทฉัน!”

“ทำไมฉันต้องเชื่อพี่ด้วย? ถ้าเกิดมันไม่ดัง นิยายของฉันก็เสียหายหมดสิ!” เหมยเหมยคีบเนื้อซี่โครงใหม่ ปากเล็กมันแผลบแต่ถ้อยคำที่กล่าวออกมาทำเอาจ้าวเสวียเอ๋อร์โมโหแทบตาย

“ถุยถุยถุย เด็กน้อยพูดไม่คิด ขอให้ราบรื่นมีโชคมีชัยเถิด!”

จ้าวเสวียเอ๋อร์กราบฟ้าดินสามครั้งพร้อมพูดงึมงำเหมือนท่องบทสวดก่อนจะกลอกตาให้เหมยเหมยอีกที “จะไม่ดังได้อย่างไร? พี่สามเธอหาผู้กำกับไว้แล้วด้วย ฟางชิงผิงรู้จักมั้ย? หล่อนเป็นถึงผู้กำกับดังที่ถ่ายแต่หนังแนวกุ๊กกิ๊กของไต้หวันเชียวนะ รับรองว่าถ่ายนิยายของเธอดังเป็นพลุแตกสะท้านฟ้าจนภูตผีต้องร้องไห้”

เหมยเหมยสีหน้าวูบไหว เธอรู้จักฟางชิงผิงอยู่แล้วซึ่งผลงานละครแนวรักหวานโรแมนติกหลายเรื่องของเธอมียอดผู้ชมสูงลิ่ว บอกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกละครแนวรักโรแมนติกเลยก็ว่าได้ หากให้เธอถ่ายก็ยังพอไหว!

“พี่สามพี่เกลี้ยกล่อมผู้กำกับฟางได้จริงเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าผู้กำกับฟางงานยุ่งมากจะมีเวลามาถ่ายละครได้ที่ไหนกัน” เหมยเหมยชักสงสัยว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์กำลังหลอกเธอหรือเปล่า

…………………

ตอนที่ 1391 พูดเรื่องที่ไม่เข้าหูไว้ก่อนล่วงหน้า

จ้าวเสวียเอ๋อร์ล้วงรูปถ่ายใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า โชคดีที่เขาเตรียมตัวมาดีรู้อยู่แล้วว่าลูกพี่ลูกน้องไม่ได้เกลี้ยกล่อมง่ายขนาดนั้น

“เห็นหรือยัง นี่แหละผู้กำกับฟางผู้ยิ่งใหญ่ ฉันโชคดีไม่น้อยที่ช่วงนี้ผู้กำกับฟางออกงานที่ฮ่องกง ฉันนัดเธอไปดื่มน้ำชาแล้วตอบตกลง ความจริงผู้กำกับฟางสนใจจะถ่ายนิยายของเธออยู่แล้ว พอรู้ว่าเธอคือน้องสาวฉันก็ตอบตกลงทันทีไม่มีอิดออด”

จ้าวเสวียเอ๋อร์ยังเหนือคาดเพราะตอนแรกคิดว่าคงต้องเสียแรงพูดโน้มน้าว แต่คิดไม่ถึงว่าฟางชิงผิงจะยอมตกลงง่าย ๆ บอกว่าหากเขาเกลี้ยกล่อมเหมยเหมยได้ฝั่งเธอก็ไม่มีปัญหาใด

เหมยเหมยยิ้มดีใจอย่างอดไม่ได้ เธอไม่คิดว่าผู้กำกับชื่อเสียงโด่งดังจะรู้จักและชื่นชมหนังสือของตน รู้สึกเป็นเกียรติมากจริง ๆ!

“งั้นก็ได้ รอพี่ก่อตั้งบริษัทแล้วเรามาเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ ต่อให้เป็นพี่น้องกันคิดบัญชีก็ต้องทำให้ชัดเจนไปเลย” เหมยเหมยพูดเรื่องที่ไม่เข้าหูไว้ก่อนล่วงหน้า

จ้าวเสวียเอ๋อร์กลับพรูลมหายใจเฮือกหนึ่ง กลอกตาทีหนึ่งแล้วถามเสียงกลั้วหัวเราะ “เหมยเหมยจะร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วยมั้ย?”

