ตอนที่ 1852 ลักขโมย

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้แบ่งออกเป็นสามขั้นย่อย คือข้ามผ่านแรกเริ่ม ข้ามผ่านขั้นสูง และข้ามผ่านสมบูรณ์

อสูรเฒ่าเงาโลหิตคือตัวตนระดับข้ามผ่านแรกเริ่ม และติดอยู่ในขั้นพลังนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เขาผ่านบาปเคราะห์แห่งสวรรค์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ระดับพลังก็ไม่เพิ่มขึ้นเสียที

เขามีความรู้สึกว่า ถ้าหากยังไม่ทะลวงผ่านขั้นพลังต่อไปล่ะก็ เขาจะไม่สามารถต้านทานบาปเคราะห์แห่งสวรรค์ครั้งต่อไปได้อย่างแน่นอน

ทำไมผมของเขาถึงเป็นสีขาวและหลุดร่วงจนแทบหมดหัวน่ะรึ? เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น และทำให้เขามีสภาพเหมือนคนชราแบบนี้ก็เพราะ บาปเคราะห์แห่งสวรรค์ ไม่เช่นนั้นหากเป็นรูปลักษณ์เดิมล่ะก็ ความหล่อเหลาของเขาจะสามารถดึงดูดสตรีงามได้นับพัน!

เพียงแต่พอนึกว่าจะต้องทะลวงผ่านขั้นพลัง เขาก็ไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่าจะ ผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไปแล้ว เพราะงั้นความหวังทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับยันต์ไม้ท้อผูกชะตา

แต่จะอย่างไรก็ตาม ทั่วยุทธภพนี้ยันต์ไม้ท้อผูกชะตากว่าเก้าในสิบส่วน ล้วนแต่อยู่ในมือของขุมอำนาจราชานิรันดร์ แถมยังเป็นราชานิรันดร์ระดับห้าขึ้นไปเสียด้วย เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะทำการขโมย

แต่เพราะชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย อสูรเฒ่าเงาโลหิตจึงสืบหาข้อมูลจากทุกสารทิศ จนได้รู้ว่าในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้มียันต์ไม้ท้อผูกชะตา!

จากที่ได้ยินว่าเห็นว่าในอดีต ราชาโอสถของเมืองวิถีโอสถสามารถหลอมเม็ดยาระดับราชานิรันดร์ได้สำเร็จ ราชานิรันดร์ไร้เทียมทานผู้หนึ่งจึงได้มอบยันต์ไม้ท้อผูกชะตาห้าอันให้แก่เขา

เนื่องจากราชานิรันดร์ผู้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ขุมอำนาจอื่นๆจึงไม่กล้ามีความที่จะ ลักขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตาทั้งห้า

เมื่อเวลาผ่านพ้นๆ ยันต์ไม้ท้อผูกชะตาของเมืองวิถีโอสถก็ถูกไปแล้วถึงสามอัน ซึ่งในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแค่สองเท่านั้น

ในความเป็นจริงเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดลักขโมย แต่เพราะชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย จึงมีแต่ต้องลองเสี่ยงดูเท่านั้น

แต่ไม่ว่าอย่างไรคนที่ลงมือขโมยก็ไม่ใช่เขาอยู่ดี ตราบใดที่ฆ่าปิดปากหลิงฮัน เรื่องราวก็จะไม่มีทางสาวมาถึงตัวเขาได้เด็ดขาด

“ยันต์ไม้ท้อผูกชะตาสามารถลดทอน อำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้หนึ่งระดับ” เฒ่าชรากล่าวอธิบายแก่หลิงฮัน “ในเมืองเมืองวิถีโอสถมียันต์ไม้ท้อผูกชะตาอยู่สองอัน ข้าต้องการแค่อันเดียวเท่านั้น เพราะงั้นอีกอันจึงยกให้เจ้า”

“เจ้ามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น พอที่จะบรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพาน แต่ก็คงไม่อาจรอดชีวิตจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้อยู่ดี เพราะงั้นเจ้าจึงจำเป็นต้องมียันต์ไม้ท้อผูกชะตามาช่วย”

อสูรเฒ่าเงาโลหิตพูดหลอกล่อหลิงฮัน โดยที่แท้จริงเขาตั้งใจจะครอบครองยันต์ไม้ท้อผูกชะตาเอาไว้เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว ถึงแม้อีกอันที่เหลือเขาจะไม่ได้ใช้ แต่มันก็สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างอื่นได้

แน่นอนว่าหลิงฮันไม่เก็บคำพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจ ถ้าหากเขาเชื่อคำลวงของเฒ่าชราผู้นี้ล่ะก็ หมูคงบินได้ไปแล้ว หลิงฮันไม่ได้กล่าวสิ่งที่คิดออกไปและเอ่ยถาม “แล้วรุ่นเยาว์จะไปขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาได้อย่างไร?”

สมบัติที่ล้ำค่าขนาดนั้น คิดว่าเขาจะขโมยมาได้ง่ายๆรึไง?

