ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1025 สงครามระหว่างมนุษย์เซียน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

พร้อมกับที่ประมุขทักษิณจวงเซินกับประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินลงมือ ประมุขบูรพานักพรตเทียนอี้กับประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ก็เคลื่อนไหว

หลิวเจิงกู่ยกมือขึ้น สายฟ้านับหมื่นนับพันรวมตัวกันกลายเป็นหอกยาวสีดำอมเขียวเล่มหนึ่งกลางฝ่ามือ

หอกถูกสะบัดแทงออกไปด้านหน้า

ท้องฟ้าเหนือทะเลหวงเจียยามนี้มีเมฆดำหนาแน่น สายฟ้าลั่นครืนคราน

เมฆสายฟ้าถึงขั้นที่แผ่ขยายไปด้านนอกทะเลหวงเจีย

ด้านในเมฆดำ งูสายฟ้ามากมายแผ่พุ่งไปทั่ว เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว รวมตัวกันจากรอบๆ ทะเลหวงเจียบนดินแดนจิตคุณธรรม

จากนั้น งูสายฟ้าแสงอัสนีที่ไร้สิ้นสุดก็ผ่าลง เวียนวนอยู่รอบหอกยาวในมือหลิวเจิงกู่

วินาทีถัดมาสายฟ้าก็คำรามขึ้น อัสนีบาตบ้าคลั่งทะลุฟ้าดิน ผนึกตัวกันกลายเป็นเส้นเดียว ผ่าแยกมิติด้านหน้าหลิวเจิงกู่

เขตแดนมิติของโลกซ้อนโลกแข็งแกร่งถึงเพียงใด โลกอย่างแปดพิภพกับผืนสมุทรจะเทียบได้อย่างไร

ทว่าตอนหลิวเจิงกู่แทงหอกออก ก็ยังคงผ่าออกเป็นรอยแตกที่โดดเด่นสายหนึ่งกลางฟ้าดิน

วินาทีนี้โลกซ้อนโลกถูกฉีกเป็นช่องว่างและร่องแยก

ต่อให้จางซู่เหริน ต้นจักรพรรดิสะกดภูผา ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าที่เชี่ยวชาญการป้องกันยึดครองชัยภูมิของค่ายกลหงส์อมตะเกาะต้นจักรพรรดิ ลงมือป้องกันด้วยกำลังทั้งหมด แต่หากเกิดถูกหอกนี้แทงโดนเข้า ก็ย่อมสิ้นชีวิตไปทันที

ไม่ว่าจะเป็นหงส์อมตะหรือต้นจักรพรรดิ ล้วนถูกสายฟ้าสวรรค์ผ่าเป็นตอตะโก!

เคล็ดวิชาสายฟ้าเทพสายฟ้านี้รุนแรงเกรี้ยวกราด หลิวเจิงกู่ใช้ท่าหอกราชาเทพสายฟ้า ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า

นักพรตเทียนอี้ป้องกัน ขยับสองฝ่ามือเป็นวงกลมกลางอากาศ ห้าธาตุก่อกำเนิด กลายเป็นวังวนขนาดมหึมา

เป็นวรยุทธ์สายหลักของอารามสูงส่ง ปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตาย

วรยุทธ์นี้พอนักพรตเทียนอี้เป็นคนใช้ ก็แตกต่างกับในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเห็นพวกเซี่ยงอีหยางใช้ราวฟ้ากับเหว

ที่นี่และในตอนนี้ สรรพสัตว์ทั้งหมดในโลกราวกับถูกเปลี่ยนกลายเป็นปราณวิญญาณปัญจธาตุ ขณะที่วังวนนั้นหมุนวน ก็เหมือนกับมีเงาคนหนาหนักอยู่ด้านใน คล้ายเกิดคล้ายดับ ดุจการซ้อนทับของโลกของสิ่งมีชีวิตและโลกของสิ่งที่ตาย

เปลี่ยนสรรพสัตว์เป็นปัญจธาตุ เปลี่ยนเป็นตายให้แก่เหล่าเทวา

นี่คือปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตาย!

