ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1036 การโต้กลับของเยี่ยนจ้าวเกอ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

น้ำแข็งแหลกสลาย ในที่สุดร่างจริงของจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าคนทุกคน

นางหลับตาสนิท ยื่นมือออกมาตั้งตรงประดุจดาบ ก่อนจะฟันใส่อากาศ

การฟันนี้ทำให้ความเย็นหายไป อากาศไม่เย็นยะเยือกอีก

แต่ว่าประกายคมไร้สิ้นสุดนี้ ผ่าโลกตรงหน้าด้วยสภาวะเบิกฟ้า!

แสงสว่างพร่างพราวปรากฎ ฟ้าดินแห่งใหม่กำลังจะเปิดออกในมิติอันมืดมิดที่ถูกฟันร้าว

ฝ่ามือของสตรีอาภรณ์ขาวก่อนหน้ายังกระจ่างขาวดุจหยก ทว่าตอนนี้กลับขมุกขมัวมืดมิด กระแสปราณอันงดงามหลายสายไหลออกมาจากด้านในจุดลมปราณบนฝ่ามือของนาง พวกมันผสมกัน ผนึกตัวจับกันกลายเป็นเงาแสงสายหนึ่ง

ภายใต้การครอบคลุมของเงาแสง มือเรียวเล็กเหมือนกับเปลี่ยนเป็นสิ่งที่จะดูคล้ายขวาน แต่ก็ไม่คล้ายขวาน!

จักรพรรดินีลงมือ แสดงให้เห็นถึงจิตแห่งหลักการของคัมภีร์เบิกฟ้าในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสายหยกพิสุทธิ์

นางใช้ฝ่ามือต่างดาบ หมายจะทำลายความโกลาหล แยกความขมุกขมัว กำหนดดินน้ำไฟลม สร้างโลกขึ้นมาอีกครั้ง!

เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นการโจมตีของทวนพระอังคาร ความมืดมัวซัวถูกแสงสว่างพร่างพราวแยกออก เกิดอัคคีไร้สิ้นสุด พาดอยู่ระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด มีพลังชีวิตไร้สิ้นสุดและอานุภาพไร้ประมาณ

ดาบของจักรพรรดินีก็ได้แยกความมืดเช่นกัน แต่กลับเกิดสายน้ำไร้สิ้นสุด มันพาดขวางอยู่ระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด ราวกับแฝงความอบอุ่นและพลังชีวิตไร้ประมาณ แต่ก็กักเก็บจิตสังหารและความเย็นยะเยือกเอาไว้

สายน้ำกระจายไปทั่ว มิติอันสับสนอันเกิดจากทิศทางที่กลับด้านภายในแขนเสื้อของจักรพรรดิเอกภพกำเนิด ถูกประกายอุทกซึมผ่าน

ร่างของงูดำพลันขยายใหญ่ขึ้น แบกรถหยก บินออกจากพื้นที่แขนเสื้อของจักรพรรดิเอกภพ

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดเห็นดังนั้นก็ไม่นำพา ย้ายมิติเวลาด้วยความรวดเร็ว

เขาได้รับการสืบทอดจากมหาเซียนเจิ้นหยวนแห่งอารามอู่จวง ทั้งยังฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาอันเป็นหนึ่งในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสายหยกพิสุทธิ์ ศึกษาหลักการของมิติและเวลาล้ำลึกสุดขีด

เขาสั่งความคิด ข้ามการขัดขวางของจักรพรรดินี บรรลุถึงด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ!

จักรพรรดินีสวมอาภรณ์ขาวแขนเสื้อกว้าง ดุจมนุษย์เซียนลงมายังโลกมนุษย์ นางออกจากรถหยกขณะที่สองตายังคงหลับสนิท ไล่ตามจักรพรรดิเอกภพกำเนิดไป

ถึงแม้จะไม่ได้ฝึกฝนคัมภีร์นภาความว่างเปล่าเหมือนกับประมุขประจิมหลางชิง แต่จักรพรรดินีที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนก็มีความเร็วไม่ด้อยกว่าหลางชิง!

ฝ่ามือที่ขาวราวหยกกำเป็นหมัด สะท้อนแสงสีน้ำเงิน ต่อยใส่กลางหลังจักรพรรดิเอกภพ

จักรพรรดิเอกภพกลับไม่หยุดฝีเท้า ไม่ได้หันกาย ไม่ได้หลบหลีก ไม่ได้ป้องกัน เขาใช้หลังของตัวเองรับหมัดนี้ของจักรพรรดินีตรงๆ

พริบตาที่สองฝ่ายสัมผัสกัน ในดวงตาของจักรพรรดิเอกภพก็มีระลอกคลื่นที่เหมือนกับกระแสเวลาลอยขึ้นมา

เขาถูกกระแสเวลาห่อหุ้ม เวลาในมิติรอบตัวถูกย้อนกลับ!

