ทุ่งกว้างกลางเขา เยวี่ยเจี้ยนหมิงรู้สึกปิติยินดีนัก
ศัตรูหลายคนล้มลงกับพื้น เผยสีหน้าสิ้นหวัง
เยวี่ยเจี้ยนหมิงผู้ฝึกกระบี่ที่ไปมาตัวคนเดียว แข็งแกร่งถึงขั้นทำให้ผู้คนใจสั่น เขาเด่นผงาดจากการไม่มีใครรู้จัก สร้างชื่อจากการเข่นฆ่านองเลือด
จนถึงทุกวันนี้ในแดนเก้าบน เยวี่ยเจี้ยนหมิงกลายเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งคนหนึ่งแล้ว
ใครที่เป็นศัตรูกับเขาล้วนกลายเป็นซากกระดูกกองหนึ่ง!
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เหล่าศัตรูผู้สิ้นหวังตื่นตะลึงคือ จู่ๆ เยวี่ยเจี้ยนหมิงก็แหงนมองฟ้าหัวเราะร่า เก็บกระบี่ลงไป
“วันนี้ข้าอารมณ์ดีจะละเว้นพวกเจ้าสักครั้ง!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขาก็หายลับจากไป เหลือไว้เพียงผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่มองหน้ากันเลิ่กลั่กและยังคงหวาดผวา
“น่าเสียดาย สี่ปีเต็มแล้วแต่ข้ากลับหาเบาะแสของกู่ฝอจื่อให้เจ้าไม่ได้…”
เยวี่ยเจี้ยนหมิงยืนอยู่บนหน้าผาแห่งหนึ่ง ทอดสายตามองทะเลหมอกที่ห่างออกไป ในใจมีความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
…
“ถ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้ข้าคงไม่ก้าวก่ายเรื่องเขาแล้ว”
เยี่ยเฉินกล่าวพึมพำ
ในใจกลับชื่นมื่นอย่างบอกไม่ถูก
หลินสวินยังมีชีวิตอยู่!
…
“กู่ฝอจื่อหลบซ่อนตัวมาสี่ปี หากเขารู้ว่าเจ้ารอดชีวิต ไม่ช้าก็เร็วต้องปรากฏตัวแน่”
เซี่ยวชางเทียนยิ้มเจิดจ้า
เขารู้ว่าด้วยนิสัยของหลินสวินจะต้องไปหากู่ฝอจื่อเพื่อคิดบัญชีด้วยตัวเองแน่ ต่อให้คนอื่นคิดยื่นมือเข้ามายุ่ง เขาก็คงไม่ตกปากรับคำ
…
“เอ๋ ศิษย์น้องเซียวทำไมเจ้าถึงกลับมาเล่า ไม่ไปเจอหลินสวินสักหน่อยหรือ”
หมีเหิงเจินกล่าวหยอกล้อเล็กน้อย
เซียวชิงเหอลูบจมูก จากนั้นก็ยิ้มกล่าว “แค่รู้ว่าเขารอดชีวิตก็พอแล้ว พบกันหรือไม่นั้นไม่สำคัญเลย”
หมีเหิงเจินยกหัวแม่โป้งกล่าว “เสร็จธุระก็ลาจาก ซ่อนชื่อเสียงและเกียรติยศ”
เซียวชิงเหอพลันยิ้มขื่น แต่เขาก็มองออกว่าหลังทราบข่าวการรอดชีวิตของหลินสวิน อารมณ์ของศิษย์พี่หมีเหิงเจินก็ดูไม่เลวนัก
ก่อนหน้านี้น้อยนักที่เขาจะพูดเล่นเช่นนี้กับตน
…
“หึ สี่ปีแล้ว สถานการณ์ต่างออกไปแล้ว ต่อให้เขาหลินสวินรอดชีวิตก็ได้แค่ม้วนหางกลับไปเท่านั้น!”