วังวนรับหอกราชาเทพสายฟ้าของหลิวเจิงกู่ เปลี่ยนพลังทำลายและปราณความตายจิตสังหาร กลายเป็นปราณชีวิตโชติช่วงอย่างต่อเนื่อง ป้องกันการโจมตีทำลายศิลาสะท้านฟ้านั้น

ด้วยความสามารถและพลังฝึกปรือของประมุขในหมู่คน เมื่อเผชิญกับกระบวนท่านี้ของหลิวเจิงกู่ ก็จำเป็นต้องใช้อ่อนสยบแข็ง แก้ไขครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ว่านักพรตเทียนอี้ไม่คิดจะเสี่ยงชีวิตกับหลิวเจิงกู่

เป้าหมายของเขาคือเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ หรือจะบอกว่าเป็นเสวี่ยชูฉิง เหมือนเลี่ยนจู่หลินและหลางชิงก็ได้

ตอนนี้แม้เขาจะไม่อาจลงมือโจมตีเขากว่างเฉิงด้วยตัวเอง แต่ก็ป้องกันหลิวเจิงกู่ได้เหลือแหล่

เมื่อทำลายเขากว่างเฉิงได้ ของที่เขาต้องการย่อมมีไม่น้อย

ประมุขบูรพา อิสาน ประจิม พายัพลงมือพร้อมกัน

ประมุขประจิมหลางชิงกับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย ตอนนี้กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

หลางชิงเหยียบวายุย่ำทะเล ยืนอยู่บนผิวทะเลอย่างสงบนิ่ง เหมือนกับไม่สนใจเรื่องราวใด เดียงแค่มาร่วมชมเรื่องครึกครื้น ไม่ได้มากับพวกจวงเซิน

ใบหน้าเขาประดับด้วยรอยยิ้ม แต่ในดวงตาไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย

เฉาเจี๋ยมีสีหน้าไร้อารมณ์ ต่อให้ในตอนนี้เขาจะยืนอยู่บนเขากว่างเฉิง การโจมตีของจวงเซินและเลี่ยนจู่หลินก็ครอบคลุมเขาไว้ด้านใน ประมุขผู้นี้คล้ายกับไม่เห็น

สายตาของเขาเพียงจับจ้องประมุขประจิมหลางชิงที่เหมือนกับไร้ความกริ่งเกรงใดๆ บนผิวทะเลใกล้ๆ

ไม่มีเหตุผลอื่น เป็นเพราะว่าคนผู้นี้คือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขที่ฝึกฝนคัมภีร์นภาความว่างเปล่าของสายหยกพิสุทธิ์

สำหรับหลางชิง ระยะห่างแทบไม่มีความหมายใดๆ

หากมองในมุมมองหนึ่ง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะเป็นคนที่ว่องไวที่สุดในหมู่ยอดฝีมือทั้งหมด

ต่อให้จะเป็นหลิวเจิงกู่ที่รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด แต่ถ้าเทียบแค่ความเร็วอย่างเดียว ก็ยังคงสู้หลางชิงไม่ได้

หลิวเจิงกู่เห็นนักพรตเทียนอี้คิดจะถ่วงเวลา จึงแค่นเสียงคำหนึ่ง แล้วเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า

หอกสีดำอมเขียวที่เกิดจากการผนึกตัวของสายฟ้าอันรุนแรงและเกรี้ยวกราด เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลดั่งสายน้ำในชั่วพริบตาเดียว

สายฟ้า สิ่งที่แข็งกร้าวที่สุดในฟ้าดิน ยามนี้กลับเหมือนสายน้ำ

หลิวเจิงกู่ชักหอกถอยหลัง จากนั้นวูบไหวท่าร่าง อ้อมผ่านนักพรตเทียนอี้เหมือนกับประกายอัสนี

ทว่าในตอนนั้นเอง ประมุขประจิมหลางชิงที่อยู่ด้านล่างก็เคลื่อนไหวบ้าง

หลางชิงปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าหลิงเจิงกู่ ราวกับไร้การขวางกั้นของมิติเวลา!

เหมือนกับเวลาที่เขาใช้ ถูกกลบเลือนไปจากสมองของผู้คน สูญเสียช่วงเวลานั้นไป

สำหรับหลางชิง ระยะห่างระหว่างมิติราวกับไม่คงอยู่

เฉาเจี๋ยที่เดิมทีใช้สงบสยบเคลื่อนไหว บัดนี้จับจ้องหลางชิง ในที่สุดก็ขยับบ้างแล้ว

ปราณกระบี่ที่ผนึกรวมตัวกันไว้อยู่แล้วพุ่งสู่ก้อนเมฆ แสงดาวจุดหนึ่งพร่างพราวเป็นพิเศษในอวกาศที่มืดมิด เจตจำนงอันยิ่งใหญ่ไร้ประมาณพุ่งลงมาราวกับเทพจุติ

ดาวจักรพรรดิม่วงสั่นไหวอยู่กลางท้องนภา ได้รับการเหนี่ยวนำจากปราณกระบี่ของเฉาเจี๋ย เสริมพลังลงบนร่างของเขา

เฉาเจี๋ยกระตุ้นวิชากระบี่ แทงประกายกระบี่สีม่วงสายหนึ่งใส่ประมุขประจิมหลางชิง

เทียบกับอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดินในตอนที่ยอดฝีมือระดับประมุขคนอื่นๆ ออกกระบวนท่าแล้ว กระบี่นี้ของเฉาเจี๋ยมองไปดูธรรมดายิ่ง

แต่จะว่าไปก็ประหลาดนัก ประกายกระบี่สีม่วงที่ดูเหมือนธรรมดาถึงกับออกทีหลังแต่มาถึงก่อน ไล่ทันประมุขประจิมหลางชิงที่เคลื่อนไหวกลางอากาศในชั่วพริบตา!

