ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1029 ความสามารถสะท้านประมุข!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือเดียวเอียงฟ้า จักรวาลของโลกเบื้องหน้าพลิกคว่ำ

มุมหนึ่งในเขตแดนของมิติบนโลกซ้อนโลกบิดเบี้ยวและแตกร้าวอย่างลางเรือน

พลังที่บ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้หนังตาของประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ที่อยู่ฝ่ายเดียวกันกระตุก ‘นี่เป็นฝ่ามือที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนแสดงออกมาได้หรือ’

พลังที่พลิกเปลี่ยนทวิลักษณ์และคว่ำฟ้าดินเช่นนี้ ทำให้ดาวตกเพลิงที่สาดแสงอัสดงสี่สีที่มีจำนวนมหาศาลถูกหยุดอยู่กลางอากาศ ไม่อาจกระดิกกระเดี้ย

แสงสีบนผิวดาวตกเพลิงส่ายไหวไม่หยุด

ตอนแรกเป็นคลื่นน้ำที่แหลกสลาย ถัดจากนั้นดินเหลืองก็กลายเป็นฝุ่น ตามมาด้วยแสงม่วงที่ดับลง สุดท้ายปราณขาวก็อันตรธาน

‘รอยตราพลิกนภาไม่ควรมีอานุภาพแข็งแกร่งจนทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนคนหนึ่งทำลายสี่จริยะก่อนกำเนิดของจวงเซินได้กระมัง!’ ประมุขประจิมหลางชิงเห็นดังนั้นก็ตาเป็นประกาย ‘ฝ่ามือนี้ของเขาใช้คัมภีร์พลิกฟ้าเป็นพื้นฐาน อีกทั้งยังหลอมรวมแก่นแกนของวรนยุทธ์สะท้านโลกมากมายเข้าไปด้วย!’

ที่หลางชิงจำได้หลังจากมองเห็นแวบเดียว ก็เพราะมีวรยุทธ์ที่น่าอัศจรรย์อย่างเช่นคัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด คัมภีร์นภากาลเวลา และคล้ายกับยังมีสิบสองวิชาประกายกาฬอันเป็นการสืบทอดสายตรงของสำนักประกายกาฬด้วย

นี่ยังไม่จบ นอกจากนี้ยังมีวรยุทธ์อย่างอื่นอีก!

ประเด็นก็คือเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งอายุเท่าไร

เขาเพิ่งมีอายุไม่กี่สิบปี ไฉนจึงฝึกฝนและศึกษาวรยุทธ์มากมายขนาดนี้ แม้กระทั่งมีระดับลึกล้ำเช่นนี้ได้

แม้ประมุขประจิมหลางชิงที่มีประสบการณ์มากมายและเป็นผู้ทรงอำนาจคนหนึ่ง ในตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ ‘เซียนผู้ถูกเนรเทศ…หรือ’

พอสูญเสียการเสริมพลังจากสี่จริยะก่อนกำเนิด ดาวตกเพลิงเหล่านั้นเมื่อเผชิญกับรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอก็สูญสิ้นอานุภาพไป

เปลวไฟพากันมอดดับ กลายเป็นเยียบเย็นสุดขีดเพราะจิตวรยุทธ์ที่ครอบครองพลังอันแข็งแกร่งของทวิลักษณ์ขั้วตรงข้าม

ดาวตกเพลิงหลายลูกกลายเป็นน้ำแข็ง จากนั้นก็แหลกสลายไป!

โลกที่ก่อนหน้านี้ยังร้อนเร่าเหมือนกับนรกอัคคี ยามนี้กลายเป็นฟ้าน้ำแข็ง ดินหิมะ

สืบเนื่องจากหิมะน้ำแข็ง หงส์อมตะเพลิงตัวนั้นเหมือนกับสูญเสียความมีชีวิตชีวาไป

ประมุขทักษิณจวงเซินอาจจะเป็นคนที่รู้จักพลังของเยี่ยนจ้าวเกอดีที่สุดในหมู่คนที่อยู่รอบๆ

เขาเปลี่ยนกระบวนท่า หงส์อมตะเพลิงกระพือปีกบินสูงอีกครั้ง สี่จริยะหนุนนำ หมายจะยกฟ้าที่พังทลายขึ้น หยุดการเปลี่ยนแปลงของทิศทางที่พลิกคว่ำ

เยี่ยนจ้าวเกอไม่เปลี่ยนสภาวะฝ่ามือ อีกมือหนึ่งกำเป็นมุทรากระบี่ เล็งไปที่จวงเซิน ก่อนที่มังกรเขียวแผดเสียงคำรามทะยานออกมา

