ตอนที่ 1294: การเปลี่ยนแปลงของเกราะไหมบรรพกาล
และในประวัติศาสตร์ของโลกอมตะของเรา มีเพียงไม่กี่ครั้งที่โลกจิ๋วหยานหวงจะให้กำเนิดสัตว์อสูรหยานหวงที่เหนือกว่าจักรพรรดิอมตะเที่ยงแท้ พวกมันทรงพลังอย่างมากและแม้กระทั่งจักพรรดิอมตะสองสามคนของโลกเราก็ยังพ่ายแพ้ให้กับมัน เนื่องจากโลกจิ๋วหยานหวงระดับสูง มันจึงจะมีราชันย์อมตะและจักรพรรดิอมตะไม่กี่ตัว แม้ว่าจะไม่มีระดับอมตะเที่ยงแท้ก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้ เพียงท่านก้าวเข้าไปก็ไม่จะไม่ได้ออกมา เพียงแค่ก้าวเข้าไปท่านก็จะตาย นี่เป็นขอบเขตที่ไม่สามารถเข้าหรือออกมาได้ วิธีเดียวก็คือต้องใช้พลังจากราชันย์อมตะขึ้นไปเท่านั้น จือหยิงพูดตาม
เจี้ยนเฉินละทิ้งความคิดที่จะเอาลูกท้อเมฆม่วงระดับ 9 ไปทันที สิ่งนี้เขาทำได้เพียงแค่จ้องมองผ่านกำแพงอย่างไร้ประโยชน์ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเมื่อเขามีพลังมากพอในวันข้างหน้า เขายังสามารถเข้ามาและรวบรวมสมบัติสวรรค์ แต่เมื่อถึงเวลานั้นทรัพยากรเหล่านี้ก็จะไม่มีค่าสำหรับเขาอีกต่อไป
แต่ขอบเขตดูเหมือนจะไม่กว้างใหญ่เท่ากับเทือกเขาธาตุ สัตว์อสูรหยานหวงสามารถเติบโตได้ในพื้นที่เล็ก ๆ นี้ได้อย่างไร ? เจี้ยนเฉินนึกถึงบางอย่างที่ทำให้เขาสับสน เขาจึงถามจิตวิญญาณกระบี่
ฉิงโซวไม่อาจทำอะไรได้นอกจากหัวเราะคิกคักกับสิ่งที่เขาถาม นายท่าน ท่านไม่เข้าใจ สิ่งที่อยู่ด้านในใหญ่มาก จากด้านนอกขอบเขตไม่มีที่ไหนใหญ่กว่าภูเขาธาตุ แต่โลกด้านในกลับใหญ่กว่า
เป็นเช่นนั้นเอง ? เจี้ยนเฉินก็คิดถึงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของประตูมิติ พวกมันดูสวยงามมากเมื่อมองเพียงผิวเผิน แต่มันก็มีพื้นที่ที่ใหญ่มากซ่อนอยู่ด้านใน
ในเวลานี้ แหวนมิติของเจี้ยนเฉินเปล่งแสงสีทอง ทันใดนั้นเกราะทองคำที่ถักทอจากด้ายสีทองก็ลอยออกมาบนอากาศพร้อมกับส่องแสงสีทอง
นี่มันเกราะไหมบรรพกาล ทำไมมันถึงออกมาจากแหวนมิติด้วยตัวเอง ? เกิดอะไรขึ้น ? เจี้ยนเฉินจ้องมองเกราะไหมบรรพกาลอย่างว่างเปล่าขณะที่มันลอยตัวอยู่ เขาตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจปนสับสน
มันค่อนข้างเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่เขาได้รับเกราะไหมบรรพกาล แต่มันเป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิต มันอยู่ในแหวนมิติของเขาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เหมือนกับสิ่งอื่น ถึงอย่างนั้นมันกลับบินออกมาจากแหวนมิติของเขาด้วยตัวของมันเอง พฤติกรรมนี้แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด
ในเวลานี้แม้กระทั่งความสนใจของจิตวิญญาณกระบี่ก็ถูกดึงดูดด้วยเช่นกัน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เกราะไหมบรรพกาล ไม่มีใครคิดว่ามันจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