และมีคนยิ้มหยันไม่เห็นหัวหลินสวินเช่นกัน
“เจ้าหลินสวินนี่ราวกับเจียวหลง หากปรากฏตัวบนโลกเป็นต้องทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง พวกที่มีความแค้นกับเขาจะต้องเริ่มเคลื่อนไหวแน่”
มีคนกล่าววิเคราะห์เสียงทุ้มต่ำ
กิตติศัพท์ของเทพมารหลินสร้างจากการต่อสู้ฟาดฟันทั้งสิ้น ศัตรูของเขามีมาก นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดี
อย่างเช่นบุตรนรก กู่ฝอจื่อ…
“เขาจำศีลหัวโล้น!”
“ไป ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของหลินสวินกัน”
หลังจากข่าวการมีชีวิติอยู่ของหลินสวินแพร่ออกไป ขุมอำนาจมากมายก็นั่งไม่ติด ทยอยส่งกำลังพลออกไปสืบการเคลื่อนไหวโดยละเอียดของหลินสวิน
…
“ศิษย์พี่จี้ ศิษย์พี่โม่ สถานการณ์ไม่เข้าทีอยู่บ้าง ตอนนี้ละแวกเขาจำศีลหัวโล้นของพวกเรามีผู้แข็งแกร่งในขุมอำนาจมากมายปรากฏตัว”
ณ เขาจำศีลหัวโล้น ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาคนหนึ่งกล่าวรายงานอย่างว้าวุ่นใจ
“ก็แค่หน่วยสอดแนมกลุ่มหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
จี้ซิงเหยาสงบนิ่งยิ่งนัก
ช่วงเวลาที่หลินสวินเลือกอยู่บนเขาจำศีลหัวโล้น นางก็คาดไว้แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ถึงอย่างไรเขาก็มีชีวิตกลับมานี่นา!
“ศิษย์น้องจี้กล่าวไม่ผิด ขอแค่ไม่มายั่วยุก็ไม่ต้องใส่ใจ เพียงแต่ช่วงนี้ทุกคนอย่าเพิ่งออกไปข้างนอก จะได้ไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น”
โม่เทียนเหอพูดด้วยเสียงขรึม
ตอนนี้สายตาทั่วแดนอัคคีทักษิณเริ่มจับจ้องมาที่เขาจำศีลหัวโล้น สามารถคาดการณ์ได้ว่าในช่วงเวลาต่อจากนี้สถานการณ์เช่นนี้คงต้องดำเนินต่อไป!
โม่เทียนเหออดทอดถอนใจไม่ได้ “นี่ก็คืออิทธิพล ทุกการเคลื่อนไหวทั่วสารทิศต้องติดตาม เป็นการก่อคลื่นลมโดยปริยาย!”
“ประจบประแจงอีกแล้ว” จี้ซิงเหยาเหล่มองเขาวูบหนึ่ง
โม่เทียนเหอนิ่งเงียบ
…
เขาจำศีลหัวโล้นตอนนี้ราวกับตาพายุ ดูเหมือนนิ่งสงบแต่กลับมีวี่แววว่าพายุฝนกำลังมา!
บนเขาจำศีลหัวโล้น แม้จี้ซิงเหยาและโม่เทียนเหอจะสงบนิ่ง แต่กลับไม่อาจไม่เตรียมการป้องกันทุกอย่างอย่างรอบคอบ
ตัวอย่างเช่น ห้ามผู้สืบทอดสำนักออกไปข้างนอก
เตรียมการรับมือคลื่นลมอย่างดี
แต่นอกเขาจำศีลหัวโล้น ตามเวลาที่ล่วงเลยเงาร่างผู้ฝึกปราณที่รวมตัวกันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนกำลังติดตามอย่างตื่นเต้น
“เทพมารหลินกลับมาคราวนี้กำจัดกำลังพลที่แดนนรกส่งมาในคราเดียว สามารถคาดเดาได้เลยว่าขุมอำนาจแดนนรกต้องจู่โจมกลับแน่!”
