บทที่ 2028 รีบปิดหน้าต่างก่อนฝนตก

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

หนานโปลืมตาขึ้น แล้วหันกลับมามอง

ผิวทะเลมีหางสัตว์ใหญ่หลายตัวกำลังตีน้ำ เกิดปองคลื่นเสียงดัง การลืมตาของเขาครั้งนี้ ทำให้สัตว์ประหลาดทะเลดุร้ายหลายตัวจมหายไปในทะเลอย่างเงียบๆ

“ค่อยหาโอกาสอีก? พวกเจ้าไม่ได้เตรียมแผนการไว้ล่วงหน้าหรอกเหรอ? ถ้าไม่มีโอกาสขึ้นมาล่ะ?” หนานโปถามเสียงเย็น

จั่วเอ๋อร์ถูกเขาถามจนพูดไม่ออก นางจะไม่รับประกันได้อย่างไรว่าจะหาโอกาสได้แน่นอน ถ้ารับประกันแล้วทำไม่ได้ ก็จะกลายเป็นหลอกลวง จินตนาการได้เลยว่าหลอกลวงท่านนี้แล้วผลที่ตามมาเปป็นอย่างไร ตอนนี้นางถูกอีกฝ่ายควบคุมอยู่ ในสมองถูกปลูกมนต์รัดเกล้าไว้ สามารถทำให้นางเจ็บปวดทรมานจนอยู่มิสู้ตายได้ทุกเมื่อ

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่ามีผู้มีอำนาจมากมายไปเข้าร่วม การป้องกันคงเข้มงวดไม่ธรรมดา เจ้าจะหาโอกาสได้เหรอ?”

จั่วเอ๋อร์ก้มหน้า คิดในใจว่า ป้องกันเข้มงวดแน่นอนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเจ้ากลับมาอีกครั้ง เกรงว่าจะเข้มงวดยิ่งกว่าเดิม

“ยังมีหญิงชู้ของหวงฝู่เยี่ยนอะไรนั่นอีก เจ้าแน่ใจนะว่าซื้อตัวง่าย ไม่โดนคนใช้แผนซ้อนแผนหรอกนะ?”

เรื่องนี้สามารถอธิบายได้ จั่วเอ๋อร์รีบบอกว่า “ภูมิหลังที่พิเศษของตระกูลก็เห็นๆ กันอยู่ ตระกูลหวงฝู่ไม่มีทางปล่อยให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องมาสืบความลับของตระกูล ดังนั้นจึงไม่อาจเลือกผู้หญิงสุ่มสี่สุ่มห้ามาเข้าประตูตระกูลหวงฝู่ กอปรกับภูมิหลังของผู้หญิงคนนั้นก็มีมลทินจริงๆ ด้วยเหตุนี้ หวงฝู่เยี่ยนจึงไม่อาจแต่งงานรับนางเข้าตระกูลได้ ทำได้เพียงเลี้ยงดูไว้ข้างนอก ก็เพราะแบบนี้ ที่จริงแล้วนางแอบแค้นตระกูลหวงฝู่ ถึงได้โดนพวกเราฉวยโอกาสเข้าแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

“แล้วทำไมไม่คิดหาทางจากตัวผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรก ทำไมรอจนป่านนี้?” หนานโปเค้นถามช่องโหว่ทีละจุด

จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “ตอนแรกก็คิดจะลงมือจากตัวผู้หญิงคนนี้แล้ว พวกเราซุ่มอยู่ข้างกายนางมาตลอด หวังว่าจะรอให้หวงฝู่เยี่ยนปรากฏตัว แต่จนใจที่รอแล้วแต่ยังไม่เจอ อีกทั้งหวงฝู่เยี่ยนก็ทำตัวลึกลับเหมือนมังกรที่มีหัวแต่ไร้หาง ไม่ไหนมาไหนอย่างลับๆ ตามหาเบาะแสได้ยาก ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำให้นางขอร้องหวงฝู่เยี่ยนได้ เขาตอบตกลงจะพานางไปเปิดหูเปิดตาที่งานชุมนุมตระการตาแล้ว แต่หวงฝู่เยี่ยนระวังตัว ไม่มีทางให้ใครสะกดรอยตามตัวเองได้ ไม่เดินทางไปพร้อมกับนาง เจาให้นางไปก่อน บอกว่าเมื่อถึงเวลาเขาก็จะไปเจอกับนางเอง คาดว่าคงแยกกันไปคนละทาง ไม่สามารถรู้ทิศทางโดยละเอียดของหวงฝู่เยี่ยนได้ ทำได้เพียงดำเนินแผนการตามโอกาส!”

