บทที่ 1271 ข้าเป็นคนดี

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,271 ข้าเป็นคนดี

ผู้คนหลายร้อยคนมารวมตัวกันที่แหล่งน้ำกลางทะเลทราย พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ที่ไม่มีรูปสลักเทวะติดตัวเลยสักคนเดียว

เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังตกเป็นเหยื่อ ทุกคนจึงตื่นเต้นดีใจเมื่อได้รับฟังว่าเจี๋ยนเซียวเหยากำลังจะเปิดการประมูลรูปสลัก

ต้องทราบว่าก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนทำใจยอมรับโชคชะตา เพราะไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานความแข็งแกร่งและความโหดร้ายของเจี๋ยนเซียวเหยาได้

ดังนั้น ในเมื่อสู้เด็กหนุ่มไม่ได้ แล้วพวกเขาจะไปแย่งชิงรูปสลักมาได้อย่างไร?

แต่บัดนี้ เจี๋ยนเซียวเหยาได้เปิดเส้นทางรอดให้แก่พวกเขาแล้ว

“ขอเชิญทุกท่านยืนรวมกลุ่มกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่ต้องทะเลาะกัน ไม่ต้องแย่งชิงกัน รับรองว่าทุกท่านจะมีโอกาสได้ครอบครองรูปสลักเทวะอย่างเท่าเทียมกันขอรับ”

“สิ่งสำคัญที่จะทำให้พวกท่านได้ครอบครองรูปสลักเทวะก็คือความจริงใจ…”

“หลายท่านอาจจะอยากถามว่าความจริงใจคืออะไรกันแน่?”

“ความจริงใจไม่มีสิ่งใดซับซ้อน ความจริงใจคือคะแนนศรัทธา ความจริงใจคือศิลาเทวะ”

“หลายท่านอาจจะอยากถามอีกเช่นกันว่าพวกเรามาแข่งขันไม่ได้พกพาศิลาเทวะมาจำนวนมาก ไม่ทราบว่าจะขอลงนามในสัญญากู้ยืมก่อนได้หรือไม่?”

“เรื่องนี้ย่อมไม่มีปัญหา ตราบใดที่ท่านลงนามในสัญญากู้ยืมด้วยพันธะแห่งเทพเจ้าต้นสังกัด ข้าย่อมยินดีให้ท่านค้างชำระหนี้เอาไว้ก่อน”

“แต่หลายท่านอาจจะเกิดคำถามขึ้นมาว่า หากตนเองมีสิ่งของที่มีมูลค่าน่าสนใจ อย่างเช่น ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ สมุนไพรวิเศษ โอสถวิเศษ จะสามารถนำมาแลกกับรูปสลักเทวะได้หรือไม่?”

“ย่อมเป็นไปได้อีกเช่นกัน ข้าเป็นคนดี แต่สิ่งของเหล่านี้สามารถใช้เป็นส่วนลดราคาได้เท่านั้น ส่วนจะลดได้เท่าไหร่ ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า…”

“เมื่อมาถึงจุดนี้ หลายท่านคงอยากถามว่าตนเองจะสามารถใช้คำสัญญา ใช้คำสาบาน หรือใช้ชื่อเสียงของตระกูลมาเป็นข้อต่อรองในการลดราคาได้หรือไม่?”

“แน่นอนว่าย่อมไม่ได้เด็ดขาด ใครกล้าเอื้อนเอ่ยออกมา ข้าจะทุบตีมันจนใบหน้าบวมช้ำยิ่งกว่าหัวหมูไหว้เจ้า…”

“ทุกท่านต้องตั้งใจประมูล ห้ามส่งเสียงโวยวาย หรือก่อปัญหาเด็ดขาด”

“หวังว่าทุกท่านคงสงบจิตสงบใจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มิเช่นนั้น พวกท่านจะต้องพบกับการสั่งสอนจากข้า”