“ไม่ผิด หากยอมจำนนเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของแดนนรกที่จะพังทลายอย่างรวดเร็ว แม้แต่บุตรนรกก็จะถูกมองว่าไม่กล้าต่อกรกับเทพมารหลินด้วย”
“รอก่อนเถอะ เมื่อขุมอำนาจแดนนรกเข้าสู้ศึก ก็จะตัดสินได้แล้วว่าหลินสวินนั่นแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันแน่”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ดังขึ้นไม่หยุด
เทพมารหลินปรากฏตัวอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไม่สนใจ
บรรยากาศราวพายุฝนกำลังมาเช่นนี้สืบเนื่องมาหลายวันแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจคือ ไม่ใช่แค่หลินสวินที่ไม่เคยปรากฏตัวบนเขาจำศีลหัวโล้น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจแดนนรกก็ไม่เคยมาที่นี่ด้วย
ชั่วขณะหนึ่งผู้แข็งแกร่งมากมายต่างแปลกใจสงสัยไม่หยุด
ในป่าไผ่ไหวเอนบนเขาจำศีลหัวโล้น หลินสวินเอื้อมมือวักน้ำในลำธารขึ้นมาลวกๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นมุกวารีประกายจรัสมากมาย
พร้อมๆ กับความคิดที่ขยับไหวของหลินสวิน มุกวารีพวกนี้พลันเปลี่ยนเป็นสายน้ำหลากสายพาดไปมากลางอากาศ เต็มไปด้วยกระบวนสลักที่แฝงกลิ่นอายมหัศจรรย์
วู้ม!
ทันทีที่กระบวนสลักก่อตัวเป็นรูปร่างก็แผ่คลื่นประหลาดสายหนึ่งออกมา ไอวิญญาณที่แผ่คลุมทั่วป่าไผ่พลันรวมตัวพุ่งตรงมาจากทั่วสารทิศ
ไอวิญญาณรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นน้ำวิญญาณหลั่งรินในกระบวนสลัก ไหลลู่ลงมาราวกับน้ำตกสายเล็ก
ในจุดที่ห่างออกไปพลันมีเสียงสูดหายใจเย็นดังขึ้น
ก็ไม่รู้โม่เทียนเหอมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้เห็นเหตุการณ์นี้กับตาพอดี
นี่ทำให้เขาใจสั่นสะท้านไปพักหนึ่ง
วิชาของนักสลักวิญญาณขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการสรรสร้างเสมอ มหัศจรรย์เกินคาดเดา
แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าหากต้องการจะวางกระบวนค่ายกล ต่อให้เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณลงมือก็ต้องอาศัยเครื่องมืออย่างจานกระบวน ธงกระบวน ยันต์กระบวน!
แต่ตอนนี้หลินสวินแค่วาดมือง่ายๆ ก็เปลี่ยนน้ำในลำธารเป็นกระบวนรอยสลักวิญญาณรวมตัว ดูดกลืนไอวิญญาณของฟ้าดินแถบนี้ได้ ฝีมือเช่นนี้จะไม่ให้โม่เทียนเหอตกใจได้อย่างไร
ในหัวเขาปรากฏคำเรียกหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่…
นักสลักลายมรรค?
ซ่า…
กระบวนสลักหายไป เปลี่ยนเป็นกระแสน้ำไหลลงสู่ลำธารอีกครั้ง
“พี่หลิน นี่เจ้าใช้วิชาของนักสลักลายมรรคเป็นด้วยรึ” โม่เทียนเหออดถามไม่ได้
หลินสวินส่ายศีรษะ “ยังขาดความชำนาญอยู่บ้าง”
นักสลักลายมรรคที่แท้จริงแค่ยกมือก็สามารถวางกระบวนผนึกมรรคราชันหนึ่งได้ พลังกฎเกณฑ์มหามรรคอัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นมหัศจรรย์ไร้สิ้นสุด
แต่ตอนนี้หลินสวินได้แค่วางกระบวนสลักวิญญาณธรรมดาบางส่วน ยังห่างจากการวางกระบวนผนึกมรรคราชันอีกช่วงหนึ่ง
เพียงแต่นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากแล้ว!