กาลเวลาที่ย้อนกลับเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่จักรพรรดิเอกภพถูกกำปั้นของจักรพรรดินีต่อยโดน ทำให้ภาพตรงหน้าผู้คนกลับคืนสู่ลักษณะตอนที่หมัดนี้ยังอยู่ห่างออกไป

ทุกคนที่อยู่รอบๆ นอกจากจักกรพรรดินีที่เป็นเซียนจริงแท้เหมือนกันแล้ว มีแต่เยี่ยนจ้าวเกอที่ฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตและเยี่ยนตี๋ที่มีเมฆแปลงกำเนิดคุ้มครอง ถึงพบเส้นสนกลในของมัน

ในสายตาของคนอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ยอดฝีมือระดับประมุขเช่นพวกเฉาเจี๋ยต่างก็รู้สึกเลอะเลือน ไม่รู้สึกว่าตัวเองเห็นเหตุการณ์ที่จักรพรรดินีต่อยหมัดโดนจักรพรรดิเอกภพมาก่อน

จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงแค่นเสียง ฝ่ามือที่กำหมัดพลันกางออก นางเปลี่ยนหมัดเป็นกรงเล็บ มือหนึ่งของจักรพรรดิดินีเปลี่ยนกระแสเวลาที่ไร้รูปร่างให้มีรูปร่าง จากนั้นก็จับกระแสเวลานั้นเหมือนกับจับผ้าผืนหนึ่งไว้

จิตความเย็นซัดโหม ความเย็นยะเยือกทำลายความน่าอัศจรรย์ของกระแสเวลา ราวกับเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสายน้ำธรรมดา จากนั้นน้ำก็จับตัวเป็นน้ำแข็ง

กระแสเวลาที่เกิดจากปราณเซียนของจักรพรรดิเอกภพถูกแช่แข็งเป็นธารน้ำแข็งในชั่วอึดใจเดียว

หมัดที่สองของจักรพรรดินีต่อยมาอีกครั้ง!

“ฟู่…” จักรพรรดิเอกภพระบายลมหายใจออกยาวๆ จากนั้นก็ไม่ได้หยุดนิ่งหมุนตัว ใช้ร่างของตัวเองรับหมัดของจักรพรรดินีอย่างหักโหม

เขาไม่อาจแก้ไขหมัดนี้ได้ ใบหน้ากระจ่างใสเกิดปราณสีขาววูบหนึ่ง

จักรพรรดิเอกภพสะบัดแขนเสื้อข้างขวา กระแสปราณลอยวนเวียน มีเงาคนโผล่ออกมาจากด้านใน เป็นประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ที่ก่อนหน้าถูกจักรพรรดิเอกภพใช้ท่าเอกภพในแขนเสื้อเก็บไปสะกด ยามนี้เป็นเพราะว่าจักรพรรดิเอกภพถูกจักรพรรดินีโจมตีได้รับบาดเจ็บ จึงถูกกดดันให้ปล่อยออกมา

แต่ว่าจักรพรรดิเอกภพกำเนิดฉวยโอกาสนี้ ร่างไม่เพียงไม่หยุดลง ยังพุ่งปราดเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเร็วมากกว่าเดิม!

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดจะใช้การได้รับบาดเจ็บเป็นข้อแลกเปลี่ยน เพื่อจู่โจมสังหารเยี่ยนจ้าวเกอ

ตำแหน่งบนหลังของเขาที่ถูกจักรพรรดินีโจมตีโดน มีแสงสีเขียวหลายสายทะลักออกมา

เหมือนกับเมล็ดแตกหน่อ ต้นอ่อนผุดจากดิน จากนั้นก็กลายเป็นต้นไม้สูงเทียมฟ้าในชั่วพริบตา

แสงสีเขียวผสมกัน ราวกับกิ่งใบโอบล้อม ม้วนแขนของจักรพรรดินีไว้ ขัดขวางไม่ให้นางก้าวมาด้านหน้าได้ต่อ

จักรพรรดินีขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นต้นไม้ยักษ์สีเขียวชอุ่มเบื้องหน้าเปลี่ยนจากหนึ่งเป็นมาก กลายเป็นป่าไม้ผืนหนึ่งห้อมล้อมนางไว้ในชั่วพริบตา

ต้นไม้ยักษ์เทียมฟ้ามากมายเชื่อมเงาไม้ บดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน ปราณวิญญาณไหลเวียน ก่อเกิดเป็นโลกที่ถูกปิดผนึกใบหนึ่ง

คิดจะทำลายต้นไม้ยักษ์เหล่านี้ จักรพรรดินีไม่อาจหลุดออกมาได้โดยเร็ว

ป่าตรงหน้าคือค่ายกลขนาดยักษ์!

