ตอนที่ 2355 ประกาศอันดับทองคำเทพสงครามครั้งสุดท้าย!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

เมื่อคนราวสามสิบนั้นกลับมาถึงเมืองพวกเขาก็ยังคงตั้งท่าต่อสู้ด้วยหน้าดำคร่ำเครียด

ดูท่าแล้วพวกเขาคงยังไม่อาจตั้งสติรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้

เพราะแค่วินาทีก่อนนี้พวกเขายังต่อสู้อย่างดุเดือดเลือดพล่านกับสัตว์ร้ายทั้งหลายอยู่

ในพริบตาเดียวนั้นพวกเขาทั้งหลายกลับถูกดึงกลับมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่หยวน ว่านเจิ้นและจางเหลียนที่ยังมึนๆ งงๆ กับภาพตรงหน้า

ก่อนหน้านี้เย่หยวนยังคงหนีตายอย่างหวุดหวิดกลางดงของสัตว์ร้ายมากหลาย

ว่านเจิ้นและจางเหลียนเองก็ไม่ต่างกันมากนัก

ว่านเจิ้นนั้นตั้งสติกลับสถานการณ์ตรงหน้าได้และหันไปเห็นเย่หยวนในกลุ่มคนไม่ไกล

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เดินเข้าไปทักทายมันก็มีคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาล้อมตัวเขาไว้

“ว่านเจิ้น เจ้ามีแต้มเทพสงครามอยู่เท่าใด?” ยอดฝีมือที่จิดอันดับราวสี่สิบกว่าๆ เดินเข้ามาถาม

ว่านเจิ้นนั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาตอบไป “สี่ล้านสามแสนสี่หมื่น ทำไมหรือ?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที

“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กนรกนั่นมันไม่มีโอกาสตามทันแล้ว! ความห่างกว่าห้าแสนหนึ่งหมื่นนี้เจ้าเด็กคนนั้นมันย่อมตามไม่ทันแน่แล้ว!” ยอดฝีมือผู้นั้นร้องกล่าว

ว่านเจิ้นที่ได้ยินก็ต้องขมวดคิ้วขึ้น “ความห่างห้าแสนหนึ่งหมื่นใด? พวกเจ้าพูดเรื่องใดกัน?”

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายก็เริ่มแสดงสีหน้าท่าทางเหมือนตัวเองเป็นคนดีแห่งแผ่นดินออกมาทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเจียงเจ๋อ

“ว่านเจิ้น เรานั้นรู้สึกเจ็บแค้นแทนเจ้าจริงๆ! เจ้าเด็กคนนั้นมันใช้เล่ห์กลใดไม่ทราบล่าแต้มเทพสงครามมาได้ราวสี่แสนถึงห้าแสนแต้มตลอดหลายปีมานี้ ทำให้มันก้าวขึ้นมาถึงอันดับสองรองจากเจ้าไป!”

“ใช่แล้ว โชคยังดีที่เจ้านั้นมั่นคงในฝีมือเอาจริงในเวลาสุดท้ายนั้น ทำให้สุดท้ายก็ยังเอาชนะมันมาได้!”

“ที่หนึ่งก็เป็นที่หนึ่งจริงๆ เขามีกำลังฝีมือจริงไม่โม้ ถึงขั้นสามารถล่าแต้มเทพสงครามมาได้กว่าหนึ่งแสนเก้าหมื่นแต้มในปีเดียว!”

ว่านเจิ้นนั้นฉลาดปานใด? เขานั้นย่อมจะเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของคนทั้งหลายได้ในพริบตา

“พวกเจ้าคงพูดถึงเย่หยวนแล้ว? เขาไม่ได้ใช้เล่ห์กลใดทั้งสิ้น! ที่แท้เขากลับขึ้นมาถึงที่สองแล้วหรือ? น่ากลัวเสียจริงๆ!” ว่านเจิ้นหันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึง

ทุกผู้คนนั้นต่างเงียบปากลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

ว่านเจิ้นกลับเป็นคนออกตัวปกป้องเย่หยวนเสียเอง!

เจ้าหมอนี่คงไม่ได้ไปกินยาผิดมาหรอกใช่ไหม?

