บทที่ 828 ไม่ใช่แค่เหรียญทองกับเหรียญเงิน

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 828 ไม่ใช่แค่เหรียญทองกับเหรียญเงิน Ink Stone_Fantasy

อาหารค่ำที่บัตเลอร์พาฉินสือโอวไปทาน เป็นถนนที่ขายอาหารว่างสายหนึ่ง และไม่ใช่ร้านอาหารระดับไฮเอนด์ในโรงแรมขนาดใหญ่

แน่นอนว่า ที่นี่กับถนนสายนั้นที่นครเซนต์จอห์นมีความแตกต่างจากแผงลอยขายอาหารว่าง และเป็นถนนสายหนึ่งที่เต็มไปด้วยร้านอาหารชั้นเลิศที่มีสไตล์อาหารที่หลากหลาย

อาหารกลางวันกับอาหารค่ำในอีกไม่กี่วันต่อมา ฉินสือโอวพาพวกชาวประมงมาทานอาหารที่ถนนสายนี้เพื่อลิ้มรสความอร่อยของอาหารทุกชาติ

ที่ร้านอาหารเวลบาเล็น เขาดื่มน้ำผลไม้กลิ่นวานิลลาของท้องถิ่นจากเมืองไมอามี กินข้าวผัดมะพร้าวกับปลาจานแดงสไตล์เอเชีย

ที่ร้านอาหารพิจเจิน ภายในร้านอาหารขนาดเล็กที่ขายอาหารสวิตเซอร์แลนด์เป็นหลักแห่งนี้ เขาได้ลิ้มรสเนื้อแกะสับสไตล์สวิตเซอร์แลนด์ สเต๊กเนื้อนุ่มซาบีน่ากับเป็ดย่างในซอสส้มทั้งตัว

สุดท้ายคือร้านอาหารวิชชิ่ง รสชาติจะผสมกันระหว่างอาหารสไตล์ลาตินอเมริกากับอาหารสไตล์เขตร้อน รสชาติของแตงโม ผักชี เมล็ดงา กุ้ง และหอยย่างถ่านราดด้วยน้ำเห็ดหอมรมควันนั้นยอดเยี่ยมมาก ฉินสือโอวกับพวกชาวประมงมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้มาทาน

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะสั้นเสมอ พวกเขาขึ้นฝั่งมาได้สี่วัน บิลลี่ก็โทรศัพท์มาว่า “ฉิน ฉันกู้ของที่มีประโยชน์ขึ้นมาได้ นายรีบมาดูเถอะ”

ฉินสือโอวบอกลาบัตเลอร์ และขับเรือกลับไปที่น่านน้ำเบอร์มิวด้าเพื่อไปดู ‘ของมีประโยชน์’ ที่บิลลี่พูดถึง

บิลลี่ทำงานด้วยความเฉียบขาดและรวดเร็ว ใช้เวลาแค่สี่วันกว่า เขาก็กู้ซากเรืออับปางทั้งสองลำได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งของมีค่าเกือบทั้งหมดก็ถูกกู้ขึ้นมาด้วย

เมื่อขึ้นไปบนเรือกอบกู้ สิ่งแรกที่ฉินสือโอวเห็นคือเหรียญทองกับเหรียญเงินกองใหญ่ที่เจ้าหน้าที่กำลังจัดการ

เป็นอย่างที่เขากังวล เหรียญทองกับเหรียญเงินพวกนี้กลายเป็นสนิมไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหรียญหลายเหรียญที่ติดอยู่ด้วยกัน

บิลลี่เดิมเข้ามากอดฉินสือโอว ฉินสือโอวส่งกล่องเก็บความร้อนให้เขาและพูดว่า “ข้างในเป็นเป็ดย่างสไตล์จีนจากพวกเรา รีบเอาไปอุ่นกินเถอะ ฉันเดาว่าหลายวันมานี้อาหารที่นายกินในทะเลคงจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก”

เมื่อบิลลี่ได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันทีและพูดว่า “เพื่อนที่แสนดีของฉัน ฉันรักนายมากจริงๆ นายคงไม่รู้ว่าหลายวันมานี้อาหารที่ฉันกินมีแต่อาหารขยะทั้งนั้น! แฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิช พิซซ่า พาสต้า มีแต่อาหารขยะพวกนี้ อาหารพวกนี้!”