“เอาล่ะ พวกเรามาเริ่มประมูลกันเลยดีกว่า”

หลินเป่ยเฉินจบสิ้นคำอธิบายกฎการประมูลในลมหายใจเดียว หลังจากนั้น การประมูลก็เปิดฉากขึ้น

ที่นี่มีผู้นำกลุ่มทั้งหมดสามสิบสี่คน ทุกคนล้วนนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ รอคอยในความเงียบงันอย่างเชื่อฟังคำสั่ง

หลินเป่ยเฉินขยิบตา

เจ้าอ้วนหยิบรูปสลักเทวะขึ้นมาจากกองรูปสลักหนึ่งตัว

“รูปสลักเทวะตัวแรก ราคาเปิดประมูลอยู่ที่ศิลาเทวะสิบก้อน ทุกท่านต้องเพิ่มราคาครั้งละไม่ต่ำกว่าศิลาเทวะหนึ่งก้อน การประมูลของพวกเราจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้…”

หลินเป่ยเฉินรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

“สิบเอ็ดก้อน”

“สิบสองก้อน…”

“สิบห้าก้อน”

กลุ่มคนส่งเสียงตะโกน

การประมูลดำเนินไปอย่างดุเดือด

เพราะว่ารูปสลักเทวะที่กองอยู่เบื้องหน้าเขามีจำนวนไม่น้อย ตัวที่ถูกนำออกมาประมูลเป็นตัวแรก ๆ ย่อมมีราคาถูกที่สุดเสมอ

หลายคนเกรงว่าหากตนเองลังเลรีรอ หลังจากนี้ ราคาของรูปสลักเทวะก็คงพุ่งสูงมากกว่าเดิมหลายเท่า

ในไม่ช้า รูปสลักตัวแรกก็ได้รับการประมูลไปในราคาศิลาเทวะยี่สิบก้อน

“ขอแสดงความยินดีกับหัวหน้ากลุ่มแปดด้วยขอรับ รูปสลักตัวนี้เป็นของท่านแล้ว”

หลินเป่ยเฉินรับรูปสลักมาจากมือของเจ้าอ้วนและโยนไปให้ผู้ที่ชนะการประมูลราวกับโยนเศษขยะชิ้นหนึ่ง

หัวหน้ากลุ่มแปดเป็นสตรีสาวสวยเอวบางร่างน้อยช่วงขาเรียวยาว นางตวัดมือรับรูปสลักไปตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจว่ามันไม่ใช่ของปลอม หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นั่นทำให้หน้าอกหน้าใจของนางสั่นกระเพื่อม ดึงดูดสายตาผู้คนโดยไม่รู้ตัว

การประมูลยังดำเนินต่อไป

ในไม่ช้า การประมูลรูปสลักสิบตัวแรกก็จบลง

หลินเป่ยเฉินได้ศิลาเทวะมาทั้งสิ้นสองร้อยแปดสิบก้อน

หากเปลี่ยนเป็นคะแนนศรัทธาก็เท่ากับสองล้านแปดแสนแต้ม…

เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง

เหมือนจะได้น้อยกว่าที่คิดเลยแฮะ

เด็กหนุ่มรู้สึกคล้ายตนเองกำลังขาดทุน

ไม่ได้การ ต้องขึ้นราคาสักหน่อย

“ประเสริฐ ในการประมูลรอบต่อไป ราคาเริ่มต้นของรูปสลักแต่ละตัวจะอยู่ที่ศิลาเทวะยี่สิบก้อน และทุก ๆ การประมูลจะต้องเพิ่มศิลาเทวะครั้งละไม่ต่ำกว่าสองก้อนขึ้นไปเท่านั้น…”

หลินเป่ยเฉินประกาศกติกาใหม่

เกิดเสียงอุทานออกมาจากกลุ่มคนดังอื้ออึง

ไม่มีผู้ใดคิดเลยว่าการขึ้นราคาจะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้