ถ้าหากมีเพียงแค่นี้ จวงเซินคงไม่นำพา ทว่าบนร่างของมังกรเขียวตัวนั้นกลับสาดประกายกระบี่สีแดงก่ำที่น่าพรั่นพรึงออกมาหลายสาย อำมหิตสุดเปรียบปาน หมายทำลายพลังชีวิต

ชั่วขณะนั้น เหมือนกับมังกรเขียวเสกพายุโลหิต ใต้เกล็ดทุกเกล็ดต่างมีเลือดทะลักออกมา

ปราณชีวิตที่โชติช่วงตอนนี้กลายเป็นปราณความตายสุดขีด มันผนึกกันเป็นกระบี่ คมกระบี่ชี้ไปยังจวงเซิน!

เป็นวรยุทธ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างขึ้นเอง สังหารมังกรเขียว!

จวงเซินได้รู้จักวิชากระบี่ชนิดนี้มาจากผู้ที่รอดจากสงครามบนเขามหาวิญญาณ และจำใส่ใจไว้

ในตอนนี้เมื่อเผชิญหน้าด้วยตัวเอง ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ ‘เป็นวิชากระบี่ที่น่ากลัวนัก เป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์แท้ๆ แต่เหตุใดถึงอำมหิตเหมือนกับกระบี่ผนึกเซียนสายเหนือพิสุทธิ์ได้!’

ไม่ใช่แค่จวงเซินเท่านั้น นักพรตเทียนอี้ ประมุขบูรพาก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

เทียบกับม้วนคัมภีร์ร่างหงส์อมตะของเนินต้นจักรพรรดิแล้ว คัมภีร์อายุวัฒนาอันเป็นวรยุทธ์ของอารามสูงส่ง หากเชิญหน้ากับท่าสังหารมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอ จะเสียเปรียบยิ่งกว่า

‘รอยตราพลิกนภาของเขาเมื่อครู่ไม่ได้กระตุ้นวิชาสายฟ้าชั่วพริบตาหรือวิชาที่กระตุ้น รวบรวม เผาไหม้ และระเบิดพลัง แต่ว่าเป็นพลังที่เขามีตอนลงมืออยู่แล้ว’

สิ่งที่ทำให้นักพรตเทียนอี้สนใจ ความจริงคือเรื่องนี้เอง

ตัวเขาบรรลุวิชาสายฟ้าชั่วพริบตา สามารถระเบิดพลังที่น่าทึ่งออกมาได้ช่วงสั้นๆ ดังนั้นตอนเห็นเยี่ยนจ้าวเกอปะทะกับจวงเซินตรงๆ ก็มีความสงสัยอยู่ในใจหลายส่วน

แต่ว่าตอนนี้พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือและกระบี่พร้อมกัน มือหนึ่งคือรอยตราพลิกนภา มือหนึ่งคือสังหารมังกรเขียว พอลงมือพร้อมกันต่างมีอานุภาพล้ำเลิศ นักพรตเทียนอี้ก็ทราบว่าการคาดเดาก่อนหน้าของตนผิดพลาด

คนหนุ่มที่อายุห่างจากเขามากตรงหน้าผู้นี้ สามารถใช้พลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด สู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขเช่นเขากับจวงเซินได้จริงๆ!

พอเห็นท่าสังหารมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอ แววตาของจวงเซินก็สั่นสะท้าน

ปราณขาวสายหนึ่งที่อยู่รอบๆ สั่นไหว เขากับร่างหงส์อมตะเพลิงประสานกัน พลันกลายเป็นเส้นอัคคีเรียวเล็กสายหนึ่ง หลบท่าสังหารมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอ

เส้นอัคคีหมุนรอบอากาศรอบหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

ตอนนี้มิติถูกเส้นอัคคีที่บ้าคลั่งนี้ตัดออกเป็นสองส่วน ตรงรูเป็นสีแดงแถบหนึ่ง

อากาศราวกับลุกไหม้ขึ้นมา รอยแตกของมิติยากจะสมาน

ท่าธารอัคคีแยกฟ้า เป็นไม้ตายระดับสูงสุดของดาบตาข่ายฟ้าปีกหงส์ ในเนินต้นจักรพรรดิมีแต่ประมุขทักษิณจวงเซินที่ฝึกฝนสำเร็จ

เยี่ยนจ้าวเกอวกท่าสังหารมังกรเขียวกลับมา เผชิญกับธารอัคคีแยกฟ้าของจวงเซินตรงๆ

จวงเซินที่แลกเปลี่ยนกับเยี่ยนจ้าวเกอหนึ่งกระบวนท่า แต่ไม่ได้เปรียบใดๆ ใช้ความสามารถเดิมอีกครั้ง เส้นอัคคีที่เกิดจากร่างของเขาเส้นนั้นทะลวงอากาศ หมายจะปัดประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ

