ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1237 แสนรักสามีของเธอยังมีความสามารถอะไรอีก?
ม็อกโกเดินทางออกไปจากเมืองหลวง
ก่อนที่จะไป ก็ได้กำชับกับภาสดร ถ้าหากที่เดอะวิวซีมีเรื่องอะไรขึ้น ก็ให้เขามาช่วยเหลือหน่อย เพราะอย่างน้อยแสงดาวยังมีลูกคนหนึ่งที่อายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ
ภาสดรก็ตกปากรับคำอย่างเต็มใจ
ดังนั้น สองคนพี่น้องแห่งตระกูลเทวเทพ ก็เดินทางไปเหยียบเวทซ์นอร์ธอีกครั้ง และเริ่มวางแผนเพื่อช่วยเหลือเส้นหมี่แล้ว
ในช่วงต้นฤดูร้อน ในหลายๆ เมืองของในประเทศได้เริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว
ในจำนวนนี้ก็รวมถึงไซโกด้วย
“คุณป้า แตงกวานี่ขายยังไง? ดูแล้วสดมากๆ เลย”
“แน่นอนอยู่แล้ว ป้าเพิ่งเก็บมาจากสวนผักเลยนะ”
บนถนนในเมืองชนบทเสียงดังเซ็งแซ่ เหล่าชาวบ้านทั่วไปต่างก็นำผักผลไม้นานาชนิดที่ตัวเองปลูกออกมาซื้อขายกัน เมื่อมองไปดูบรรยากาศครึกครื้นมา
คุณป้าที่มาขายแตงกวาในวันนี้ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
ในเวลานี้ หลังจากที่เห็นว่ามีคนคนหนึ่งอยากซื้อแตงกวาของตัวเอง จึงพยายามในการขายขึ้นมาอย่างเต็มที่
แต่คนคนนี้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าตะกร้าผักของเธอ หลังจากที่เลือกอยู่สักพักก็ไม่คิดที่จะซื้อแล้ว
“ฉันซื้อทีละไม่น้อย ของป้าแพงขนาดนี้ ฉันไม่ซื้อแล้ว”
“หา?”
คุณป้าเห็นว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ ทันใดนั้นก็เริ่มร้อนใจแล้ว
“แล้วคุณต้องการเท่าไหร่ล่ะ? ถ้าหากต้องการเยอะ ฉันสามารถลดให้คุณได้อีก”
“ครึ่งกิโลกรัมละสองหยวน เอาหมดนี่เลย และช่วยไปส่งให้ฉันด้วย” คนคนนี้ดูแล้วอันที่จริงก็เป็นหญิงวัยกลางคนที่อายุไล่เลี่ยกันกับเธอ แล้วทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
แตงกวาที่เพิ่งนำมาวางขาย ครึ่งกิโลกรัมละสองหยวน คือราคาถูกมากจริงๆ
แต่คุณป้าเห็นแล้วว่าเธออยากได้ทั้งหมด สุดท้ายจึงยอมตกลง
ดังนั้นไม่กี่นาทีต่อมา คุณป้าจึงหาบกระบุงแตงกวาสดๆ เหล่านี้แล้วเดินตามไป เดินทุลักทุเลมาได้ประมาณสิบกว่าถึงยี่สิบนาที เธอก็เห็นว่าพวกเธอมาถึงหน้าบ้านเก่าทรุดโทรมหลังหนึ่ง
“นี่ไม่ใช่?”
เธอแปลกใจมาก
เพราะว่าในฐานะคนในพื้นที่ เธอรู้จักสภาพแวดล้อมของที่นี่เป็นอย่างดี และบ้านหลังตรงหน้าหลังนี้ เธอเองก็รู้จัก นั่นคือบ้านตระกูลพิชญเดชาที่ทิ้งร้างมานานหลายปีแล้ว
ตระกูลพิชญเดชา เมื่อก่อนเป็นตระกูลใหญ่ของที่นี่
แต่หญิงวัยกลางคนที่พาเธอมาได้ยินเธอถามแบบนี้ ก็ไม่พอใจทันที: “ถามอะไรเยอะแยะไปทำไม? เรียกป้ามาขายแตงกวา ไม่ใช่จะมาทำอะไร บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่ ยังไม่อนุญาตให้คนไร้บ้านได้เข้ามาอยู่อาศัยชั่วคราวอีกงั้นเหรอ?”
