ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะชิงลงมืออย่างกะทันหัน แม้แต่ว่านอิ้งสงเองก็ไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงระดับพลังของฉินอวี้โม่ เขาก็ไม่กังวลแต่อย่างใดและยืนนิ่งโดยที่ไม่คิดเคลื่อนไหว
โครมมม !
พลั่ก !
ว่านอิ้งสงถูกฉินอวี้โม่เตะจนกระเด็นออกไปและชนเข้ากับโต๊ะหลายตัวในโถงของภัตตาคารก่อนร่วงลงกระแทกกับพื้นในสภาพที่น่าเวทนา
“เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน ?”
สีหน้าของว่านอิ้งสงแสดงความไม่อยากเชื่ออย่างชัดเจน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสตรีตรงหน้าจะทรงพลังถึงเพียงนี้
“เจ้าโง่เอ๊ย !”
เถาเซี่ยวเซี่ยวกลอกตาไปมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงล้อเลียนถากถาง
“ฉินอวี้โม่ เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว !”
สีหน้าของว่านอิ้งสงบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะกระโจนเข้าหาฉินอวี้โม่และหมายที่จะโจมตีโต้กลับ
ตูมมม !
ทั้งสองปล่อยฝ่ามือโจมตีเข้าใส่กันก่อนร่างของว่านอิ้งสงจะกระเด็นออกไปอีกครั้ง ทว่าร่างของฉินอวี้โม่กลับไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
พลังมายาที่พัฒนาขึ้นใหม่ของนางแกร่งกล้าและน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้ในการโจมตีเมื่อครู่นี้ว่านอิ้งสงจะยังไม่ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ ทว่าฉินอวี้โม่เองก็ยังสงวนพลังบางส่วนไว้เช่นกัน
หากเปรียบเทียบจากระดับพลังภายนอก ความแตกต่างระหว่างทั้งสองก็มีมากถึงเจ็ดขั้น ทว่าตอนนี้ว่านอิ้งสงกลับมิใช่คู่ต่อสู้ของฉินอวี้โม่เลย เห็นได้ชัดว่าการผสานพลังทางสายเลือดเข้ากับพลังมายาทำให้พลังของนางพัฒนาไปอย่างน่าพรั่นพรึง
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ !”
ความมั่นใจที่ว่านอิ้งสงเคยมีสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อย ๆ เดิมทีเขาคิดว่าตนจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ทว่าตอนนี้กลับพ่ายแพ้ต่อฉินอวี้โม่อย่างหมดรูป พลังการต่อสู้ของฉินอวี้โม่เหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างสิ้นเชิง ศิษย์จากหอชั้นนอกมีพลังการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร ?
“ว่านอิ้งสง ข้าไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับเจ้า ทว่าหากยังต้องการทวงความเป็นธรรมให้เฉินหว่านเอ๋อร์ก็เชิญเข้ามาได้เลย ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก อย่างไรก็ตาม ก่อนจะลงมือทำสิ่งใดต่อไป ข้าขอแนะนำให้เจ้าคิดพิจารณาให้ดีเสียก่อน อย่ามั่นอกมั่นใจไปนักเลย อย่าคิดว่าการที่เจ้าครองอันดับสองในทำเนียบสวรรค์และเป็นศิษย์คนโปรดของผู้อาวุโสรองจะทำให้เจ้ามีสิทธิ์ทำทุกอย่างได้ตามต้องการ !”
หลังจากกล่าวทิ้งท้าย ทุกคนก็ไม่สนใจว่านอิ้งสงอีกและกลับเข้าไปรับประทานอาหารในห้องแยกของตนต่อ
ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นภัตตาคารและมิใช่ลานประลองยุทธ์ พวกนางมาที่นี่เพื่อฉลองการเลื่อนชั้นเข้าสู่หอชั้นในของเถาเซี่ยวเซี่ยวและคนอื่น ๆ เพราะเหตุนั้น ฉินอวี้โม่จึงไม่ต้องการเสียเวลายุ่งวุ่นวายกับว่านอิ้งสงอีกต่อไป
“ฉินอวี้โม่ เจ้ากล้าสู้กับข้าที่ลานประลองยุทธ์รึไม่ ?!”