เมื่อเปิดกล่องเก็บความร้อนออก บิลลี่ก็ไม่ได้เอาไปอุ่น เขาฉีกเนื้อเป็ดย่างเป็นชิ้นเล็กพอดีคำและจิ้มซอสกินในทันที นอกจากเป็ดย่าง ฉินสือโอวยังเอาอาหารรสเลิศ เช่นลูกชิ้นสี่สุขกับสเต๊กเนื้อวัวสไตล์เม็กซิโกมาด้วย ทั้งหมดเป็นอาหารที่ห่อมาจากถนนอาหารว่าง ข้างในกล่องแช่แข็งก็ยังมีอาหารอยู่อีกกอง

ของพวกนี้สามารถแช่แข็งและนำไปอุ่นได้ รสชาติอาจจะต่างไปเล็กน้อย แต่นั่นก็อร่อยกว่าแฮมเบอร์เกอร์กับพิซซ่าเยอะ

ฉินสือโอวเดินไปดูเหรียญทองกับเหรียญเงิน เขาหันกลับมาส่ายหน้าและพูดว่า “ดูเหมือนว่าของพวกนี้จะขายได้เงินไม่เท่าไร”

ภายในปากของบิลลี่เต็มไปด้วยสเต๊กเนื้อวัว เขาก่นด่าออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า “สหรัฐอเมริกาแม่งโคตรห่วย โรงงานทำเหรียญก็โคตรขยะ พวกเขาแอบลดวัสดุกับขั้นตอนการผลิตลงอย่างแน่นอน! ฟัค ปริมาณของทองแดงกับเหล็กที่อยู่ในเหรียญทองกับเหรียญเงินพวกนี้ต่ำเกินค่ามาตรฐาน ไม่งั้นคงไม่กลายเป็นสนิมแบบนี้!”

ฉินสือโอวถามว่า “เหรียญทองกับเหรียญเงินจะขายได้ประมาณเท่าไร?”

บิลลี่กลืนสเต๊กเนื้อวัวลงไปและคิดทบทวน “ยี่สิบล้านมั้ง? ต้องดูช่องทางของเบลค ถ้าช่องทางดีก็อาจจะเพิ่มสองเท่า ก็เป็นสี่สิบล้าน ถ้ารวมทุกงานประมูลก็คงได้สักยี่สิบล้าน”

“ดอลลาร์แคนาดาเหรอ?”

“ดอลลาร์สหรัฐสิ”

ฉินสือโอวตกตะลึง “จะได้ราคามากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

บิลลี่หัวเราะออกมา เขาพาฉินสือโอวไปที่ห้องกัปตันเรือและเปิดตู้เซฟ ข้างในคือเหรียญทองกับเหรียญเงินที่กองเป็นระเบียบกองหนึ่ง เหรียญพวกนี้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี บางเหรียญเป็นสนิมนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าสภาพยังดีอยู่

“เหรียญที่ฉันพูดถึงคือเหรียญพวกนี้ พวกมันถูกเก็บรักษาไว้นานกว่า 250 ปีมาแล้ว เหรียญหนึ่งก็มีค่าอย่างน้อยหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐ!” บิลลี่พูดอย่างพึงพอใจ

แต่ทันใดนั้น เขาก็ไม่มีความสุขอีกครั้ง “ฟัค ถ้าเหรียญทองที่กู้ขึ้นมาถูกปกป้องไว้เป็นอย่างดี เพื่อนรัก ครั้งนี้พวกเราคงจะทำกำไรได้มากกว่าห้าร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ!”

บิลลี่กัดฟันพูดด้วยความขุ่นเคือง เขาหันมาด่าโรงงานทำเหรียญที่ใจดำเกินไป นึกไม่ถึงว่าจะใช้ทองแดงกับเหล็กหลอมเป็นทองกับเงินเพื่อหลอกลวงผู้เสียภาษี

ฉินสือโอวรู้สึกพึงพอใจจึงถามว่า “นี่ไม่เลวเลย เพื่อน ยี่สิบล้านดอลลาร์สหรัฐยังไม่พออีกเหรอ?”

บิลลี่หัวเราะออกมาและพูดว่า “ไม่พอแน่นอน ฉิน ไม่พอแน่นอน! พระเจ้าก็คงรู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาถึงนำของอีกอย่างที่ไม่เลวมาให้พวกเรา มาสิ ไปเปิดตาของนายกับฉัน!”

ฉินสือโอวคิดว่าของที่ไม่เลวที่บิลลี่พูดถึงคือเหรียญทองกับเหรียญเงิน ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้น

ทั้งสองคนเดินไปที่ดาดฟ้าเรือ ซึ่งมีหีบขนาดใหญ่ใบหนึ่งที่มีขนาดยาว 5 ถึง 6 เมตร กว้างกับสูงประมาณ 2 เมตรกว่าถูกกันน้ำด้วยผ้าใบกันน้ำที่ปกคลุมเอาไว้ บิลลี่สั่งให้คนดึงผ้าใบออก ข้างใต้ผ้าใบกันน้ำเป็นหีบโปร่งใสใบหนึ่ง และข้างในหีบมีรูปปั้นไม้ขนาดใหญ่ที่ใช้พลาสติกห่อเอาไว้อยู่

ไม้แกะสลักสีดำทั้งแท่ง ความยาวประมาณ 4 เมตร เหมือนกับงูเหลือมตัวหนาตัวหนึ่ง แต่รูปร่างแปลกมาก หัวเหมือนจระเข้ แต่มีหูที่เหมือนกับม้า ฟันที่เหมือนกับใบมีด บนหัวยังมีเขาที่แหลมคมและยาวอยู่ด้วย บนตัวก็มีเกล็ดที่หยาบ ใต้คางแกะสลักเป็นวงกลมคล้ายกับแผงคอของสิงโต

