ตอนที่ 1857 ครบเวลา

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“หลิวอวี้ เจ้าคงไม่ได้ถูกใครแทงก้นจริงๆหรอกสินะ?” ซุนตงมองไปยังหลิวอวี้ ซึ่งท่าทางของอีกฝ่ายดูจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

ใบหน้าของหลิวอวี้กลายเป็นแดงฉานด้วยความโกรธทันที

“ฮ่าๆๆ!” ซุนตงหัวเราะลั่น โดยไม่สนว่าหลิวอวี้จะรู้สึกอย่างไร

คนอื่นๆภายในโรงโสเภณีไม่กล้าหัวเราะ แต่ละคนทำได้เพียงพยายามใช้มือปิดปากตนเองเอาไว้

“หลิวอวี้ ข้าไม่นึกเลยจริงๆว่าเจ้าจะมีรสนิยมแบบนี้!” ซุนตงเอ่ยกล่าว คำพูดของเขาไม่ใช่คำชมอย่างแน่นอน

หลิวอวี้รีบแก้ตัว “นายน้อยตงกำลังเข้าใจผิด ข้าถูกรังแกมาต่างหาก ท่านต้องแก้แค้นให้กับข้า!”

หลิวอวี้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกไปอย่างหน้าไม้อาย เขาไม่ได้บอกว่าในตอนนั้นเขาทำตัวหยิ่งยโสขนาดไหน แต่เน้นเล่าไปที่เรื่องของความงดงามของสตรีนกอมตะ และความอวดดีของหลิงฮัน

“โอ้?” ซุนตงรู้สึกสนใจขึ้นมา “ในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ มีคนที่อวดดีขนาดนั้นอยู่ด้วยงั้นรึ? อีกอย่าง เจ้าแน่ใจนะว่าสตรีผู้นั้นงดงามอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ?”

“งดงามเหมือนดั่งที่ข้ากล่าวไปแน่นอน!” หลิวอวี้กล่าวรับประกัน

ซุนตงดีดนิ้วและกล่าว “ดี นำข้าไปเลย”

หลิวอวี้ตื่นเต้นและรีบนำทางซุนตงไปทันที

เพียงแต่ว่าเมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย หลิงฮันก็เข้าสู่ห้องบ่มเพาะกาลเวลาไปแล้ว ซึ่งทั้งสองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากไต่ถามว่าระยะเวลาใช้ห้องของหลิงฮันคือเท่าไหร่ และค่อยกลับมาในภายหลัง

……

ที่ด้านในห้องบ่มเพาะกาลเวลา หลิงฮันนำเตาหลอมออกมาและทำการหลอมเม็ดยา

ถึงแม้จะเป็นเม็ดยานิรันดร์ระดับต่ำสุด ก็ยังจำเป็นต้องมีส่วนผสมเป็นสมุนไพรนิรันดร์ แต่จำนวนที่จำเป็นต้องใช้นั้นไม่มีขั้นต่ำ เพราะงั้นขอแค่ใช้เศษเสี้ยวสมุนไพรนิรันดร์เป็นส่วนผสมหลัก และใช้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทดแทนส่วนต่าง ก็ย่อมสามารถหลอมเม็ดยานิรันดร์ขึ้นมาได้ แต่แน่นอนว่ายิ่งใช้สมุนไพรนิรันรด์จำนวนมากเท่าไหร่ คุณภาพของเม็ดยาก็จะยิ่งสูงขึ้น

หลิงฮันเพิ่งเริ่มหลอมครั้งแรก เขาจึงไม่ใช่สมุนไพรนิรันดร์ในปริมาณที่มากเกินไป เพราะการหลอมเม็ดยาในครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องล้มเหลวอยู่แล้ว เป้าหมายของหลิงฮันคือต้องการสะสมประสบการณ์จากความผิดผลาด และพัฒนาการหลอมครั้งต่อไปให้สำเร็จ

หลังจากปล้นชีพสมบัติของผู้สืบทอดมากมาย มากจากเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง ตัวเขาในตอนนี้ถือว่ามีความมั่งคั่งอย่างมาก สมุนไพรนิรันดร์ที่เขาครอบครองอยู่มีถึงสี่ต้น โดยที่สามในสี่คือสมุนไพรจากAnchorจื่อเหอปิงอวิ๋นและลั่วAnchorจ่างเฟิง

มั่งคั่งสมกับเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจราชานิรันดร์จริงๆ แต่สมุนไพรนิรันดร์เองก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับเช่นกัน โดยประเมินจากอายุและธาตุ ยิ่งเป็นสมุนไพรนิรันดร์ห้วงมิติ หรือสมุนไพรนิรันดร์ห้วงเวลา คำล้มค่าจะยิ่งมีมากขึ้น

หลิงฮันนำสมุนไพรนิรันดร์ออกมาหั่นส่วนเล็กๆออกมาอย่างระมัดระวัง เขาโยนเศษสมุนไพรลงไปในเตาหลอม พร้อมกับโคจรเพลิงเก้าสวรรค์เพื่อหลอมเม็ดยา

เมื่อถึงคุณสมบัติในการหลอมเม็ดยาแล้วล่ะก็ หลิงฮันถือว่าได้เปรียบกว่านักปรุงยาทุกคนเนื่องจากเขามีเพลิงเก้าสวรรค์!

