ดาบแสงมากมายนั้นพุ่งผ่านห้วงมิติป้องกันการโจมตีทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่านี่มันแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!
เย่หยวนนั้นเริ่มจะโจมตีสวนกลับ!
ดาบที่รุนแรงล้ำนั้นพุ่งผ่านไปทุกแห่งในกรงนั้น
คลื่นดาบมันพุ่งทะยานอย่างไร้การขัดขวาง!
ภายใต้การผสานของสองพลังต้นกำเนิดนั้นพลังของแต่ละดาบที่พุ่งผ่านไปมันย่อมรุนแรงล้ำ
แม้แต่ยอดคนทั้งสิบเจ็ดนั้นก็ไม่กล้าจะปะทะมันตรงๆ
เย่หยวนนั้นรับการโจมตีของทุกผู้คนและเริ่มที่จะขยายขอบเขตของค่ายกลดาบออกไป
การขยายของเขานั้นไม่ช้าไม่เร็ว แต่ละเมตรที่ขยายออกไปนั้นมันหนักแน่นอย่างถึงที่สุด
“อย่าได้ถูกค่ายกลดาบนี้กลืนเข้าไป! ไม่เช่นนั้นเราคงจบสิ้นแน่!” ผางเจิ้นร้องบอก
เด็กชะตาไร้คาดเดาอีกคนหนึ่งตอบสวนขึ้น “ข้ารู้! แต่ข้าทนรับมันไม่ไหวแล้ว!”
พวกเขาทั้งหลายนั้นต่อสู้มาอย่างดุเดือดใช้ทุกสิ่งอย่างที่มีออกมา
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังไม่อาจจะหยุดการขยายค่ายกลของเย่หยวนไว้ได้
จนสุดท้ายค่ายกลดาบรับแสนเล่มนั้นมันได้กลืนพื้นที่ของกรงไปทั้งหมด ครอบคลุมให้ทุกสิ่งอยู่ภายใต้ค่ายกลดาบนั้น
เมื่อถูกกลืนเข้ามาสู่ภายในค่ายกลดาบแล้วแรงกดดันที่คนทั้งสิบเจ็ดได้รับมันก็พุ่งทะยาน ต้องตั้งสติเตรียมรับดาบที่จะพุ่งมาจากทุกทิศทางไว้เสมอ
ค่ายกลดาบนี้มันคือโลก!
เย่หยวนนั้นเป็นสุดยอดเจ้าผู้ครองดินแดนนี้!
ตั้งแต่เริ่มการป้องกันในตอนแรกจนถึงเวลาที่ถูกกลืนเข้ามานี้ เย่หยวนค่อยๆ เอาเปรียบไปจนแทบจะได้ชัยไว้ในมือ
เวลานี้มันจึงได้เวลาสังหาร!
การถูกขังไว้ในค่ายกลดาบนิพพานแท้เช่นนี้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างย่อมถูกแยกตัดขาดจากกันทำให้การโจมตีผสานใดๆ ไม่อาจทำได้อีกต่อไป
เวลานี้พวกเขาทั้งหลายจึงทำได้แค่ป้องกันตัว!
ฉัวะ!
วินาทีนั้นมันก็มีดาบพุ่งผ่านร่างของคนผู้หนึ่งจนขาดท่อน
ยอดฝีมือเด็กชะตาไร้คาดเดาคนแรกได้ตายลง!
เมื่อมีคนแรก มันก็ย่อมจะมีคนที่สอง ที่สาม ที่สี่ตามมา
เวลานี้ยอดคนทั้งสิบเจ็ดนั้นค่อยๆ ตายลงไปทีละคนๆ
พร้อมๆ กันนั้นความหวาดกลัวมันก็พุ่งทะยานขึ้นมา
เพราะการกดดันของเย่หยวนนี้มันเหนือล้ำเกินกว่าใครจะทนรับได้!
ค่ายกลดาบนี้มันเฉียบคมจนไม่มีช่องว่างใดๆ ให้ใช้หลบรอด!
ไม่นานนักเย่หยวนก็ได้หันกำลังส่วนมากไปหาตัวยูถันจื่อ
ยูถันจื่อนั้นเก่งกาจไม่ด้อยกว่าว่านเจิ้น
แต่เจ้าหมอนี่มันคิดล่อให้คนหันมาจัดการเขาก่อน คิดให้คนทั้งหลายร่วมมือกันกำจัดเขาลง
ความแค้นนี้เย่หยวนได้จดจำไว้แล้ว
ในเมื่อเจ้าคิดอยากให้คนอื่นช่วยกำจัดข้าลง เช่นนั้นก็จงไม่ต้องได้สิบยอดสมบัติสืบทอดไปเถอะ!
จู่ๆ ตัวยูถันจื่อก็ต้องเบิกตากว้างด้วยแรงกดดันมหาศาลที่ถาโถมเข้ามา มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
เย่หยวนนั้นหันมาเล่นงานหมายหัวเขา!