สีหน้าของว่านอิ้งสงยังคงเหยเกและยากที่จะรับรู้ถึงความคิดของเขา ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ถือว่าเหนือความคาดหมายของเขาไปมากและทำให้เขาหวาดหวั่นใจอย่างอดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นถึงจอมยุทธ์อันดับสองในทำเนียบสวรรค์และไม่เคยถูกดูหมิ่นจนเสียหน้าเช่นนี้มาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ต่างจากการถูกตบหน้าฉาดใหญ่ต่อหน้าสาธารณชน ในตอนนี้ การทวงคืนความเป็นธรรมให้กับเฉินหว่านเอ๋อร์มิใช่เรื่องที่สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป ทว่าว่านอิ้งสงจะต้องแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าชะตากรรมของผู้ที่ริอาจดูหมิ่นเขานั้นจะลงเอยอย่างไร
“เหอะ ว่านอิ้งสง เจ้าควรจะละอายใจเสียบ้าง ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในหอชั้นในมานานหลายปีและมีความเข้าใจในวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนส่วนหนึ่ง ทว่ากลับคิดที่จะท้าดวลกับอวี้โม่ ศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาที่หอชั้นในได้เพียงเดือนเดียว ไม่กลัวหรือว่าเรื่องนี้จะแพร่ไปทั่วและสร้างความอับอายให้กับตัวเจ้าเอง ?”
ว่านหลิงเอ๋อร์ก้าวออกไปข้างหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน
นางและฉินเสี่ยวเยี่ยนไม่เกรงกลัวว่านอิ้งสงตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าพวกตนมากนัก เขาก็ไม่กล้าโจมตีพวกนางอย่างเปิดเผย ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ของพวกนางก็ไม่เกรงกลัวผู้อาวุโสรองเช่นกัน
“พี่หลิงเอ๋อร์ ในเมื่อกล้าออกหน้าปกป้องสตรีที่ชั่วร้ายเช่นเฉินหว่านเอ๋อร์ ว่านอิ้งสงก็คงไม่มีความละอายใจหลงเหลืออยู่แล้วเจ้าค่ะ หากต้องการให้เขานึกละอายใจ มันก็คงไม่ต่างจากการขอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
เถาเซี่ยวเซี่ยวกล่าวอย่างเย้ยหยัน ทว่าไม่ขัดขวางฉินอวี้โม่จากการรับคำท้า จากสิ่งที่นางได้เรียนรู้เกี่ยวกับพี่สาวผู้นี้ บางทีฉินอวี้โม่อาจจะตอบรับคำท้าของอีกฝ่ายจริง ๆ และอาจจะทำให้ว่านอิ้งสงต้องอับอายขายหน้ายิ่งกว่าเดิม
“ว่านอิ้งสง ศิษย์น้องอวี้โม่เป็นสหายของเราและเราก็รับรู้เรื่องของเฉินหว่านเอ๋อร์อย่างชัดเจนแล้ว ในเมื่อเป็นความผิดของนาง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีทางลบล้างความผิดนั้นได้ หากยังดึงดันและไม่ยอมรับความจริง เราจะไปรายงานให้ผู้อาวุโสใหญ่จัดการเรื่องนี้และตัดสินความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย !”
ฉินเสี่ยวเยี่ยนกล่าวขึ้นเช่นกันและข่มขู่อีกฝ่ายด้วยชื่อของผู้อาวุโสใหญ่
เจียงฉาและคนอื่น ๆ ก็มองตรงไปที่ว่านอิ้งสงอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน ต่อให้มีความแข็งแกร่งที่เทียบกับว่านอิ้งสงไม่ได้ พวกนางก็จะยืนหยัดอย่างไม่ถอย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกนางจะคอยอยู่เคียงข้างฉินอวี้โม่เสมอ
การประจันหน้าระหว่างสองฝ่ายดึงดูดความสนใจของลูกค้ามากมายภายในภัตตาคาร หลายคนที่เพิ่งเข้ามาภายหลังก็เริ่มกระซิบกระซาบกันเช่นกัน
“เฉินหว่านเอ๋อร์ก่อกรรมทำชั่วมามาก ทว่าว่านอิ้งสงยังกล้ากล่าวว่าจะทวงคืนความเป็นธรรมให้กับนาง บุคคลเช่นนี้เข้ามาอยู่ในหอชั้นในของนิกายหมื่นกระบี่ได้อย่างไรกัน ?”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามด้วยความสงสัย การคัดเลือกเข้าสู่เข้าหอชั้นในของนิกายหมื่นกระบี่มีเกณฑ์การประเมินที่เข้มงวดอย่างมาก พรสวรรค์และความแข็งแกร่งถือเป็นคุณสมบัติรอง ทว่าบุคลิกนิสัยของแต่ละบุคคลเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด การที่ว่านอิ้งสงผ่านเข้ามาในหอชั้นในแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาแสดงออกภายนอกคงจะเป็นการเสแสร้งไม่แตกต่างจากเฉินหว่านเอ๋อร์เท่าใดนัก หากเป็นเช่นนั้นจริง มันก็อธิบายได้ว่าเหตุใดเขาและเฉินหว่านเอ๋อร์จึงดึงดูดซึ่งกันและกันได้…
“เหอะ เฉินหว่านเอ๋อร์มิใช่สาเหตุที่ข้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของศิษย์น้องฉินอวี้โม่ยอดเยี่ยมมากและอยากจะเรียนรู้จากการต่อสู้กับนาง หากศิษย์น้องไม่เต็มใจ ข้าก็จะไม่บีบบังคับ อย่างไรก็ตาม ข้าจะรอให้ถึงการประชันฝีมือของศิษย์ใน เมื่อถึงเวลานั้น ศิษย์น้องอวี้โม่คงต้องสวดภาวนามิให้เจอกับข้าเร็วจนเกินไป !”