“ไม่ได้ใช้เล่ห์กล? เช่นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร? ด้วยกำลังฝีมือของเจ้านั้นเจ้ายังล่าได้แค่แสนกว่าแต้มต่อปี แต่มันนั้นอ่อนแอกว่าเจ้าแค่ไหนแต่กลับล่าได้กว่าสี่แสนแต้มต่อปี นี่มันจะมั่วเกินไปแล้ว!” เจียงเจ๋อยังคงไม่ยอมเชื่อ

แต่ว่านเจิ้นกลับส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “ตอนที่เย่หยวนต่อสู้กับเหล่าสัตว์ร้ายในทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นนั้นข้าและจางเหลียนได้เห็นมากับตา! เขานั้นบรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลา ด้วยพลังของเวลาและมิตินั้นผสานกับเต๋าดาบและเต๋าค่ายกลที่พลังถึงระดับต้นกำเนิด เขาย่อมจะไม่ได้อ่อนแอกว่าข้าแม้แต่น้อย! กอปรกับค่ายกลดาบของเขานั้นมันสามารถล่าสัตว์ร้ายได้ครั้งละนับพันๆ หมื่นๆ ตัว ล่าได้รวดเร็วกว่าพวกเราไปมากมายล้น! ต่อให้จะบอกว่าสี่ถึงห้าแสนแต้มนั้นมันฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่เขาย่อมจะไม่ได้ใช้เล่ห์กลใดๆ อย่างแน่นอน”

พร้อมกันนั้นทางตัวจางเหลียนก็หัวเราะขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดูถูก “แค่เจ้าจินตนาการไม่ถึงมันไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นจริง! หากมิใช่เพราะแรงผลักจากเย่หยวนนั้นเราทั้งสองเองก็คงไม่ได้ออกล่าสัตว์ร้ายอย่างไม่คิดชีวิตเช่นนี้ หลายปีมานี้หากไม่ได้แรงผลักนั้นเราก็คงไม่อาจจะพัฒนาฝีมือไปได้ถึงขนาดนี้แน่”

ตั้งแต่ที่ได้เห็นการต่อสู้ของเย่หยวนนั้นคนทั้งสองก็แทบจะกลายเป็นคนคลั่ง

แม้ว่ามันจะไม่อาจเทียบเท่าเย่หยวนได้แต่พวกเขานั้นก็ผลักตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่เกิดขีดจำกัดของตนเสมอๆ รอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียดหลายต่อหลายที

สิบปีมานี้พวกเขาทั้งสองเองก็ได้พัฒนาไปอย่างที่ไม่อาจคาดคิด

มีแรงผลักและไม่มีแรงผลักนั้นมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันสิ้นเชิง!

เวลานี้เหล่านักยุทธทั้งหลายนับหมื่นในลานกว้างต่างตื่นตะลึงเมื่อได้ยินคำจากปากของทั้งสอง

อย่างแรกคือเย่หยวนบรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลา!

อย่างที่สองคือเย่หยวนสามารถล่าสัตว์ร้ายจนได้แต้มราวสี่ถึงห้าแสนต่อปีมาด้วยน้ำมือของตนเองจริง!

อย่างที่สามคือฝีมือของเขานั้นกลับเทียบเคียงกับทั้งว่านเจิ้นและจางเหลียนได้!

ข่าวนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องขวัญผวา

ในเวลาสิบปีมานี้พวกเขาทั้งหลายต่างตัดสินทุกอย่างด้วยตัวเลข แต่เมื่อได้ยินคำของว่านเจิ้นและจางเหลียนแล้วพวกเขาก็ไม่อาจจะเถียงใดๆ ได้อีก

ที่แท้แล้วที่ว่านเจิ้นและจางเหลียนเอาจริงขึ้นมามันก็เพราะเย่หยวนผู้นี้!

ทุกสิ่งอย่างนั้นเหมือนได้ฝันไป!

คนเช่นนี้มันจะมีบนโลกหล้าได้อย่างไร?

สิบปี!

เย่หยวนใช้เวลาสิบปีก้าวล้ำความพยายามนับพันปีของผู้คน!

พวกเขาทั้งหลายนี้คือเด็กชะตาไร้คาดเดา ตัวตนที่มีแต่คนคิดอิจฉา

แต่หากพวกเขานั้นคือตัวตนที่ผู้คนอิจฉาแล้ว เช่นนั้นเย่หยวนแล้วคือตัวอะไร?

ตอนที่พวกเขาทั้งหลายเย้ยหยันเย่หยวนที่บ่มเพาะแนวคิดแห่งกาลเวลา ตอนที่พวกเขาสงสัยว่าเย่หยวนใช้เล่ห์กลใด ตอนที่พวกเขาคิดว่าเย่หยวนนั้นไม่ประมาณตน สวรรค์คงนั่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่งฟังพวกเขาพูด!

มันมิใช่เย่หยวนไม่ประเมินตัวเอง แต่เขานั้นมีปัญญาจะบรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลาจริง!