หนานโปจ้องนาง…

บนเตียงไม้ เมฆสลายฝนสงบ

ขณะลูบหลังอันอ่อนนุ่มเกลี้ยงเกลาเหมือนขี้ผึ้งของผังเสี้ยวเสี้ยว เหมียวอี้ก็ถามเหมือนปลงๆ “อีกประเดี๋ยวก็จะกลับไปอีกแล้วเหรอ?”

ผังเสี้ยวเสี้ยวที่ซบอยู่ข้างกายเขาอย่างอ่อนโยนกอดเขาแน่นขึ้น นางตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ข้าเองก็อยากอยู่ข้างกายสามีบ่อยๆ เพียงแต่ท่านแม่ส่งข่าวมาเร่ง บอกว่าต้องกลับบ้านเจ้าสาวตามพิธี ตามหลักแล้วท่านสามีควรจะกลับบ้านเป็นเพื่อนข้าด้วย เพียงแต่ข้าเข้าใจ ว่านายท่านเป็นคนที่ทำงานใหญ่ว ระหว่างท่านพ่อกับท่านสามีมีเรื่องในใจที่พูดยาก ไม่สะดวกจะไปด้วยกัน”

เหมียวตบแผ่นหลังนางเบาๆ “ลำบากเจ้าแล้ว”

ที่จริงในใจเขารู้ชัดเจนมาก เขากับผังก้วนติดต่อกันมาตลอด จะไม่รู้เวลาที่ผังเสี้ยวเสี้ยวต้องกลับไปเชียวหรือ?

ผังเสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้า แล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนประเด็น “พี่สาวข้ายังไม่รู้ว่าข้าแต่งงานกับท่านแล้ว งานชุมนุมตระการตากำลังจะมาถึง นางกับท่านแม่ก็ไปด้วย พวกนางจะพาข้าไปด้วยค่ะ งานชุมนุมตระการตาจะจัดทุกๆ ร้อยปี ข้ายังไม่เคยไปเห็นเลย ท่านสามีรู้สึกว่าข้าไปได้หรือเปล่า?” คำถามนี้ฟังดูแล้วให้ความรู้สึกว่ากำลังเชื่อฟังผู้ชายในครอบครัวตัวเอง

เหมียวอี้กลับกระตุกมุมปากเล็กน้อย งานชุมนุมตระการตาที่จัดทุกร้อยปี ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่เคยไป อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอายุของนาง พบว่าตัวเองเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนจริงๆ เขาอดขำไม่ได้ “ไปได้อยู่แล้ว ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ? ได้ยินว่างานชุมนุมตระการตาเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มโหฬารจริงๆ คนทั่วไปไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าไปด้วยซ้ำ ไม่ต้องรีบกลับ ในเมื่อไปแล้ว ก็เที่ยวให้สนุกเถอะ”

“ได้ยินมาเหรอคะ?” ผังเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้า ถามเขาอย่างแปลกใจว่า “อาศัยฐานะอย่างท่านสามี จะเข้าไปก็ได้ไม่มีปัญหา อย่าบอกนะว่าผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้วท่านสามีไม่เคยได้?”

เหมียวอี้หัวเราะลั่น “ถ้าข้าไปแล้ว เกรงว่าคงมีคนมากมายเที่ยวเล่นไม่สนุก ข้าเองก็ขี้คร้านจะหาเรื่องใส่ตัว”

ผังเสี้ยวเสี้ยวอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร อดไม่ได้ที่จะกลั้นขำ เป็นอย่างนั้นจริงๆ ขุนนางผู้มีอำนาจในใต้หล้า เกรงว่าคงไม่มีบ้านไหนที่ไม่เคยโดนผู้ชายของตัวเองล่วงเกิน จะไปเล่นสนุกด้วยกันได้อย่างไร ตอนนี้นางถึงขั้นคิดเพ้อฝัน ถ้าสหายพวกนางรู้ว่านางแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะกลัวนางหรือเปล่า คาดว่าคงไม่มีใครกล้าวางมาดใส่นางแล้วกระมัง?