สิ่งสำคัญที่สุดในศาสตร์ปรุงยาคือทักษะการควบคุมเพลิง เนื่องจากเพลิงเก้าสวรรค์เป็นถึงหนึ่งในเก้าเพลิงบรรพบุรุษ นักปรุงยาที่จะเทียบเคียงกับเขาได้ ก็คือนักปรุงยาอีกแปดคนที่ครอบครองเพลิงบรรพบุรุษเหมือนกัน

แต่ในหมู่นักปรุงยาคิดว่าจะมีสักกี่คนที่ครอบครองเพลิงบรรพบุรุษ? เกรงว่านอกจากเขา ก็คงไม่มีเลย

‘พรึบ’ เมื่อเพลิงเก้าสวรรค์ถูกจุด หลิงฮันก็โยนสมุนไพรชนิดอื่นๆลงไปยังเตาหลอมอย่างไม่เสียดาย เพราะในดินแดนแห่งเซียนแห่งนี้ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นั้นเรียกได้ว่าแทบจะไร้ค่า

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน เตาหลอมก็ระเบิด

ล้มเหลว…

หลิงฮันหยุดมือและเข้าสู่หอคอยทมิฬ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่ล้มเหลว

“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทักษะในการหลอมของข้า แต่ปัญหาอยู่ที่เตาหลอม”

“เพลิงเก้าสวรรค์ทรงพลังเกินไป จนเตาหลอมต้านทานไม่ไหว”

เพียงแต่ว่าตอนนี้หลิงฮันก็ไม่ได้มีเตาหลอมที่คุณภาพดีกว่านี้ เขาจึงทำได้เพียงนำเตาหลอมแบบเดิมออกมาอีกอัน และฝึกฝนหลอมเม็ดยาต่อไป

สองเดือนต่อมา ‘ตูม’ เตาหลอมก็เกิดการระเบิดอีกครั้ง

หลิงฮันใช้เวลาวิเคราะห์ไม่นาน ก็นำเตาหลอมอันใหม่ออกมาและหลอมเม็ดยาต่อ

เวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน การหลอมเม็ดยาก็ล้มเหลวอีกครั้ง ต่อให้เขาจะมีศักยภาพเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยา แต่เส้นทางที่จะหลอมเม็ดยานิรันดร์ได้สำเร็จ ก็ยังเต็มไปด้วยขวากหนามอยู่ดี เพียงอุปสรรคเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้เลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน มันทำให้เขารู้สึกท้าทายเสียด้วยซ้ำ

หลิงฮันหลอมเม็ดยาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนระยะเวลาห้าเดือนภายในห้องบ่มเพาะกาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และประตูห้องก็เปิดออกเอง

“หลังจากผ่านมาหนึ่งเดือน คำร้องขอเข้าสู่อาณาเขตเมืองส่วนที่สองของข้า สมควรจะถูกอนุมัติเรียบร้อยแล้ว หากไปอาณาเขตที่สองคุณภาพของห้องเร่งเวลาก็จะสูงขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้ามั่นใจว่าภายในระยะเวลาหนึ่งปี ข้าจะกลายเป็นนักปรุงยาระดับนิรันดร์ได้แน่นอน”

หลิงฮันลุกขึ้นยืนและออกจากห้อง แต่ทันทีที่ออกมา เขาก็พบเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังยืนรอเขาอยู่นอกประตู แต่แทนที่จะเรียกว่ายืนรอ เรียกว่ายืนขวางทางอยู่น่าจะเหมาะสมกว่า

หนึ่งในสองคนคือหลิวอวี้!

ส่วนชายหนุ่มอีกคนนั้น หลิงฮันไม่รู้จักแม้แต่น้อย และก็ไม่สนใจที่จะรู้จักด้วย

“เจ้า!” เมื่อหลิวอวี้เป็นหลิงฮัน เขาก็กัดฟันอย่างเกรี้ยวกราดทันที แม้เวลาจะผ่านไปสักพักแล้วแต่ก้นของเขาก็ยังไม่หายดี เนื่องจากแท่งไผ่ที่แทงเข้ามาในก้นของเขา หลิงฮันได้ผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เอาไว้ด้วย กว่าแผลจะหายดีก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือน

หลิงฮันชะเลืองมองไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “ก้นของเจ้าไม่เป็นอะไรแล้วรึ?”

ปลอดภัยน้องสาวเข้าสิ! เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกรึ!

หลิวอวี้เกรี้ยวกราด แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮัน เขาจึงรีบกล่าวกับซุนตง “นายน้อยตง ขนาดท่านอยู่ที่นี่แท้ๆ แต่หมอนั่นก็ยังทำตัวอวดดีราวกับไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา!”

ซุนตงไม่คิดจะยับยั้งอารมณ์ เขาแหวกเสื้อคลุมยาวเผยกล้ามอกที่ปกคลุมไปด้วยขนหนาสีดำ และจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาเย็นชา “เจ้าหนู เจ้ากล้าดูหมิ่นข้าผู้นี้งั้นรึ?”