ตัวว่านเจิ้นเองก็ย่อมจะไม่คิดเสียเวลาใดๆ เดินแหวกคนไปหาเย่หยวนทันทีด้วยรอยยิ้ม “น้องเย่นั้นช่างมากพรสวรรค์ล้นนัก ตอนที่พวกเราทั้งสองได้เห็นเจ้าใช้แนวคิดแห่งกาลเวลาออกมาวันนี้เจ้าคงไม่รู้ว่าเรารู้สึกกันอย่างไรบ้าง!”

แนวคิดแห่งกาลเวลานั้นมันถูกยกให้เป็นแนวคิดอันดับหนึ่งของโลกหล้า!

แม้ว่ามันจะถูกยกขึ้นมาเทียบกับแนวคิดแห่งห้วงมิติเสมอๆ แต่ความยากในการบรรลุนั้นมันแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

แม้แต่ยอดอัจฉริยะอย่างว่านเจิ้นเองก็ยังไม่อาจจะบ่มเพาะจนบรรลุมันได้

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วันนั้นข้าก็สัมผัสได้ถึงพวกเจ้าทั้งสองสหายเต๋า แต่ตอนนั้นข้าเองก็ไม่อาจจะออกจากการห้อมล้อมไปทักทายได้ หวังว่าสหายเต๋าจะไม่ว่ากัน”

เย่หยวนนั้นชื่นชมตัวว่านเจิ้นไม่น้อย

เพราะเขานี้คือคนที่รู้จักผิดชอบชั่วดี!

ว่านเจิ้นนั้นส่ายหัวออกมา “น้องเย่ว่ากล่าวใดกัน? ข้านั้นจะไม่ขอถามแต้มเทพสงครามของเจ้าแล้วกัน เรามาดูอันดับทองคำเทพสงครามไปพร้อมๆ กันเถอะ!”

เย่หยวนยิ้มพยักหน้ารับ จากนั้นเองบนท้องฟ้ามันก็เกิดรอยร้าวพร้อมแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย

หัวใจของทุกผู้คนนั้นต่างเต้นไม่เป็นส่ำ

“ไม่มีทางๆ! ต่อให้มันจะใช้กำลังฝีมือที่แท้ล่าแต้มเทพสงครามมามันก็คงไม่มีทางล่าได้จนถึงห้าแสนหนึ่งหมื่นหรอก!” เจียงเจ๋อนั้นพูดจาเหมือนคนบ้าไม่ยอมรับความเป็นจริงของโลก

เพราะดูจากความเร็วการล่าของเย่หยวนเมื่อปีก่อนๆ มา มันย่อมจะไม่มีทางใดที่จะเกินล้ำห้าแสนแต้มไปได้

ประกาศนั้นค่อยๆ กางออกมาพร้อมหัวใจที่สั่นรัวของเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลาย

ไม่นานนักม้วนประกาศมันก็เผยให้เห็นส่วนยอด

พร้อมกันนามสีทองสว่างจ้าต่อหน้าทุกผู้คน

ฮือ!

เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นมาพร้อมๆ กันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“อันดับหนึ่ง เย่หยวน!”

“ก้าวข้ามจริง! เขาก้าวข้ามว่านเจิ้นได้จริงๆ!”

“จะบ้าเกินไปแล้ว! ปีสุดท้ายนี้เขากลับล่าได้มากถึงห้าแสนสี่หมื่นแต้ม! มัน… เขาทำมันไปได้อย่างไร?”

“บ้าแล้ว! น่าตะลึงเกินไปแล้ว! สิบปี เขากลับใช้เวลาแค่สิบปีนั้นก้าวขึ้นมาจนถึงยอดของอันดับทองคำเทพสงครามได้!”

มันเหมือนกับว่ามีระเบิดตกลงกลางลานกว้าง ทุกผู้คนนั้นต่างร่ำร้องอย่างตกตะลึงขึ้นมา

เพราะนามแรกที่ปรากฏขึ้นมานั้นมันคือเย่หยวน!

ปีสุดท้ายนี้เย่หยวนกลับสามารถล่าแต้มเทพสงครามมาได้ถึงห้าแสนสี่หมื่นแต้มและมีแต้มสะสมสี่ล้านสามแสนเจ็ดหมื่นแต้ม มากกว่าว่านเจิ้นที่นั่งบนอันดับหนึ่งมานับพันไปถึงสามหมื่นแต้ม

ภาพตรงหน้านี้มันน่าตกตะลึงจนเกินไป

เจียงเจ๋อนั้นรู้สึกเหมือนจะไม่อาจหายใจได้หลังเห็นนามของอันดับหนึ่งนั้น “มันเป็นไปได้อย่างไร? เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? หากไม่โกงแล้ว ทำไมมันจึงยังล่าแต้มเทพสงครามมาได้ถึงห้าแสนสี่หมื่นแต้มในเวลาแค่ปีเดียวเล่า?”

……………….