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดวางค่ายกล เป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งอันไม่สมบูรณ์ที่เยี่ยนจ้าวเกออาศัยแม่น้ำเฉาเหอวางบนเขารอบวง

จักรพรรดิเอกภพหยุดการเคลื่อนไหวของจักรพรรดินีไว้ชั่วคราว จากนั้นก็ตัดผ่านอากาศ ปราดมาถึงด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในชั่วอึดใจเดียว

ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่แม้ว่าจะเพิ่งหลุดมาได้ แต่ก็ยังสับสนไม่ทราบสถานการณ์ ทว่าพอเห็นเหตุการณ์นี้ ต่อให้ทราบว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเอกภพกำเนิด ก็เขายังคงช่วยเหลือเยี่ยนจ้าวเกออย่างเต็มที่

“มีสี่คนพอดี…” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดกวาดสายตามองเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เฉาเจี๋ย และหลิวเจิงกู่อย่างสงบนิ่ง “ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายหรือ ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย”

นอกจากค่ายกลลงทัณฑ์แล้ว ก็ไม่มีค่ายกลอื่นที่ทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สังหารเซียนได้อีก ต่อให้มี จักรพรรดิเอกภพก็ไม่แยแส เพราะหากพูดถึงค่ายกลแล้ว พูดถึงค่ายกลแล้ว เขาเป็นอันดับที่หนึ่งในห้าจักรพรรดิบนโลกซ้อนโลกในปัจจุบัน!

ชิงซู่จื่อกับนักพรตเชียนหลานที่ตายในค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งไม่ได้รับความสามารถด้านค่ายกลของเขามา

เพียงแต่ในอดีตนักพรตสือที่ได้แต่ฟังคำสั่งของพวกเขา เมื่อพูดถึงมรรคาค่ายกลแล้ว ถือว่าโดดเด่นในกลุ่มจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนของโลกซ้อนโลกมาก

นอกจากนักพรตสือจะมีพรสวรรค์ด้านค่ายกลไม่ธรรมดา ก็เกี่ยวพันกับการชี้แนะของจักรพรรดิเอกภพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงด้วย

ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย จักรพรรดิเอกภพมีผังค่ายกลไม่สมบูรณ์อยู่ในมือ ถ้าหากพวกเยี่ยนจ้าวเกอวางค่ายกลนี้ต่อหน้าเขา เขาแค่ดีดนิ้วครั้งเดียวก็ทำลายได้แล้ว

จะมีหรือไม่มีค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย ก็ไม่มีข้อแตกต่างใดสำหรับจักรพรรดิเอกภพกำเนิด ค่ายกลอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน

ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งเมื่ออยู่ต่อหน้า ถ้าหากไม่ใช่ยอดฝีมือที่ได้เปิดประตูเซียนบังคับ จักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา เพียงเดินผ่านไปตรงๆ!

เขาในตอนนี้เพียงแต่หวั่นวิตถึงจักรพรรดินีที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งพร้อมจะกางค่ายกลชั่วคราวใส่ตนเองได้ทุกเวลา

ดังนั้นจักรพรรดิเอกภพกำเนิดจึงไม่กล่าวมากความ ทิ่มนิ้วออกใส่กลางคิ้วของเยี่ยนจ้าวเกออีกหนึ่งรอบ

จักรพรรดินีที่อยู่ในป่ารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงด้านนอกค่ายกล ใบหน้านางพลันเฉยชาดุจเกล็ดน้ำแข็ง

“กานหยวนจื่อ อย่าใช้ลูกไม้เหล่านี้” หนังตาด้านนอกดวงตาที่ปิดของนางพลันสั่นเล็กน้อย กำลังจะเปิดขึ้น

แต่ว่าไม่ทันไรนางก็ส่งเสียงประหลาดใจ รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดที่ทุ่มเดิมพันครั้งสุดท้ายก็พบความผิดปกติเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอที่เหมือนกับไร้ความเกี่ยวข้องกับสนามรบตรงหน้า เพียงยืนอยู่ที่เดิมอย่างนิ่งเงียบ รอผลลัพธ์การต่อสู้ของสองจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้มีแสงสว่างขึ้นรอบตัว แล้วสาดไปทั่วใต้หล้า!

………………..