อนาคตเขาคิดจะชิงกับเหมยซูหานจึงจำต้องกอดที่พึ่งตัวสำคัญอย่างเหยียนหมิงซุ่นไว้ให้แน่น ไม่อย่างนั้นอาศัยเขาเพียงคนเดียวไม่มีทางต่อกรเฮ่อเหลียนเช่อได้แน่นอน

เหมยเหมยอยากจะร่วมหุ้นด้วยอยู่แล้ว ต่อให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ไม่เสนอเธอก็จะเป็นฝ่ายพูดเอง อีกทั้งมีอีกหลายเงื่อนไขที่เธอต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนล่วงหน้า

“เรื่องร่วมหุ้นไม่มีปัญหา แต่มีสามข้อที่ฉันต้องบอกไว้ก่อน นอกจากฉันกับพี่ที่เป็นสกุลจ้าว ในบริษัทห้ามมีคนสกุลจ้าวคนที่สามโผล่มาอีก อย่างที่สองมู่มู่ก็ต้องร่วมหุ้นด้วย อย่างที่สามเกี่ยวกับหนังสือของฉัน ไม่ว่าจะเรื่องเลือกนักแสดงหรือการปรับเปลี่ยนบทฉันต้องเข้าร่วมทุกกระบวนการ ถ้าฉันคัดค้านก็ห้ามทำต่อเด็ดขาด”

เธอยื่นเงื่อนไขสามข้อในทีเดียว หากจ้าวเสวียเอ๋อร์ไม่ตอบตกลงเธอก็แค่รอต่อไป รอให้เหยียนหมิงซุ่นหาคนได้เธอค่อยจัดการถ่ายเอง

จ้าวเสวียเอ๋อร์ยิ้มแห้ง เงื่อนไขข้อที่สองกับข้อที่สามเขาไม่แย้งอะไร แต่ข้อแรกกลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย น้องสาวปลีกตัวจากตระกูลจ้าวแล้วจริงๆ สินะ!

แต่พอลองคิดทบทวนถึงสิ่งที่ตระกูลจ้าวทำกับน้องสาวคนนี้ไว้เมื่อสองปีก่อนมันก็…

หากเปลี่ยนเป็นเขาที่โดนกระทำเช่นนี้บ้างเกรงว่าตอนนี้ก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน!

“ได้ ฉันตกลงทั้งสามข้อ บริษัทฉันจะแบ่งหุ้นให้เธอร้อยละยี่สิบห้า มู่มู่ร้อยละสิบ หนังสือสัญญารออีกสักพักเราค่อยมาเซ็น” จ้าวเสวียเอ๋อร์เองก็ตอบตกลงอย่างไม่อิดออด

เหมยเหมยยิ้มกว้างแล้วใช้น้ำชาแทนเหล้า “ชนแก้ว ขอให้บริษัทใหม่ของพี่สามรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา!”

จ้าวเสวียเอ๋อร์ยิ้มแฉ่ง นี่ค่อยฟังเข้าท่าหน่อย!

“เหมยเหมย ปกติคุณปู่พูดถึงเธอบ่อยมากนะ เธอ…” คุยเรื่องงานเสร็จจ้าวเสวียเอ๋อร์ชักอยากคุยเรื่องที่บ้านบ้าง แม้รู้ทั้งรู้อาจสร้างความไม่พอใจให้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิด…

“ว้าว หมูสามชั้นผัดพริกเสฉวนจานนี้อร่อยจริง ๆ พี่สามกินเยอะ ๆนะ”

เหมยเหมยพูดเสียงดังเกินจริงแล้วคีบเนื้อติดมันชิ้นโตใส่ถ้วยจ้าวเสวียเอ๋อร์ เอาให้เลี่ยนตายไปเลย ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเธอไม่ชอบฟังเรื่องพวกนี้เป็นที่สุด!

จ้าวเสวียเอ๋อร์ถอนหายใจเบา ๆ และไม่ได้ทานเนื้อติดมันชิ้นนั้น เขาไม่ชอบทานเนื้อติดมันที่สุด นี่น้องสาวจงใจเล่นงานเขาอยู่สินะ!

เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่บ้านอีก เกิดความห่างเหินขนาดนี้ใช่ว่าบอกให้ผ่านก็จะผ่านไปได้ง่าย ๆ หวังว่าคุณปู่จะอายุยืนยาวหน่อยรอจนกว่าน้องสาวจะดึงหนามที่ทิ่มแทงใจชิ้นนั้นออกได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับสีอันน่าเพิ่งวิ่งไปถึงหลังมหาวิทยาลัยก็เห็นรถคันงามแสนโดดเด่นของจ้าวเสวียเอ๋อร์กำลังจอดอยู่หน้าประตูร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งคู่สบสายตากันแวบหนึ่งก่อนจะเดินไปยังร้านอาหารร้านนั้นอย่างพร้อมใจกันโดยไม่ได้นัดหมาย

พวกเธอจงใจนั่งข้างนอกทานเหมือนไม่ใส่ใจอะไรมากแต่จะมองเข้าไปด้านในเป็นพัก ๆ จนไม่รู้รสชาติอาหารด้วยซ้ำ

เหมยเหมยทานจนหน้าท้องแน่นพลางเรอสามครั้งติดกันถึงเดินออกมา ปราดเดียวก็เห็นทั้งสองคนที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่นอกร้านอาหารเลยชะงักไป สองคนนี้สนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย!

………………………..