“เหอ เหอ ก็ใช้ประโยชน์จากชายหนุ่มที่เจ้าเพิ่งพบเมื่อครู่นี้ไงล่ะ” อสูรเฒ่าเงาโลหิตกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ชายหนุ่มที่เจ้าเพิ่งพบเจอเมื่อครู่คือผู้สืบทอด ที่มีโอกาสจะขึ้นครองตำแหน่งของเมืองวิถีโอสถมากที่สุด ซึ่งข้าได้แอบลอบคอยช่วยเหลือเขามาสักระยะแล้ว”

หลิงฮันเข้าใจได้ในทันทีว่า อีกฝ่ายคิดจะให้เขาพึ่งพาอำนาจของหลู่เซียนหมิง ในการขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตา

หลู่เซียนหมิงที่จะได้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคต ย่อมมีโอกาสเข้าสู่ห้องสมบัติอย่างแน่นอน

“เจ้าจงไปพบหลู่เซียนหมิง และติดตามเขาเพื่อช่วยให้เขาเป็นผู้ครองบัลลังก์ในอนาคต เมื่อใดที่เจ้ามีโอกาสได้เข้าสู่ห้องสมบัติ เจ้าจะต้องฉวยโอกาสขโมยขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาให้ได้” ชายชรากล่าว

“ข้าให้เวลาเจ้าสิบล้านปี หากถึงเวลานั้นแล้วเจ้ายังนำยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าไร้ความเมตตา”

เขากล่าวประโยคสุดท้ายออกมา ด้วยท่าทางเหี้ยมโหด

หลิงฮันถอนหายใจและครุ่นคิด เขาเองก็ต้องการยันต์ไม้ท้อผูกชะตาอยู่จริงๆ ซึ่งไม่ใช่แค่อันเดียว แต่ยังต้องการอีกอันมาให้กับจักรพรรดินีด้วย

เขาตัดสินใจก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะพยายาม”

“ไม่ใช่จะพยายาม แต่เจ้าต้องทำให้สำเร็จถ้าไม่อยากตาย!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตตบไหล่หลิงฮันต่อ ทุกครั้งที่ถูกฝ่ามือสัมผัส พลังงานบางอย่างก็ค่อยๆไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายของหลิงฮัน

“ข้าตั้งเวลาที่คำสาปจะทำงานเอาไว้แล้วสิบล้านปี แต่เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ลืมภารกิจและเร่งทำงานให้แก่ข้า คำสาปอสูรทมิฬอาฆาตที่ข้าตั้งไว้จึงจะปลดปล่อยอำนาจออกมาทุกๆปี” อสูรเฒ่าเงาโลหิตดึงมือกลับก่อนจะเผยสีหน้าแปลกประหลาด เขาสัมผัสได้ว่าหลิงฮันมีอะไรบางอย่างอยู่ในร่างกายแน่นอน

เพียงแต่ตอนนี้ชีวิตของเขาสำคัญกว่า รอให้ได้ยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาก่อน แล้วค่อยสังหารเจ้าหนูนี่และตรวจสอบก็ไม่สาย

“นี่คือแผนที่ที่ข้าทำสัญลักษณ์ระบุตำแหน่งของเมืองเอาไว้ รีบๆออกเดินทางได้แล้ว!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตสะบัดมือสั่งหลิงฮัน

หลิงฮันเริ่มออกเดินทาง ด้วยสภาพที่ไม่อาจสงบจิตสงบใจได้

ไม่ว่าอย่างไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องหาวิธีจักการกับคำสาปอสูรทมิฬอาฆาต ภายในร่างกายให้ได้เสียก่อน

ไม่รู้ว่าอำนาจของหอคอยทมิฬจะได้ผลรึเปล่า

แต่เพราะอสูรเฒ่าเงาโลหิตอาจจะสงสัยขึ้นมาได้ อย่าเพิ่งใช้งานหอคอยทมิฬไปสักพักจะดีกว่า

เมืองวิถีโอสถอยู่ในระยะทางที่ห่างออกไปไกลมาก แต่โชคดีที่หลิงฮันมีมังกรอินทรีอยู่กับตัว เขานำมันออกมาจากหอคอยทมิฬพร้อมกับปลุกให้ตื่น และมุ่งหน้าสู่เมืองวิถีโอสถตามแผนที่

เขารู้ว่าอสูรเฒ่าเงาโลหิตจะต้องแอบตามมาแน่นอน ในกรณีที่เขาคิดหนี อีกฝ่ายจะทำการกระตุ้นคำสาปอสูรทมิฬอาฆาตในทันที

หลิงฮันออกเดินอยู่นานหนึ่งเดือน ก่อนที่เมืองขนาดมหึมาจะปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า

ขุมอำนาจสี่ดาว เมืองวิถีโอสถ!

เมืองทั้งเมืองถูกสร้างเป็นรูปทรงของเตาหลอม และมีรูปแบบค่ายกลอาคมจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมเอาไว้เพื่อคุ้มกันเมือง ภายใต้ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ เกรงว่าค่ายกลอาคมนี้สมควรเป็นการป้องการที่ไร้เทียมทานที่สุด ในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก

หลังจากที่เข้าสู่เมืองไปได้แล้ว อสูรเฒ่าเงาโลหิตคงไม่กล้าไล่ตามหลิงฮันอีกต่อไป

เพราะเมื่อใดที่จอมยุทธทรงพลังเข้าสู่เมือง จอมยุทธผู้นั้นจะดึงดูดความสนใจและถูกจับตามองจากทั่วทั้งเมืองวิถีโอสถ หากดูจากฉายาของชายชราที่ถูกเรียกว่า ‘อสูรเฒ่า’ แล้ว อีกฝ่ายคงเป็นเป้าหมายของผู้คนจำนวนมาก และไม่กล้าโผล่หน้าออกมาง่ายๆ เพราะกลัวว่าจะถูกรุมทุบตีอย่างแน่นอน