จากการปรากฏตัวของเกราะไหมบรรพกาล ปราณหยานหวงที่เป็นกำแพงขอบเขตก็เริ่มที่จะผันผวน หลังจากนั้นไม่นานปราณหยานหวงบริสุทธิ์ก็ลอยทะลุออกมาจากกำแพงขอบเขต และถูกดูดเข้าไปในเกราะไหมบรรพกาลทันที
เกราะไหมบรรพกาลเริ่มมีความพิเศษทันทีที่มันดูดซับปราณหยานหวง มันส่องแสงสีทองขณะที่มันพื้นที่รอบ ๆ ของมันก็กลายเป็นสีทองจากแสงของมัน
เกราะไหมบรรพกาลดูดซับปราณหยานหวงได้จริง ๆ นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกอมตะ สิ่งนี้เชื่อมโยงกับหายนะของโลกหรือไม่ ? จือหยิงและฉิงโซวจ้องมองการทำงานของมันด้วยความตกใจ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้
เจี้ยนเฉินเฝ้ามองทุกอย่างด้วยความตกใจ แต่ในไม่ช้าหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข เกราะไหมบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แม้จะมีความกล้าที่จะต่อสู้กับเซียนจักรพรรดิในปัจจุบัน แต่เขาก็ไม่อาจสร้างความเสียหายได้ อย่างไรก็ตามด้วยการป้องกันของเกราะไหมบรรพกาลก็มีขีดจำกัดเช่นกัน มันสามารถป้องกันจากการโจมตีของเซียนผู้คุมกฏเท่านั้น การโจมตีจากเซียนราชาสามารถทะลวงเกราะไหมบรรพกาลหรือแม้แต่ทำให้อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีที่รุนแรง เป็นผลให้เจี้ยนเฉินไม่ใช้เพราะไหมบรรพกาลหลังจากที่ร่างบรรพกาลของเขามาถึงขั้น 3
ตอนนี้เกราะไหมบรรพกาลได้ดูดซับปราณหยานหวง เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของมันที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว และสามารถบอกได้เลยว่ามันก็เติบโตขึ้นมากเช่นกัน
ไม่นานชั้นที่สองและสามของปราณหยานหวงได้ถูกดูดออกมาจากขอบเขตโดยเกราะไหมบรรพกาล ทำให้มันเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น
เกราะไหมบรรพกาลดูดซับไปทั้งหมดเก้าชั้นก่อนที่จะหยุด ประกายสีทองของมันค่อย ๆ จางลงและหายไปหมดในเวลาไม่กี่วินาที มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมกับก่อนหน้านี้และตกลงมาจากอากาศ
เจี้ยนเฉินไม่ปล่อยมันตกถึงพื้น เขายื่นมือรับเอาไว้ปานฟ้าผ่า ทันใดนั้นความรู้สึกแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้น มันไม่ชัดเจนและคลุมเครืออย่างมาก
เจี้ยนเฉินเพ่งความสนใจไปที่เกราะไหมบรรพกาลในมือของเขา เขารู้ว่าเกราะไหมบรรพกาลนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนหลังจากที่ได้ดูดซับปราณหยานหวงเขาก็ไม่อาจบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นอะไร อย่างไรก็ตามไม่ต้องสงสัยเลยว่าการป้องกันของเกราะไหมบรรพกาลนั้นทรงพลังมากกว่าเมื่อก่อน
จิตวิญญาณกระบี่ต่างก็จ้องมองไปที่เกราะไหมบรรพกาล หลังจากที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งฉิงโซวก็พูดว่า ข้าไม่คิดเลยว่าเกราะไหมบรรพกาลจะดูดซับปราณหยานหวงได้ด้วยตัวเอง นั้นหมายความว่าปราณหยานหวงนั้นเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติของโลกหรือไม่ ? ความหายนะครั้งนี้เลวร้ายขนาดไหนถึงต้องใช้ปราณหยานหวงเพื่อยกระดับเกราะไหมบรรพกาล ?
จือหยิงคิดอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า มันไม่อาจเป็นอย่างนั้น ปราณหยานหวงเป็นพลังงานระดับสูงเหมือนกับพลังบรรพกาล แต่มันก็แตกต่างกันมากเช่นกัน อาจเป็นไปได้ว่าปราณหยานหวงให้ประโยชน์กับเกราะไหมบรรพกาล ซึ่งเป็นเหตุทำให้มันดูดซับปราณหยานหวง สุดท้ายเกราะไหมบรรพกาลที่อยู่ในมือของนายท่านก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ ดังนั้นมันต้องมีการรับรู้ในระดับหนึ่ง ถ้ามันเป็นเกราะไหมบรรพกาลดั้งเดิมหลังที่เกิดภัยพิบัติ การรับรู้ตัวตนของมันหายและกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีสำนึกรู้หลังจากที่ได้ดูดซับปราณหยานหวงไปแล้วจริง ๆ หากข้าเดาถูกต้องเราสามารถอธิบายได้ว่าทำไมพระเจ้าถึงได้สร้างเกราะไหมบรรพกาล มันอาจจะอยู่ในโลกจิ๋วหยานหวงและไปปรากฏในโลกอมตะและไม่เคยได้ดูดซับปราณหยานหวงเลย
เจี้ยนเฉินยอมแพ้ทันทีที่คิดตามถึงสิ่งที่จิตวิญญาณกระบี่ได้พูดคุยกัน แม้ว่าเขาจะไม่อาจตอบได้ชัดเจน สิ่งที่พวกเขาคาด มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ยังไม่อาจสรุปได้
เจี้ยนเฉินไม่อยากจะเสียเวลา เขาเก็บเกราะไหมบรรพกาลและมองไปที่ลูกท้อเมฆม่วงระดับ 9 อีกครั้งก่อนที่จะหันหลังกลับไปโดยเต็มไปด้วยความเสียใจและไม่เต็มใจ
เขาไม่อาจเข้าไปในขอบเขตได้ หากไม่มีความแข็งแกร่งเท่ากับราชันย์อมตะ เขาไม่อยากจะจากมันไปหากเขาทำได้ สิ่งที่เขาทำได้คือแค่มองลูกท้อระดับ 9 ที่อยู่ตรงนั้น
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าก็ยังเดินทางผ่านป่าต่อไป พวกเขาค้นหาสัตว์อสูรหยานหวงระดับ 9 และสมบัติสวรรค์ แม้ว่าตอนนี้ที่เจี้ยนเฉินจะมีเกราะไหมบรรพกาลที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่เขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะยั่วยุสัตว์อสูรหยานหวงระดับ 10 เกราะไหมบรรพกาลสามารถป้องกันสัตว์อสูรหยานหวงระดับ 9 ได้ แต่มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรหยานหวงระดับ 10
เซียนราชาหลายโหลได้บินอยู่เหนือซากของเมืองทหารรับจ้าง พวกเขาไม่ขยับไปไหนราวกับพระที่ได้เข้าสมาธิ แม้ว่าพวกเขาจะปิดตาแต่พวกเขาก็ยังให้ความสนใจกับพื้นดินด้านล่าง ทันทีที่มันมีการเคลื่อนไหวพวกเขาจะแจ้งให้อาวุโสใหญ่ทราบอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มีเซียนราชาหลายคนอยู่ในซากเมืองเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญค่ายกลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องของค่ายกล พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อสร้างค่ายกลสังหาร แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์อย่างมากกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิม พวกเขาก็ยังไม่ย่อท้อ พวกเขาสร้างค่ายกลที่ดีที่สุดอย่างสุดความสามารถของพวกเขา
เซียนราชาทุกคนในทวีปเทียนหยวนได้มารวมตัวกันในโลกใบเล็กของเมืองทหารรับจ้าง เฮาหวู่ที่มาด้วย แม้กระทั่งประธานสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุกแสงระดับ 7 ทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่นี่ แม้กระทั่งเซียนราชาจากอาณาจักรทะเลก็ยังมารวมตัวกัน จำนวนทั้งหมดเกือบจะถึงหนึ่งพันคน
พวกเขาทั้งหมดกำลังสร้างอาคารพลังงานและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เช่นเดียวกับที่รอข่าวจากการเผ่าพันธุ์ทะเล สัตว์อสูรและพวกร้อยเผ่าพันธุ์
ข้าสงสัยว่าเผ่าพันธุ์ทะเล, สัตว์อสูรหรือร้อยเผ่าพันธุ์จะส่งกำลังเสริมเข้ามา ผู้อาวุโสสูงสุดพูดอย่างกังวล โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งทรงพลังเกิดนไป ด้วยตัวของพวกเขาเอง มันก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะขับไล่ผู้รุกราน
ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้าได้พบผู้อาวุโสฮุสตันจากนิกายดาบโลหิตหรือไม่ ? เซียนราชามองไปที่ชายชราเสื้อคลุมแดง
ชายชราผู้นี้คือรองหัวหน้านิกาย เจียงหวัง เขาส่ายหน้าและพูดว่า เราได้ใช้ทักษะลับเพื่อติดต่อกับอดีตหัวหน้านิกายแล้ว แต่เรายังไม่ได้รับคำตอบ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าอดีตหัวหน้านิกายไปไหน
ในเซียนจักรพรรดิทั้งสามของมนุษย์ ผู้อาวุโสสูงสุดเทียนเจี้ยนกำลังปรับแต่งโถงศักดิสิทธิ์ มารราคะก็แสดงออกว่าเขาจะร่วมด้วยเมื่อถึงเวลา มีเพียงแค่เราไม่รู้ว่าอดีตหัวหน้าจะมาตอนไหน ข้าหวังว่าเขาจะรีบกลับมาก่อนที่จะศึกสุดท้าย ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์พูดพลางถอนหายใจ
ในเวลานั้นการแสดงของของผู้อาวุโสสูงสุดก็เปลี่ยนไป เขากล่าวว่า มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติที่ทางเข้า ไปกันเถอะ !