และนี่ก็คือประโยชน์ที่หลินสวินได้รับจากการหยั่งรู้ ‘เห็นแจ้งลายมรรค’ ในช่วงหลายวันนี้
“พี่โม่มีธุระกับข้ารึ”
หลินสวินหยัดร่างขึ้นจากริมธารแล้วกล่าวถาม
“สถานการณ์ช่วงนี้ผิดปกติอยู่บ้าง”
โม่เทียนเหอพลันมุ่นคิ้ว ทยอยเล่าเหตุการณ์ช่วงหลายวันนี้ออกมาจนหมด
“เจ้าคิดว่าบุตรนรกไม่กล้ามาเพราะกลัวรึ”
หลินสวินเอ่ยถาม
โม่เทียนเหอส่ายหัว ล้อเล่นหรือ ขุมอำนาจแดนนรกทุกวันนี้ชื่อเสียงสะเทือนแดนเก้าบน เสียเปรียบด้วยน้ำมือหลินสวินขนาดนี้ บุตรนรกมีหรือจะยอมวางมือยุติเรื่องราว
“นี่ก็พิสูจน์ว่า หากบุตรนรกไม่ถูกเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าประวิงเวลา ก็ต้องกำลังวางแผนรอบคอบที่เพียงพอจัดการข้าได้”
หลินสวินกล่าวลอยๆ
สำหรับบุตรนรก หลินสวินไม่หวาดกลัวเลย
สาเหตุที่เขาเลือกอยู่ที่นี่ก็แค่อยากให้เจ้าคางคก นกทมิฬ อาหลู่ เยวี่ยเจี้ยนหมิง เซียวชิงเหอและคนอื่นๆ รู้ตำแหน่งของตนเท่านั้น
หลายวันมานี้หลินสวินรับรู้อย่างต่อเนื่องว่า หลังทราบข่าวการมีชีวิตอยู่ของตน พวกเซี่ยวชางเทียนและเยี่ยเฉินก็สบายใจแล้ว
แต่ที่ทำให้หลินสวินแปลกใจก็คือ ถึงตอนนี้พวกเจ้าคางคก นกทมิฬกลับไม่มีข่าวอะไรเลย
นี่สิถึงจะเป็นเรื่องที่ทำให้เขากังวล
“หลินสวิน มีคนมาเรียกเจ้าให้ออกไปพบหน่อย”
จี้ซิงเหยารีบเร่งมาจากที่ห่างไกล สีหน้าดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง
“ใครกัน”
“อวี่หลิงคง”
ริมฝีปากจี้ซิงเหยาขยับกล่าวออกมาสามคำ
หลินสวินเข้าใจทันทีว่าทำไมสีหน้าจี้ซิงเหยาถึงแปลกประหลาดเช่นนั้น
หากเขาจำไม่ผิด อวี่หลิงคงคนนี้เป็นบุคคลชั้นยอดที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะในแดนกาฬทักษิณ ชื่นชอบในตัวจี้ซิงเหยามานานแล้ว
“เขามาทำอะไร ยังคิดจะแก้แค้นอีกรึ”
หลินสวินยิ้มเยาะ
ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกอวี่หลิงคง หากแต่ตอนแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ อวี่หลิงคงเคยถูกเขาเหวี่ยงตกอันดับมาก่อน
“ข้าก็ไม่รู้”
จี้ซิงเหยาเบะปาก
แน่นอนว่านางรู้ว่าอวี่หลิงคงชอบนางมาตลอด ที่น่าเสียดายคือนางไม่เคยรู้สึกดีกับอวี่หลิงคงสักนิด
ว่าไปแล้วปีนั้นเพื่อหลบหน้าอวี่หลิงคงจึงได้มา ‘ต่อยตีจนรู้จัก’ กับหลินสวินที่ลานประลองยุทธ์หมอกสนอย่างมีวาสนาแทน
“เช่นนั้นข้าจะไปพบ ‘สหายเก่า’ คนนี้สักหน่อย”
หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนตัดสินใจ
…
นอกเขาจำศีลหัวโล้น อวี่หลิงคงยืนอยู่ตรงนั้นในชุดขนนก ศีรษะสวมเกี้ยวประดับทรงสูง เอวคาดเข็มขัดหยก สง่างามโดดเด่น
เขากำลังรอเงียบๆ ในใจรู้สึกสับสนอยู่บ้าง
ครั้งนี้เขาไม่มาไม่ได้!