เย่หยวนนั้นเลือกที่จะให้คนที่อ่อนแอกว่าเขาหน่อยได้โอกาสขึ้นเอาสิบยอดสมบัติสืบทอดไปแทน!
เมื่อถูกเย่หยวนหมายหัวเช่นนั้นตัวยูถันจื่อก็รู้สึกราวกับว่ามันมีภูเขาโลกาพุ่งทะยานมาหาตัวเขาตรงๆ
เขานั้นใช้พลังแห่งแนวคิดของตนออกมาจนถึงที่สุด พยายามทุกวิถีทางแต่สุดท้ายก็ค่อยๆ เสียเปรียบลงเรื่อยๆ
เป็นเช่นนี้เขาคงได้ตายแน่!
“เย่หยวน นายน้อยผู้นี้ยอมรับฝีมือเจ้าแล้ว! ข้าไม่ขออะไรมากมาย ขอแค่ให้ข้าคิดอันดับสิบเอ็ดก็เพียงพอแล้ว!” ยูถันจื่อร้องกล่าว
การที่เขาพูดเช่นนี้ออกมามันก็เท่ากับการประกาศยอมแพ้
เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นต่างต้องถอนหายใจยาวออกมา ยูถันจื่อผู้ทะนงนั้นกลับเปิดปากขอให้อีกฝ่ายเมตตา!
หากเป็นก่อนๆ นี้พวกเขาคงไม่อาจจินตนาการถึงภาพนี้ได้
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะไม่อาจจินตนาการได้เลยว่ายูถันจื่อจะไม่ติดแม้แต่สิบเอ็ดอันดับแรก
สิ่งที่คนทั้งสิบเก้าต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงนั้นมันคือสมบัติสืบทอดเลิศล้ำของอันดับหนึ่ง!
แต่สุดท้ายเย่หยวนกลับไม่ให้เขาแม้แต่สิบยอดสมบัติสืบทอด!
เย่หยวนยิ้มและหัวเราะขึ้นมา “กำลังของข้านี้ยังต้องให้เจ้ามายอมรับใด? แล้วเจ้าโง่มากหรือ? เป้าหมายของข้าก็คือกันไม่ให้เจ้าติดสิบเอ็ดอันดับแรกนั้น เรื่องง่ายๆ ชัดเจนเช่นนี้เจ้ากลับมองไม่ออกหรือ? ตอบแทนที่เจ้าเรียกคนทั้งหลายมารุมโจมตีข้ายังไงเล่า”
ยูถันจื่อนั้นแทบจะอยากกระอักเลือดออกมา ไม่นึกไม่ฝันว่าอีกฝ่ายนั้นกลับจะไม่สนใจไว้หน้าเขาเลย
หรือว่าเจ้าหมอนี่จะไม่รู้จักตัวเขา?
“เย่หยวน อย่าได้ทำเรื่องบ้าๆ ไป วันหน้าเรายังต้องร่วมศึกกัน! นายน้อยผู้นี้คือทายาทของยอดฝีมือเจ้าฟ้าดินห้าทลาย จักรพรรดิเทพสวรรค์ว่านหลิง! หากเจ้าไว้หน้าข้าวันนี้ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของเจ้าเลย!” ยูถันจื่อร้องกล่าว
บางทีเย่หยวนนั้นอาจจะไม่รู้ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ว่านหลิงคือใคร แต่แค่ได้ยินว่าเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายมันก็น่าจะพอแล้ว
เขานั้นเชื่อว่าเย่หยวนจะเลือก
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับหัวเราะตอบกลับมา “ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ต้องการบุญคุณใดๆ กับเจ้า! เจ้าไปตายเสียเถอะ!”
จากนั้นดาบนับหมื่นมันก็พุ่งทะยานเข้ามาพร้อมๆ กันจนยูถันจื่อต้องร้องลั่นและตายลงในที่สุด
สุดท้ายแล้วเขาก็มาหยุดลงแค่ที่สิบสามเท่านั้น ไม่อาจจะได้รับสิบยอดสมบัติสืบทอด
“เจ้าเด็กคนนี้มันจงใจทำ! เจ้าเด็กคนนี้มันต้องจงใจทำแน่!”