แต่ว่าในมือของเยี่ยนจ้าวเกอพลันมีหีบกลืนฟ้ากลืนดินเพิ่มขึ้นมา

หีบกระบี่เปิดออก ประกายทมิฬสาดออกมา ก่อนจะมีกระบี่สำริดเล่มหนึ่งลอยขึ้นมาจากด้านใน

เยี่ยนจ้าวเกอจับกระบี่สำริด แล้ววาดเป็นวงกลมกลางอากาศ

ประกายทมิฬไหลเวียน พอครบวงก็กลายเป็นหลุมดำ แรงดึงดูดอันน่าพรั่นพรึงส่งมาจากด้านใน ดูดเส้นอัคคีเรียวเล็กนั้นไว้!

ปัจจุบันไม่เหมือนกับอดีต เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้สามารถใช้อานุภาพของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

จิตกระบี่ของกระบี่ปีศาจเทาเที่ยและท่าสังหารมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอประสานกัน

ด้านในหลุมขมุกขมัวสีดำที่น่ากลัวนั้น ไม่เพียงแต่มีแรงดึงดูดมหาศาลส่งมา ยังมีประกายโลหิตสีแดงก่ำกะพริบขึ้น อำมหิตถึงขีดสุด

ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้หลุมดำนี้เหมือนกับสัตว์ยักษ์อ้าปาก หมายกลืนฟ้ากลืนดิน เช่นนั้นในตอนนี้ก็ไม่เพียงแต่กลืนอีกฝ่ายเท่านั้น ยังคิดจะขย้ำอีกฝ่ายให้กลายเป็นธุลีด้วย!

เส้นอัคคีพองขยายออก กลายเป็นหงส์อมตะเพลิงอีกครา

ในมือของจวงเซินมีดาบยาวเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ลวดลายบนคมดาบราวกับขนหงส์ก็ไม่ปาน

เขายกดาบขึ้น ฟันใส่หลุมดำดาบหนึ่ง

จวงเซินมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้นเหมือนกับเลี่ยนจู่หลิน

อาวุธกับจอมยุทธ์สอดประสานไร้รอยต่อ พลังแข็งแกร่ง ส่งเสริมอานุภาพของกันและกัน

ประกายแสงของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเช่นอาภรณ์เต๋าครองสติและมงกุฎหงส์กู่ร้องสว่างขึ้นบนตัวของเยี่ยนจ้าวเกอ ปะทะกับจวงเซินไม่ยอมถอยหนี

พอเห็นมงกุฎหงส์กู่ร้องที่เดิมทีเป็นของจางซู่เหริน จวงเซินก็ปั้นสีหน้าเย็นชากว่าเดิม

เงาแสงหงส์เพลิงกางสองปีก จากนั้นก็หุบลง ฟาดใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอชี้คมกระบี่ ต้านสภาวะโจมตีของจวงเซินทันใด จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือออกกระบวนท่าขึ้นด้านบน ดวงอาทิตย์สีทองลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า แสงเจิดจ้าปรากฏ ดุจดั่งอาทิตย์กลางหาว!

เพราะการสาดส่องจากแสงอาทิตย์โชติช่วง แม้แต่ยอดฝีมือระดับประมุขก็ยังรู้สึกร้อนสุดทนทาน ผิวหนังเกิดความรู้สึกถูกเผาไหม้

เป็นตราประทับตะวัน หนึ่งในราชาท่ามกลางอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง!

ก่อนสงครามบนเขามหาวิญญาณและเขารอบวง ตอนที่พลังของเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่มีคนยอมรับ ก็มีคนมากมายกริ่งเกรง สงสัยว่าเขาปีนขึ้นระดับสะพานเซียนแล้วหรือไม่ เพราะจะมีพลังแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

สาเหตุอยู่ที่ตราประทับตะวัน!

เยี่ยนจ้าวเกอได้ร่างจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนมาแล้ว สามารถใช้พลังของตราประทับตะวันได้อย่างสมบูรณ์ และราชาแห่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงนี้เมื่ออยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุด เพียงแค่ร่วงลงใส่ ก็สังหารยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าได้สบายๆ!

ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุข มีร่างของมนุษย์เซียนแล้วเช่นพวกจวงเซินและหลางชิง หากรับการกระแทกจากตราประทับตะวัน ย่อมไร้จุดจบที่ดี!

………………..