การประมูลในรอบที่สองมีความดุเดือดยิ่งกว่ารอบแรก

สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ได้รับศิลาเทวะมาอีกห้าร้อยสิบห้าก้อน

เทียบเท่ากับคะแนนศรัทธาห้าล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นแต้ม

หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับ

เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง

เขาจำหน่ายรูปสลักออกไปยี่สิบตัวแล้ว แต่ยังได้คะแนนศรัทธาไม่ถึงสิบล้าน

นับว่าขาดทุนจริง ๆ

เป็นเช่นนี้ต้องปั่นราคาเพิ่มอีก

“ขอเวลานอก… กราบเรียนทุกท่าน รูปสลักเทวะเหลืออีกไม่มากแล้ว ข้ามาลองคิด ๆ ดู เห็นว่าสมควรเพิ่มราคามากกว่านี้”

หลินเป่ยเฉินยุติการประมูลลงชั่วคราว

เมื่อการประมูลดำเนินต่อไปอีกครั้ง ราคาเริ่มต้นของรูปสลักเทวะแต่ละตัวก็อยู่ที่ศิลาเทวะหนึ่งร้อยก้อนแล้ว

เมื่อได้รับทราบราคาล่าสุด บรรดาหัวหน้ากลุ่มทั้งหลายต่างก็สบถออกมาอย่างบ้าคลั่ง

นี่คือการประมูลที่โหดร้ายอำมหิตมากเกินไป

แต่เมื่อมีผู้คนเริ่มประท้วง ผู้ประท้วงเหล่านั้นก็จะถูกหลินเป่ยเฉินตบตีจนใบหน้าบวมช้ำยิ่งกว่าหัวหมูไหว้เจ้า

หลินเป่ยเฉินได้ทำตามที่ตนเองเคยกล่าวไว้จริง ๆ

ในเมื่อเขาบอกว่าจะสั่งสอน เขาก็ต้องสั่งสอน

“ตัดสิทธิ์การประมูลสำหรับผู้ประท้วงหนึ่งรอบ”

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงคำรามด้วยความดุดัน

“อย่าได้คิดว่าข้าจะต้องง้อผู้ร่วมประมูลทุกคน ลองคิดดูให้ดี หากไม่มีรูปสลักเทวะ พวกท่านก็จะต้องกลายเป็นผีเฝ้าทะเลทรายไปตลอดกาล พวกท่านจะไม่ได้กลับไปพบเจอคนที่ตนเองรัก อย่าว่าแต่จะได้ชื่อเสียงเกียรติยศจากการแข่งขันครั้งนี้เลย… นี่ข้ากำลังช่วยเหลือพวกท่านอยู่แท้ ๆ แต่พวกท่านกลับเห็นทรัพย์สินเงินทองสำคัญกว่าชีวิตของตนเอง ถ้าอย่างนั้น กล้าออกมาสู้กับข้าตัวต่อตัวหรือไม่?” หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองกลุ่มคนอย่างวางอำนาจ

“คุณชายเจี๋ยนกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”

กวนรั่วเฟยซึ่งยืนปะปนอยู่ในกลุ่มคนส่งเสียงตะโกนขึ้นมา

“ใช่แล้วขอรับ หากไม่ใช่เพราะคุณชายเจี๋ยนเมตตา พวกเราคงถูกคุณชายฆ่าตายไปนานแล้ว หากคุณชายสังหารพวกเราทุกคนที่นี่ทั้งหมด คุณชายก็จะต้องทำคะแนนได้เป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขันรอบสองอย่างแน่นอน”