ที่ด้านนอกนั้นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ว่านหลิงได้แต่กัดฟันร้องลั่น
สีหน้าของเขาในเวลานี้มันแทบจะอยากลากเย่หยวนมาฉีกร่างทั้งเป็น
จักรพรรดิเทพสวรรค์ว่านหลิงนั้นเป็นยอดฝีมือของทางเผ่าอสูร เจ้าฟ้าดินห้าทลายผู้เก่งกาจ แน่นอนว่าย่อมจะมีสิทธิมานั่งอยู่ตรงนี้
แต่เขากลับไม่นึกไม่ฝันว่าแม้ยูถันจื่อจะกล่าวชื่อเขาออกมาแล้ว แต่เย่หยวนก็ยังไม่คิดสนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมใด!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นหันไปมองหน้าจักรพรรดิเทพสวรรค์ว่านหลิงคิดอยากหัวเราะแต่ก็ต้องกลั้นมันไว้ในลำคอ
หัวเราะตอนนี้คงโหดร้ายไปหน่อย
แต่เขานั้นก็ยอมรับนับถือเย่หยวนที่กล้าหาญถึงกับไม่คิดสนใจไว้หน้าเจ้าฟ้าดินห้าทลายใด
แต่จู่ๆ เขาก็นึกเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้และหันไปมองที่กรงยักษ์อีกครั้ง
‘เจ้าเด็กคนนี้มันคงไม่ได้คิดอยากสังหารผางเจิ้นด้วยใช่หรือไม่?’ จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นหันมองด้วยความตกตะลึง
เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะไม่คิดสนใจใครได้ถึงขนาดนี้ ถึงกับคิดจะสังหารทายาทของเต๋าบรรพกาลลง
เขานั้นอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าเต๋าบรรพกาลสายฟ้าและได้พบว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังจ้องมองดูเรื่องราวด้วยใบหน้ากดำมืดพร้อมจิตสังหารที่ค่อยๆ พุ่งทะยานขึ้นมา
แน่นอนว่าจากนั้นเย่หยวนก็ได้ใช้กำลังส่วนมากของค่ายกลนั้นหันหน้าไปหาตัวผางเจิ้นจริง
ดูท่าแล้วเขาคงไม่คิดปล่อยให้ผางเจิ้นติดสิบเอ็ดอันดับแรกเช่นกัน!
คนทั้งสองนี้ท้าทายเขามาตลอดทาง เย่หยวนจึงคิดปล่อยให้ได้อันดับสิบสามกับสิบสองไปทำให้พวกเขาทุกข์จนแทบต้องตรอมใจ
ในค่ายกลดาบนั้นผางเจิ้นเองก็มีสีหน้าขาวซีดแทบไม่อาจต้านทานไว้ได้อีก
พลังต้นกำเนิดสายฟ้าของเขานั้นแข็งแกร่ง แต่เย่หยวนนั้นมีสองพลังต้นกำเนิดที่แข็งแกร่งกว่า
การโจมตีของเขานั้นไม่อาจจะทำอะไรค่ายกลดาบได้แม้แต่น้อย
ได้เห็นเช่นนี้คนทั้งมิติสงครามดึกดำบรรพ์ก็ต้องอ้าปากค้าง!
“เขาคิดจะสังหารผางเจิ้น! นี่… บ้าไปแล้วหรือ?”
“ผางเจิ้นนั้นเป็นทายาทของเต๋าบรรพกาลสายฟ้าท่าน! ต่อให้เขาจะไม่เก่งนั้นมันก็คงไม่มีใครคิดผลักเขาออกจากสิบเอ็ดอันดับแรกแน่! เย่หยวนนั้นจะไม่สนใจใครจนเกินไปแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ ข้าล่ะชอบนิสัยเช่นนี้นัก! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าออกมิติสงครามดึกดำบรรพ์ไปแล้วเย่หยวนจะไปเจอหน้าเต๋าบรรพกาลสายฟ้าได้อย่างไร!”
…
ในวินาทีนี้เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นต่างร้องลั่นขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
วินาทีนี้มันน่าตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าที่ว่าเย่หยวนจะได้อันดับหนึ่ง
เดิมทีนั้นคนที่จะได้อันดับหนึ่งมันมีคนที่ตายตัวอยู่แล้ว
ผางเจิ้นนั้นคนหนึ่ง ว่านเจิ้นเองก็คนหนึ่งหรือยูถันจื่อเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คงไม่มีใครกล้ากล่าวว่า
แต่เย่หยวนนั้นกลับคิดจะผลักผางเจิ้นออกจากสิบเอ็ดอันดับแรก!
อันดับที่สิบสองนั้นมันไม่ได้ต่างจากอันดับหนึ่งหมื่นเลย!
เขานั้นบ่มเพาะฝึกฝนในมิติสงครามดึกดำบรรพ์มานับพันปีแต่สุดท้ายกลับไม่อาจครองได้แม้แต่สิบยอดสมบัติสืบทอด มันช่างน่าขันนัก!
ทุกผู้คนนั้นชื่นชมความกล้าของเย่หยวน เพราะภาพตรงหน้านี้มันเกินกว่าที่พวกเขาจะกล้าทำ
“สหายหนุ่มเย่ บรรพกาลผู้นี้คือเต๋าบรรพกาลสายฟ้า! เจ้าเห็นแก่หน้าเฒ่าๆ ของบรรพกาลผู้นี้ไว้ชีวิตปล่อยให้ผางเจิ้นติดสิบเอ็ดอันดับแรกจะได้หรือไม่?”
เวลานั้นเองที่มันเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากบนท้องฟ้ากว้างสั่นสะท้านไปทั้งมิติสงครามดึกดำบรรพ์
เต๋าบรรพกาลสายฟ้าอดทนไม่ไหวต้องพูดกล่าวขึ้นมาในที่สุด!
…………………..