มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1206

อย่างไรก็ตามถึงแม้นั่นจะเป็นแค่ร่างแยกร่างหนึ่ง แต่ศักยภาพก็แข็งแกร่งกว่าเทพฟ้าธรรมดาทั่วไปมาก ๆ ผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าเช่นนี้ สูงตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขา เป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในพิภพกลาง!

“หลัวซิว ขอบคุณเจ้ามากนะ”ช่าจื่อเยียนก็เดินไปข้างกายหลัวซิวเช่นกัน มองเขาด้วยแววตาที่ลึกซึ้งครั้งหนึ่ง

“อาจารย์พี่ ท่านเก่งจังเลยขอรับ……”

เสี่ยวเจียงหมิงจับชายเสื้อของเขาเอาไว้ ใบหน้าที่เล็กน้อยนั่นเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว”หลัวซิวยื่นมือออกไปลูบศีรษะเสี่ยวเจียงหมิง เขาไม่กล้ามองตาช่าจื่อเยียน

ถึงแม้จะฆ่าเทียนหวูเชวไปแล้วอย่างไร? แค่นี้มันยังไม่สามารถทดแทนความรู้สึกผิดของเขาที่มีต่อพี่น้องคู่นี้ได้

อดีตทุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกเสวียนเทียน ศักยภาพของสำนักเทียนช่าและสำนักไร้เจตสิกแข็งแกร่งมากที่สุด

ปัจจุบันสำนักเทียนช่าล่มสลายไปแล้ว สำนักไร้เจตสิกจึงเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด

ถึงแม้แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาคอยปกปักรักษาเช่นกัน แต่คุณวุฒิและประสบการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ด้อยกว่าจ้าวนภาไร้เจตสิกหนึ่งระดับ

จ้าวนภาไร้เจตสิกเป็นหนึ่งในเจ้านภาที่อายุยืนยาวมากที่สุด มีชีวิตมานานหกหมื่นกว่าปี ศักยภาพเพียบพร้อม อำนาจลึกซึ้งมากจนไม่อาจจินตนาการได้

และถึงแม้เมืองแห่งแก้วเทวจะไม่นับเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่คุณวุฒิและประสบการณ์ของเจ้าเมืองตงฟางเทียนโหยวก็เก่าแก่มาก ๆ เช่นกัน เป็นบุคคลในรุ่นเดียวกันกับจ้าวนภาไร้เจตสิก

“เมืองแก้วเทวของข้าไม่แก่งแย่งกับผู้อื่น แต่จะไม่อนุญาตให้ทำลายกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้วเด็ดขาด!”

ตงฟางเทียนโหยวหัวเราะอย่างเย็นเยือก“ศิษย์ในสำนักไร้เจตสิกของเจ้าถูกผู้อื่นฆ่าตายบนแท่นประลองความเป็นความตายของสถานประลองยุทธ์ นั่นเป็นเพราะศักยภาพของเขาแย่ หรือว่าแค่อนุญาตเทียนหวูเชวฆ่าคนอื่น แต่คนอื่นจะฆ่าเขาไม่ได้?”

“ชีวิตของคนอื่น จะเทียบเคียงกับศิษย์ของข้าได้อย่างไร?”สีหน้าจ้าวนภาไร้เจตสิกหม่นหมอง“ตงฟางเทียนโหยว เจ้าอย่าทำร้ายตัวเองดีกว่า”

“ฮ่าฮ่า ตลก! เจ้าเมืองอย่างข้าจะเกรงกลัวเจ้าหรือ?”

ตงฟางเทียนโหยวแหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะดังลั่น หกระเหินเดินขึ้นฟ้าแล้วพูดอย่าเสียงดัง: “เจ้าหนุ่มผู้นั้น วันนี้เจ้าเมืองอย่างข้าจะรับประกันชีวิตเจ้าเอง ขอเพียงอยู่ในเมืองแก้วเทวขอข้า ใครก็อย่าคิดจะฆ่าเขา!”