ผังก้วนบิดานางนับว่ามีฐานะไม่ต่ำ แต่ยามอยู่ต่อหน้าอ๋องสวรรค์พวกนั้นก็ยังต้องทำตัวสงบเสงี่ยม ลูกหลานในบ้านอ๋องสวรรค์บางคนมักจะทำตัวสูงส่ง มีคนมากลั่นแกล้งนางอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่อิจฉาในความสวยของนาง บางเรื่องต่อให้บิดานางรู้แต่ก็แกล้งไม่รู้ ไม่มีทางออกหน้าพูดอะไรให้ลูกตัวเอง แต่สามีของนางนั้นไม่เหมือนกัน ชื่อเสียงดุร้ายดังไปข้างนอก ไม่รู้ว่าสังหารลูกหลานคนใหญ่คนโตไปเท่าไรแล้ว ตอนอยู่ตลาดสวรรค์ก็ประหารคนของขุนนางใหญ่จนเลือดนองกลายเป็นแม่น้ำ สังหารไปชุดแล้วชุดเล่า ขนาดตอนอยู่อุทยานหลวงก็ยังกล้าลงมือ ได้ยินว่าเรื่องโค่นล้มอ๋องสวรรค์อิ๋งก็เป็นความคิดของผู้ชายของนาง

เคยได้ยินพี่สาวบอก ว่าหนิวโหย่วเต๋อมีชื่อเสียงดุร้ายจริงๆ อย่าไปมองว่าคนพวกนั้นด่าลับหลัง เวลาเจอหน้ากันจริงๆ ก็ไม่กล้าพูดอะไร พากันหลบหน้าหมด แต่ละคนที่ไปน้ำพุวังเวงก็จ่ายเงินแต่โดยดี ไม่มีใครกล้าบ่นแม้แต่ครึ่งคำ

สามารถใช้กำลังพลครึ่งธงพยัคฆ์ไปทำศึกเลือดกับทัพใหญ่หนึ่งล้านได้เพื่อผู้หญิงของตัวเอง แล้วตอนนี้ตัวเองก็กลายเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ถ้าตัวเองประกาศฐานะออกมา ก็จินตนาการได้ไม่ยากว่าจะมีใครกล้าพูดจาไม่ดีกับนางหรือเปล่า

พอคิดได้แบบนี้ ผังเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกสะท้อนใจ แม้แต่บิดาตัวเองยังปกป้องไม่ได้ กลับเป็นผู้ชายของตัวเองที่พึ่งพาได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่อาจบอกให้คนนอกรู้

แต่นางก็เฝ้าคอยมาก กำลังคิดว่าถ้าคนพวกนั้นรู้ว่านางแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

“ข้าไม่อยากไป” จู่ๆ ผังเสี้ยวเสี้ยวก็พูดเสียงต่ำ

“ทำไมล่ะ? ในเมื่อไปแล้ว ก็ควรไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยสิ” เหมียวอี้แปลกใจ

ผังเสี้ยวเสี้ยวพึมพำอีก “กลัวว่าจะไปเจอที่ไม่กล้าเจอค่ะ”

เหมียวอี้เลิกคิ้ว เรื่องหยุมหยิมระหว่างลูกหลานขุนนางใหญ่ เขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง จึงแสยะยิ้มถามว่า “ทำไมล่ะ ยังมีคนกล้ากลั่นแกล้งเจ้าด้วยเหรอ? ไปเถอะ ถ้าไม่ใครกล้ากลั่นแกล้งเจ้า ก็บอกข้าทันที ข้ารับรองว่าเขาได้เอาชีวิตมาเล่นแน่ ไม่ได้เอาชีวิตกลับบ้านไปด้วยแน่!”

คำพูดนี้ฟังดูเผด็จการ! ผังเสี้ยวเสี้ยวตาเป็นประกาย รู้สึกฮึกเหิมมาก เอาเป็นว่าประโยคนี้บิดานางพูดไม่ได้ก็แล้วกัน และไม่มีทางพูดอย่างนี้ด้วย นางพลิกตัวขึ้นมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เผยอปากประทับรอยจูบบนปากเหมียวอี้ แล้วรีบหดตัวกลับมาถามอย่างระวังตัวว่า “ข้ากลัวเจอพี่อวิ๋นจือชิว ได้ยินว่าเมื่อก่อนพี่อวิ๋นไปร่วมงานบ่อย ครั้งนี้พี่อวิ๋นไปเที่ยวเล่นข้างนอก จะไปร่วมงานนี้ด้วยหรือเปล่า? ข้ากลัวว่าเจอแล้วจะไมรู้จะคุยยังไง”