ลู่ปิงเหวินก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นมาเช่นกัน

เมื่อเห็นสหายร่วมชะตากรรมทั้งสองไร้ยางอายถึงเพียงนี้ มีหรือที่ซือเกินตั๋งจะทนอยู่นิ่งเฉย เขารีบลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “คุณชายเจี๋ยนขอรับ พวกเราล้วนสำนึกในบุญคุณของท่านเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดที่คิดประท้วงการประมูลครั้งนี้ รบกวนคุณชายสังหารพวกมันทิ้งไปเถอะ อย่างน้อย พวกมันก็จะทำให้คุณชายได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาอีกคนละหนึ่งร้อยแต้ม”

หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำสีหน้าเคร่งขรึม

หลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเองคิดทำตามคำแนะนำเหล่านั้นจริง ๆ

แต่ในใจจริงนั้น เด็กหนุ่มอดนึกชื่นชมพวกของกวนรั่วเฟยไม่ได้ มีความไหลลื่นตลบตะแลงเช่นนี้ สมควรเลี้ยงดูเป็นลูกสมุนในระยะยาวนัก

และเมื่อกลุ่มผู้เข้าร่วมการประมูลเห็นสีหน้าของหลินเป่ยเฉิน พวกเขาก็ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

หากปีศาจน้อยตนนี้เกิดอาละวาดขึ้นมา…

ดังนั้นพวกเขาคงมีแต่ต้องให้ความร่วมมือแต่โดยดีแล้ว

การประมูลรอบที่สามดำเนินต่อไป

เมื่อการประมูลรอบนี้จบลง หลินเป่ยเฉินก็ได้รับศิลาเทวะสองพันสามร้อยก้อน

เท่ากับคะแนนศรัทธายี่สิบสามล้านแต้ม

การประมูลรอบที่สี่ดำเนินต่อไปด้วยราคาที่ดุเดือดมากขึ้น

รูปสลักเทวะหนึ่งตัว มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ศิลาเทวะสองร้อยก้อน และการประมูลแต่ละครั้ง ต้องเพิ่มศิลาเทวะไม่ต่ำกว่ายี่สิบก้อน

การประมูลรอบที่สี่จบลง หลินเป่ยเฉินได้รับศิลาเทวะถึงสี่พันก้อน

เทียบเท่าคะแนนศรัทธาสี่สิบล้านแต้ม

แต่ครึ่งหนึ่งของการประมูล สิ่งที่หลินเป่ยเฉินได้มาก็คือการลงนามในสัญญากู้ยืมของบรรดาเทพเจ้าผู้นำกลุ่ม…

บางคนถึงกับยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตนเอง ก้มหัวคุกเข่าขอร้องให้หลินเป่ยเฉินเห็นใจ

“การประมูลรอบต่อไป เหลือรูปสลักเทวะอยู่เพียงแปดตัวเท่านั้น ราคาเริ่มต้นของรูปสลักแต่ละตัวอยู่ที่ศิลาเทวะห้าร้อยก้อน”

หลินเป่ยเฉินถือโอกาสขึ้นราคาอีกครั้ง

นี่คือความได้เปรียบของผู้ควบคุมการประมูล

เขาอยากจะทำอะไรก็ได้

และรูปสลักเทวะแปดตัวสุดท้าย ก็ก่อให้เกิดการประมูลอย่างดุเดือด

ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้รับคะแนนศรัทธามาอีกสี่สิบล้านแต้ม

เมื่อรวมยอดการประมูลขณะนี้ หลินเป่ยเฉินก็มีคะแนนศรัทธาอยู่ทั้งหมดหนึ่งร้อยสี่สิบล้านแต้ม

แต่กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของคะแนนเหล่านั้นจะมาในรูปแบบสัญญากู้ยืมทั้งสิ้น

หลินเป่ยเฉินลอบคำนวณอยู่ในใจ เมื่อรวมรายได้จากการล่าสัตว์อสูรก่อนหน้านี้ บวกเข้ากับส่วนแบ่งที่จะได้จากการขายซากราชาหมาป่าศิลา เป้าหมายการรวบรวมคะแนนให้ได้หนึ่งพันล้านแต้มของเขาก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว!!