“ก็จริงก็จริง”
คุณป้าจึงไม่กล้าถามแล้ว
จากนั้นก็หาบกระบุงเข้าไปพร้อมกับเธอ
พอเข้ามาแล้วกลับเห็นว่า บ้านเก่าที่ถูกรกร้างมานานหลายสิบปีหลังนี้ ตอนแรกหลังคาข้างนอกก็ชำรุดเสียหาย และยังเต็มไปด้วยใยแมงมุมมากมาย
จนกระทั่งพวกเธอเข้ามาข้างในแล้ว ถึงได้เห็นกลางลานเดิมได้ทำการเก็บกวาดแล้วเล็กน้อย เผยให้เห็นสถานที่ผืนหนึ่งที่สามารถอาศัยอยู่ได้
“วันนี้ทำไมพาคนเข้ามาแล้วล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าคุณป้าคนนี้เข้ามา ทันใดนั้นก็มีผู้ชายที่อายุประมาณสี่ห้าสิบปีคนหนึ่งเดินออกมา เขาสวมเสื้อกล้ามสีดำตัวหนึ่ง พอเห็นคุณป้าคนนี้แล้วจึงถามด้วยสีหน้าแบบไม่เป็นมิตรนัก
คุณป้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมา
“คือ….คือฉันให้เธอเข้ามาส่งผักค่ะ แตงกวานี่ของเธอสดมากเลย พี่น้องของพวกเราที่นี่มีหลานคนจะได้ลองชิมกันค่ะ”
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ก็รีบอธิบายให้ฟัง
จากนั้นสายตาอันน่ากลัวของชายคนนี้จึงได้ยอมละออกจากบนตัวของคุณป้าคนนี้
“ต่อไปนี้ถ้าไม่มีคำสั่งของฉัน ห้ามนำคนเข้าโดยพลการ เข้าใจไหม?” มันคือน้ำเสียงแบบออกคำสั่งอย่างชัดเจน
หญิงวัยกลางคนก็ยอมรับปากทำตามอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองจำไว้แล้ว
จากนั้นคุณป้าก็ออกมาจากด้านใน
เพียงแต่ในตอนที่เธอเดินผ่านกลางลาน เหลือบมองไปดูทางด้านในกลับพบว่าเหมือนมีช่องว่างอีกห้องหนึ่งอยู่ข้างใน เป็นสี่เหลี่ยมจุตรัสปรากฏเป็นช่องเปิดขนาดเท่ากับบ่อน้ำ
ในเวลานี้ร่างร่างหนึ่งที่เพรียวบางเหมือนว่ากำลังเดินอย่างช้าๆ อยู่ข้างใน
คือเธอตาฝาดไปหรือเปล่า?
“ป้าดูอะไร? ยังไม่รีบไปอีก อยากทำให้ฉันลำบากหรือไง?”
หญิงวัยกลางคนเห็นว่าเธอยังไม่ออกไป จึงค่อยๆ ด่าขึ้นมาจากทางด้านหลัง
คุณป้าจึงจำเป็นต้องเดินออกไป
บ้านเก่าของตระกูลพิชญเดชาหลังนี้ จริงๆแล้ว ในสมัยที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก บ้านของพวกเขาเป็นทั้งหมอ เป็นทั้งจอมยุทธ์ซึ่งเป็นพื้นฐานอันลึกซึ้งที่เป็นมรดกตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษ
ดังนั้น บ้านหลังนี้แม้ว่าจนถึงในตอนนี้ก็ยังมีพื้นที่ที่ใหญ่มาก
ในท้ายที่สุดคุณป้าก็ออกไปจากบ้านหลังนี้เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวาย
และเมื่อเธอออกไป ด้านในของคฤหาสน์ร้างแห่งนี้ ตรงตำแหน่งปากบ่อน้ำที่เธอเพิ่งเหลือบมองเห็นเมื่อสักครู่ ก็มีคนเดินเข้าไปแล้วใช้เท้าถีบประตูเสียงดัง “ปัง”!
“เมื่อกี้เธอกำลังทำอะไร? จงใจออกมาให้เห็น เธอคิดว่ายังจะมีคนมาช่วยเธองั้นเหรอ?”
ก็คือผู้ชายคนนั้นที่เพิ่งจะดุผู้หญิงวัยกลางคนไปเมื่อสักครู่ เขาถีบประตูเข้ามาแล้วเห็นคนที่ถูกขังเอาไว้ในช่องว่างแห่งนี้และใช้ถ้อยคำดุด่าที่รุนแรง
ในเวลานี้คนในลานบ้านกำลังยืนอยู่ตรงด้านหน้าของอ่างเลี้ยงปลาเพียงตู้เดียวของที่นี่ กำลังมองดูปลาที่กำลังว่ายน้ำไปมาอยู่ข้างใน
จู่ ๆ เห็นว่าชายคนนี้ถีบประตูเข้ามาด่าเธอ สายตาที่แสนเย็นชาทั้งคู่ของเธอก็หันมามอง: “ทำไมจะไม่มี? แกคอยดูให้ดีละกัน พวกเขาจะต้องมาช่วยฉันอย่างแน่นอน”
“เธอฝันไปเถอะ! เธอรู้ไหมว่าตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”
จู่ ๆ ชายคนนี้ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
คนในลานบ้านมองดูเขา เพื่อแสดงว่าให้เขาพูดต่อไป
ชายคนนี้ก็ยิ่งได้ใจ: “พวกเขาไปที่เวทซ์นอร์ธแล้ว ฮ่าๆๆๆ… ไหนบอกว่าตระกูลเทวเทพพวกแกเก่งกาจมากไง ต่างก็ร่ำลือกันว่าแสนรักสามีของเธอมหัศจรรย์ปานเทพเทวดา เธอดูสิ เขายังเหลืออะไรอยู่อีกนอกจากความบ้า?”