“เอ่อ…” เหมียวอี้พูดไม่ออก คำว่า ‘เอาชีวิตมาเล่น ไม่ได้เก็บชีวิตกลับบ้าน’ ย่อมไม่กล้าใช้กับอวิ๋นจือชิว ไม่อย่างนั้นแม้แต่เขาเองก็ไม่กล้ากลับบ้าน

ส่วนอวิ๋นจือชิว เมื่อก่อนก็มักจะไปที่นั่นบ่อยๆ ไปเข้าสังคม แต่ตอนนี้ไปไม่ได้แล้ว ครั้งนี้ก็ยิ่งไปไม่ได้ เหมียวอี้กระแอมแล้วบอกว่า “เจ้าวางใจเถอะ นางคุยง่ายมาก ที่เจ้าแต่งงานเข้าบ้านครั้งนี้ นางก็อนุญาตแล้ว”

ผังเสี้ยวเสี้ยวถามเสียงอ่อน “ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะข้าเข้ามาบ้านนี้จนนางโกรธหนีไปหรอกเหรอคะ?”

“เหอะๆ เจ้าคิดมากไปแล้ว เดี๋ยวต่อไปเจ้าได้พบนางก็ย่อมเข้าใจเอง” ในจุดนี้เหมียวอี้มั่นใจมาก ขอเพียงอวิ๋นจือชิวอนุญาตให้รับเข้าบ้านแล้ว ก็จะต้องอยู่ด้วยกันได้ดีแน่นอน เขาบีบบนใบหน้านางเบาๆ “วางใจเถอะ ครั้งนี้ติดธุระไปไม่ได้ เจ้าวางใจได้เลย มีอะไรจำเป็นก็ติดต่อข้า ข้าจะรีบส่งคนไปรับเข้าให้เร็วที่สุด”

ตอนนี้ผังเสี้ยวเสี้ยวถึงได้วางใจ “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ท่านแม่ก็ไปด้ว ถ้าขาดอะไรที่บ้านก็ให้ได้”

เพี้ยะ! เหมียวอี้ตบก้นที่ขาวงอนของนาง “จำไว้นะ ที่นี่ต่างหากที่เป็นบ้านเจ้า ถ้าต้องการจะใช้อะไรก็ให้คิดถึงข้าก่อน ไม่ใช่คิดถึงครอบครัวเดิมเจ้า!”

ต่อให้โดนตีแต่ก็มีความสุข ผังเสี้ยวเสี้ยวทำปากมุบมิบ กอดคอเขาไว้แน่น

วันต่อมา ก็เตรียมคนไปคุ้มกันส่งนางแล้ว เหมียวอี้กลับไม่ได้ออกมาส่งที่ประตูใหญ่จวนผู้สำเร็จราชการ ได้แต่ยืนมองส่งอยู่ในบ้าน

หลังจากมองเงาคนหายไปในขอบฟ้า เหมียวอี้ก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ฮ่าวเต๋อฟางก็ไม่ใช่ไก่อ่อน กลัวว่าจะไม่ได้ลงมือง่ายขนาดนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าผังก้วนจะใช้วิธีไหนกำจัด”

“ช่วงนี้จะมีงานชุมนุมตระการตา ไม่ทราบว่าฮูหยินคนใหม่จะไปเข้าร่วมงานด้วยหรือเปล่า?” หยางชิ่งถามอยู่ข้างๆ

เหมียวอี้ไม่รู้ว่าเขาถามเรื่องนี้ทำไม พยักหน้าตอบว่า “น่าจะไป”

หยางชิ่งกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “คาดว่าผังก้วนคงให้นางไปเช่นกัน นับดูอายุนางแล้วน่าจะไม่เคยไป เขาคงจะให้นางไปเปิดหูเปิดตาดู ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนสงสัยได้ง่าย ผู้หญิงตระกูลผังคงจะไปที่นั่นบ่อย งานใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว ถ้าผังก้วนไม่โผล่หน้าไปเลยก็จะดูน่าสงสัย ถ้านายท่านไม่อยากให้เกิดเรื่องกับฮูหยินคนใหม่ ก็กำชับนางว่าตอนอยู่ในงานให้ตามติดมารดานางไว้ พยายามอย่อยู่ใกล้ผังอวี้เหนียง ที่งานชุมนุมตระการตาตระกูลผังอาจะมีเรื่อง!”