ภายใต้หนึ่งกระบี่ เฉาเจี๋ยมีสภาวะแตกต่างจากเดิม ดุจดั่งจักรพรรดิกระบี่จุติ ไม่มีผู้ใดไม่ยอมศิโรราบ

แม้จะเป็นประมุขประจิมหลางชิง เมื่อเผชิญกับท่ากระบี่จื่อเวยนี้ จิตใจก็ยังล่องลอยสั่นไหว ยากจะสงบสติอารมณ์

เขากับเฉาเจี๋ยเป็นคนรู้จักเก่า ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันดี

พอเห็นเฉาเจี๋ยแสดงความคมกล้าออกมา ร่างของหลางชิงก็หายไปจากที่เดิมอีกครั้ง หลบกระบี่ที่เด็ดขาดของเฉาเจี๋ย

ทว่าในตอนที่เขาหายไป กลับมาโผล่อีกด้านหนึ่ง…ด้านหลังเฉาเจี๋ย!

มิติในมือที่ว่างเปล่าของหลางชิงบิดเบี้ยว กลายเป็นคมดาบโปร่งแสงไร้รูปร่างเล่มหนึ่ง ฟันใส่เฉาเจี๋ย!

นี่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขา

เหม้อนกับที่หลางชิงคุ้นเคยเฉาเจี๋ย เฉาเจี๋ยก็รู้จักความสามารถที่เหี้ยมหาญของหลางชิงดีเช่นกัน

ดาวเหนือบนท้องฟ้าสาดแสง ประกายกระบี่สีม่วงพลันขยายขนาด ก่อเกิดเป็นลำแสงขนาดใหญ่ ครอบคลุมเฉาเจี๋ยไว้ทั้งร่าง

“เคร้ง!”

เฉาเจี๋ยเอียงคมกระบี่ไปด้านหลัง ขวางดาบมิติจักรวาลของหลางชิงได้อย่างหวุดหวิด

ด้านหลิวเจิงกู่เมื่อไม่ต้องกังวลการคุกคามจากหลางชิงอีก เขาจึงไม่หยุดฝีเท้า แทงหอกยาวสีดำอมเขียวในมือใส่ประมุขทักษิณจวงเซิน

แม้ความเร็วจะสู้หลางชิงไม่ได้ แต่ก็ว่องไวยิ่ง สายฟ้าข้ามผ่านที่ว่าง บรรลุถึงด้านหน้าจวงเซินในชั่วพริบตาเดียว

ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินที่อยู่ด้านข้างสีหน้าไร้อารมณ์ กดมือหนึ่งใส่ทะเลสีชาดให้เคลื่อนเข้าหาเขากว่างเฉิง มืออีกข้างใช้นิ้วชี้ทิ่มใส่หอกยาวของหลิวเจิงกู่

ปลายนิ้วของนางมีปราณหยินหยางผสมผสาน สั่นสะเทือนฟ้าดิน พลิกเปลี่ยนทิศทาง

หอกยาวสีดำอมเขียวที่เกิดจากอัสนีคลั่งนั้นแม้ว่าจะไม่ได้เบนจากเป้าหมาย แต่เพื่อป้องกันผลกระทบจากดัชนีหยินหยางของเลี่ยนจู่หลิน หลิวเจิงกู่จึงชะงักไปเล็กน้อย

ที่เขาโจมตีใส่จวงเซินไม่ใช่เลี่ยนจู่หลิน เป็นเพราะทราบว่าเลี่ยนจู่หลินฝึกปรือคัมภีร์นภาหยินหยาง ไม่กลัวการกลุ้มรุม

ทว่าเลี่ยนจู่หลินมีการฝึกปรือลึกล้ำ แม้ไม่โจมตีใส่นาง เพียงทิ่มนิ้วจากที่ไกลก็ยังลี้ลับไม่ธรรมดา

พอถูกนางขวาง ประมุขทักษิณก็ไร้ข้อกริ่งเกรงอีก โจมตีเขากว่างเฉิงต่อ

เป็นเพราะในชั่วพริบตานี้เอง นักพรตเทียนอี้ที่เมื่อครู่ถูกหลิวเจิงกู่สลัดทิ้งชั่วคราวก็พุ่งเข้ามา ต่อยหมัดใส่กลางหลังของหลิวเจิงกู่!

………………..