ว่านอิ้งสงแค่นเสียงในลำคอและกล่าวด้วยวาจาคำข่มขู่ เดิมทีเขาคิดว่าฉินอวี้โม่จะตอบรับคำท้าของตนจึงจงใจกล่าวยั่วยุออกไป หากรอจนถึงการประชันฝีมือของหอชั้นใน เขาจะต้องรอเวลาอีกนานนัก ทว่าความอับอายที่เผชิญในวันนี้หนักหนาสาหัสจนว่านอิ้งสงมิอาจทนรับได้อีกเพียงเสี้ยวอึดใจ หากไม่ได้เอาคืนฉินอวี้โม่ ชื่อเสียงเกียรติยศของเขาในหอชั้นในจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
“ตกลง ในเมื่อท้าดวลกับข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสั่งสอนมารยาทให้ตามที่ปรารถนา”
เป็นจริงดังที่คิดไว้ ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
“หนูอ้วนเถา ศิษย์พี่เถียนซิน ศิษย์พี่สวีเยว่ ทุกคนเพิ่งเข้ามาที่หอชั้นในได้เป็นวันแรก ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้รับประทานอาหารค่ำอย่างมีความสุขกันเสียแล้ว แต่ข้าจะแสดงให้ได้เห็นว่าการฟาดสุนัขด้วยกระบองนั้นเป็นอย่างไร”
ฉินอวี้โม่หันไปกล่าวกับเถาเซี่ยวเซี่ยวและอีกสองคนก่อนก้าวออกจากภัตตาคารเป็นคนแรก
“พี่อวี้โม่ ท่านอย่ายั้งมือล่ะ สำหรับสุนัขน่ารังเกียจเช่นนี้ หากไม่สั่งสอนให้สาสมก็คงไม่รู้สำนึก บังเอิญว่าตอนนี้พวกเราก็กินอะไรไม่ลงแล้วเช่นกัน บางทีการได้รับชมเรื่องสนุก ๆ อาจจะเพิ่มความอยากอาหารของเราขึ้นมาก็เป็นได้”
เถาเซี่ยวเซี่ยวเกาะแขนฉินอวี้โม่และไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อยว่าฉินอวี้โม่จะพ่ายแพ้ต่อว่านอิ้งสง
เถียนซินและสวีเยว่เองก็เชื่อมั่นเช่นเดียวกัน ในเมื่อฉินอวี้โม่ตกปากรับคำท้าด้วยตนเองเช่นนี้ นางจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร เวลานี้ พวกนางเพียงต้องการชมการแสดงที่น่าสนใจด้วยความผ่อนคลายเท่านั้น…
ฉินเสี่ยวเยี่ยน ว่านหลิงเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ก็กังวลกันเล็กน้อย พวกนางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าฉินอวี้โม่จะตอบรับคำท้าของว่านอิ้งสง
แม้ในหอชั้นในจะมีกฎที่ห้ามมิให้ศิษย์ต่อสู้กันจนถึงแก่ชีวิต อย่างไรก็ตาม สำหรับบุรุษที่ไร้ยางอายเช่นว่านอิ้งสง เขาอาจจะใช้การดวลฝีมือครานี้เป็นโอกาสเพื่อสังหารฉินอวี้โม่ก็เป็นได้
และต่อให้เกิดเรื่องร้ายกับฉินอวี้โม่ ผู้อาวุโสรองว่านเจียงเหอก็จะออกหน้าปกป้องว่านอิ้งสงอย่างแน่นอนและเขาก็อาจจะไม่ได้รับบทลงโทษใด ๆ
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฉินอวี้โม่ตอบรับคำท้าด้วยความยินดี ฉินเสี่ยวเยี่ยนและคนอื่น ๆ ก็จะไม่ห้ามปรามนางเนื่องจากเชื่อว่านางมิใช่คนที่จะลงมือทำสิ่งใดโดยที่ไม่มั่นใจ บางทีฉินอวี้โม่อาจมีไพ่ตายที่ซ่อนไว้และมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะว่านอิ้งสงได้
ทว่าหากไพ่ตายนั้นไม่ได้ผลและฉินอวี้โม่ต้องตกอยู่ในอันตราย มันก็ไม่สายเกินไปที่พวกนางจะรวมพลังกันเพื่อต่อสู้และขัดขวางว่านอิ้งสง…