เหมียวอี้หันหน้ากลับมาช้าๆ มองเขาแล้วถามว่า “หมายความว่ายังไง?”

หยางชิ่งอธิบายอย่างไม่ตื่นตกใจ “ช่วงนี้ข้าน้อยรวบรวมข่าวบางอย่างมาก จัดเรียงข้อมูลสถานการณ์ที่อยู่รอบกายผังก้วน เจอโอกาสที่ผังก้วนอาจจะลงมือด้วย เพื่อให้นายท่านเตรียมตัวปิดหน้าตก่อนฝนตก กันไว้ดีกว่าแก้ ในตอนนั้นที่นายท่านเลือกผังเสี้ยวเสี้ยว ไม่ได้เลือกผังอวี้เหนียงที่อายุมากกว่า สาเหตุเพราะอะไรนายท่านก็รู้ชัด”

“ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปมีเรื่องกับหวังลั่วนั่น” เหมียวอี้กล่าว

หยางชิ่งบอกอีกว่า “ก่อนหน้านี้ผังก้วนอาจจะไม่ตอบรับหวังลั่วนั่น แต่ตอนนี้พอมีโอกาสก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ผังก้วนกำลังคิดวิธีเจาะช่องโหว่ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเล็งเป้าหมายไปที่หวังลั่วกับผังอวี้เหนียง! คิดจะล่อเสือออกจากถ้ำ แต่ก็ไม่อยากให้ฮ่าวเต๋อฟางสงสัย งานชุมนุมตระการตากำลังจะมาถึงแล้ว เกรงว่านี่จะเป็นโอกาสเหมาะให้เข็นเรือไปตามน้ำ!”

ขณะที่พูดเรื่องนี้ สีหน้าเขาก็เย็นชาไร้ที่เปรียบ เขารังเกียจคนแบบผังก้วนที่ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ อย่างน้อยเขาก็ไม่เอาผู้หญิงของตัวเองมาทำข้อแลกเปลี่ยนเพื่ออนาคตของตัวเองแน่นอน

เหมียวอี้หรี่ตา “เจ้าแน่ใจนะว่าจะมีเรื่อง?”

หยางชิ่งส่ายหน้า “ไม่อาจฟันธงได้ ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าผังก้วนจะคิดได้หรือเปล่า ไม่สะดวกจะเตือนด้วย ถ้าพวกเราใจร้อนเกินไปก็จะทำให้ผังก้วนสงสัยได้ง่าย เรื่องใหญ่ขนาดบนี้ ผังก้วนไม่หวังให้แผนของตัวเองอยู่ในกำมือคนอื่นหมดแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาจะสงบใจได้ยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝั่งนายท่านรู้ข้อมูลมากเกินไป อาจจะทำให้เขาสงสัยในตัวนายท่านได้ง่าย ดังนั้นก็กันไว้ดีกว่าแก้ ลองคิดในมุมของผังก้วนให้มากๆ บางทีข้าน้อยอาจจะคิดมากไป เพียงแต่นี่อาจจะเป็นจุดทะลวงของผังก้วนก็ได้ อีกทั้งในแผนการขั้นสุดของนายท่าน ฮูหยินคนใหม่ก็อาจจะได้แสดงบทบาทด้วย ดังนั้นจะให้เกิดเรื่องกับนางตอนนี้ไม่ได้! แต่จะว่าไป ตามหลักแล้วต่อให้เกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้ผังก้วนก็ยังต้องใช้นางเพื่อทำให้ความร่วมมือกับนายท่านมั่นคงอยู่ดี คงจะไม่ให้นางอยู่ในอันตราย ไม่อย่างนั้นต่อไปก็ไม่สะดวกจะชี้แจงกับนายท่าน กลัวก็แต่ว่าผังก้วนจะแน่ใจแล้วว่านายท่านอยากได้อาณาเขตสายเถาะ คงไม่แตกคอกันเพราะเรื่องเล็กน้อย ถึงตอนนั้นเพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ เขาก็อาจถึงขั้นไม่สนใจความเป็นความตายของจาหรูเยี่ยนด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรนายท่านก็ต้องคิดใคร่ครวญนำหน้าอีกฝ่ายก้าวหนึ่งเสมอ กันไว้ดีกว่าแก้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย!”

…………………