“นี่คืออะไร?” ฉินสือโอวถาม เขามองว่าของชิ้นนี้ก็คือสัตว์สี่ชนิดที่แตกต่างกัน มันดูดำมืดจนทำให้ผู้คนรู้สึกกลัว ไม่เห็นว่าจะมีค่าตรงไหน

บิลลี่ตบหีบด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า “พูดออกไปนายก็คงไม่เชื่อแน่นอน เพื่อน นี่คือเครื่องเสาหัวเรือ! นายรู้จักเครื่องเสาหัวเรือไหม? โอ้ แน่นอนสิ ฉันนี่พูดอะไรไร้สาระ นายต้องรู้จักของสิ่งนี้แน่นอนอยู่แล้ว ใช่ นี่ก็คือเครื่องเสาหัวเรือเมื่อ 500 ปีก่อน!”

มองดูก็รู้ว่าของสิ่งนี้คงจะมีมูลค่าอย่างมาก หลังจากที่บิลลี่มองมันก็พูดเรื่องไร้สาระออกมาด้วยความตื่นเต้น

ฉินสือโอวบอกให้เขาใจเย็น และให้เขาอธิบายสักหน่อยว่าเครื่องเสาหัวเรือมีอะไรพิเศษ “พิเศษแน่นอน! เพื่อน พิเศษแน่นอน! รู้ไหมว่าเครื่องเสาหัวเรืออันนี้ปรากฏขึ้นมาครั้งแรกตอนไหน? ตอนนั้นเลโอนาร์โด ดา วินชีกับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสยังมีชีวิตอยู่เลย!”

บิลลี่ตบไปที่หีบทีหนึ่ง เมื่อถึงใจกลางก็ให้ฉินสือโอวเข้ามาดู “ดูสิว่า ที่แกะสลักด้านบนนี้คืออะไร?”

ฉินสือโอวมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้านหลังของเครื่องเสาหัวเรือแกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษไว้ว่า ‘กริบฮันเดน’

“หมายถึงอะไร?” เขาไม่รู้ความหมายของภาษาอังกฤษประโยคนี้จริงๆ

บิลลี่พูดว่า “นี่คือชื่อของเรือที่เป็นที่ตั้งของเครื่องเสาหัวเรือ เรือกริบฮันเดน เมื่อสมัยศตวรรษที่ 15 ชื่อของเรือธงในกองทัพเรือของกษัตริย์จอห์น แห่งนอร์เวย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด!”

“ฉันเคยตรวจสอบข้อมูลแล้ว บนเรือกริบฮันเดนมีเครื่องเสาหัวเรือแบบนี้อยู่จริงๆ ตอนนั้นมันมีชื่อเสียงมาก เครื่องเสาหัวเรือนี้ถูกเรียกว่า ‘อสูรของกษัตริย์’”

“แต่เรือลำนี้จมลงไปที่ก้นมหาสมุทรภายในกองเพลิง เมื่อปี 1495 เครื่องเสาหัวเรือก็หายไปทันทีหลังจากนั้น ทุกคนต่างก็คิดว่ามันถูกเผาไปแล้ว แต่ในตอนนั้นก็เป็นยุคสมัยที่วุ่นวายมากเพราะมีสงครามเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เรือลำนี้เป็นเรือที่ถูกเผาตรงท่าเรือ นั่นเป็นภัยพิบัติที่เกิดจากทั้งธรรมชาติและฝีมือของมนุษย์ ไฟเผาไหม้เรือทุกลำที่อยู่ตรงท่าเรือ ทำให้กษัตริย์จอห์นผิดหวังกับแผนการที่จะรวมเดนมาร์ก นอร์เวย์และสวีเดน เพื่อเปลี่ยนประวัติศาสตร์ยุคกลางของทวีปยุโรป!”

“เพื่อน ตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่กับสิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์! โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันไม่เพียงแค่เป็นหลักฐานจากการไฟไหม้ที่เดนมาร์กในครั้งนั้น แต่ยังเป็นหลักฐานที่แสดงถึงอำนาจของกองทัพเรือสหรัฐอีกด้วย!”

ฉินสือโอวเข้าใจเรื่องนี้แล้ว เครื่องเสาหัวเรืออันนี้กู้ขึ้นมาจากเรือธง ‘ดาบแห่งพระอัลเลาะห์’ ของโจรสลัด เขาคาดเดาว่าพวกโจรสลัดก็ไม่รู้ว่าได้มันมาอย่างไร และติดเครื่องเสาหัวเรือไว้บนเรือธงเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้แก่ศัตรู ผลคือตอนนี้มันกลายเป็นของเชลยศึกของพวกเขาแล้ว

“งั้นมันมีมูลค่าเท่าไร?” ฉินสือโอวยังค่อนข้างให้ความสนใจกับเรื่องนี้

……………………………………………