“เช่นนั้นคงต้องดูแล้วล่ะว่าเจ้าจะมีศักยภาพทำเช่นนั้นได้หรือไม่?”

ออร่ารอบกายจ้าวนภาไร้เจตสิกเพิ่มขึ้นสูง การย่างกรายมา ณ ที่แห่งนี้ของผู้แข็งแกร่งเจ้านภาทั้งสองต่างเป็นร่างแยก และทั้งสองก็กำลังจะปะทะกัน

ถึงแม้จะเป็นร่างแยก ศักยภาพก็อยู่เหนือเทพฟ้าธรรมดาทั่วไปเช่นกัน เจ้านภาทั้งสองลงมือต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่บนนภาเมืองแก้วเทว ส่งผลให้อากาศอันว่างเปล่าที่อยู่บริเวณหมื่นไมล์โดยรอบแตกสลายสูญสิ้น

“ตงฟางเทียนโหยว เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้า”

เสียงอันเย็นเยือกเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมา มีกระจกเทพบินออกมาจากหว่างคิ้วของจ้าวนภาไร้เจตสิก มีรัศมีเทวที่แวววาวถึงขั้นสุดสาดส่องออกมาจากตัวกระจก

เมืองแก้วเทวเป็นสถานที่ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เจ้าเมืองตงฟางจึงไม่ขาดแคลนศัสตราวุธชั้นยอดอยู่แล้ว เขาก็มีอัญเทพฟ้าที่ฝึกเซ่นขึ้นมาด้วยมือตัวเองเช่นกัน

อย่างไรก็ตามพลานุภาพของอัญเทพฟ้าที่เขาฝึกเซ่นได้ กลับด้อยกว่ากระจกเทพบานนี้ของจ้าวนภาไร้เจตสิกอยู่ระดับหนึ่ง รัศมีเทวยิงทะลวงทุกสรรพสิ่ง ในเสี้ยววินาทีที่รัศมีเทวกำลังจะสังหารร่างแยกนี้ของเขาคาที่อยู่นั้น

“เวิง!”

ทันใดนั้นเอง สำนักเต๋าหนึ่งปรากฏอยู่กลางระหว่างทั้งสอง และสำนักเต๋าดังกล่าวแตกต่างจากสำนักเต๋าเสวียนเทียนในโลกเซียนเสวียนเทียน สำนักเต๋าดังกล่าวมีประตูสองบาน เป็นประตูที่ทำมาจากทองสัมฤทธิ์โบราณ เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายของความโบราณ

สำนักเต๋านี่ก็ถูกเรียกว่าสำนักเต๋าเสวียนเทียนเช่นกัน เป็นพลังอมตะวิชาหนึ่งที่เจ้านภาโบราณในอดีตของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ได้บุกเบิกขึ้นมาโดยการสังเกตและศึกษาสำนักเต๋าเสวียนเทียนที่แท้จริงในโลกเซียนเสวียนเทียน อาศัยสิ่งที่พบเห็นฝึกเซ่นอัญเทพฟ้าที่มีพลานุภาพยอดเยี่ยมที่สุดออกมาหนึ่งชิ้น

การปรากฏของสำนักเต๋าเสวียนเทียน ได้บดบังรัศมีเทวที่สาดส่องออกมาจากกระจกเทพไร้เจตสิก มีแสงสีเขียวที่งดงามกระพริบระยิบระยับอยู่บนสำนักเต๋าที่ดูโบราณและเรียบง่ายสูงตระหง่าน แข็งแกร่งไม่สั่นคลอน

“เฟิ่งหวูซิน!”

จ้าวนภาไร้เจตสิกทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น สายตาเพ่งเล็งไปบนสำนักเต๋าเสวียนเทียน

เงาดำร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏอยู่บนสำนักเต๋า ซึ่งเงาร่างดังกล่าวก็คือเจ้านภาแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน เฟิ่งหวูซิน!