ในจุดที่ห่างออกไปสายตามากมายกำลังจับจ้องทุกอย่างนี้ ล้วนประหลาดใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าแดนนรกยังไม่มา อวี่หลิงคงกลับกระโดดออกมาก่อน
เขา…
ก็มาหาเทพมารหลินเพื่อแก้แค้นรึ
ก่อนหน้านี้อวี่หลิงคงก็เป็นคลื่นลูกใหม่ในยุคปัจจุบันคนหนึ่ง ชื่อเสียงเลื่องลือฝั่งหนึ่ง ไม่เพียงแต่ชาติกำเนิดสูงส่ง แม้แต่พรสวรรค์ก็เรียกได้ว่าน่าตกตะลึง
แต่ตอนนี้กาลเวลาเปลี่ยนผ่าน แม้เขาจะยังเจิดจรัส แต่เทียบกับเหล่ายักษ์ใหญ่ยอดมกุฎอย่างเยี่ยนจั่นชิว หวังเสวียนอวี๋ เย่หมัวเฮอ หมีเหิงเจินแล้ว สุดท้ายก็ยังด้อยกว่าอยู่บ้าง
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะเทียบกับเทพมารหลิน
แต่อวี่หลิงคงกลับมาซะอย่างนั้น เขามาทำอะไรกันแน่
ทุกคนต่างไม่เข้าใจ
“ออกมาแล้ว!”
ทันใดนั้นก็มีคนร้องตะโกน
พร้อมกันนี้อวี่หลิงคงพลันเงยหน้าขึ้น ก็เห็นในประตูหน้าเขามีร่างสูงสง่าหนึ่งก้าวออกมา เขาสวมชุดขาวพระจันทร์ ผมดำพลิ้วไหว
ท่าทางนั้นช่างคุ้นเคย ทำให้ใจอวี่หลิงคงอดพลิกม้วนไม่ได้
แต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์การมาครั้งนี้ สภาวะจิตของเขาก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ใหม่อีกครั้ง
“เป็นเทพมารหลินดังคาด!”
“เขายังมีชีวิตอยู่จริงด้วย!”
ในจุดที่ห่างออกไป ผู้แข็งแกร่งที่กระจายตัวสังเกตการณ์ในที่ลับต่างฮือฮาขึ้นมา
แม้ทุกข่าวจะยืนยันว่าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งเห็นตัวหลินสวินกับตาเป็นครั้งแรก!
ทุกสายตาต่างมองไปทางหลินสวินโดยพร้อมเพรียงทันที สีหน้าแตกต่างกันออกไป
เทพมารหลิน!
สี่ปีมานี้ยังคิดว่าบุคคลในตำนานผู้นี้ร่วงหล่นราวดาวหางไปแล้ว แต่เขากลับใช้ท่าทีแข็งกร้าว เหยียบร่างไร้วิญญาณของผู้แข็งแกร่งแดนนรกกลับมาสู่ครรลองสายตาของผู้คน!
……………..