บทที่ 2031 ใต้หล้าไร้ชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ผังเสี้ยวเสี้ยวอึกอักเหมือนอยากพูดอะไร เหมียวอี้ส่งข้อความมากำชับนาง บอกว่าเขามาอยู่ด้วยไม่ได้ บอกนางว่าอย่าเอาแต่เที่ยวเล่น ให้อยู่ข้างกายมารดาเพื่อแสดงความกตัญญูแทนเหมียวอี้

เมื่อถูกเหมียวอี้วางกับดักด้วยคำพูด ผังเสี้ยวเสี้ยวก็รับประกันว่าจะปรนนิบัติอยู่ข้างกายมารดาโดยไม่ห่างไปแม้แต่ก้าวเดียว

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ยังจะมีใครก่อเรื่องที่นี่เชียวหรือ?” ผังอวี้เหนียงพูดทิ้งท้ายแล้วเดินไป

“ยังไม่รีบไปอีก!” จาหรูเยี่ยนถลึงตาใส่ผังเสี้ยวเสี้ยว

เมื่อเห็นท่าทางพี่สาวเป็นแบบนั้น ผังเสี้ยวเสี้ยวก็ทำใจมองพี่สาวไปคนเดียวไม่ได้ รู้สึกว่าออกไปชั่วคราวก็ไม่เป็นอะไร ถึงได้ลุกขึ้นตามไป

พอมาถึงในลานบ้าน ก็พบว่าพี่สาวกำลังเงยหน้ามองพระจันทร์อยู่คนเดียว ทำให้อดไม่ได้ที่จะปวดใจ ผังเสี้ยวเสี้ยวเดินเข้าไป คล้องแขนพี่สาวเอาไว้แล้วถามว่า “ข้าไม่ได้เจอพี่จวินโหรวมานานแล้วเหมือนกัน ไปด้วยกันเถอะค่ะ”

ผังอวี้เหนียงเหลือบตาขึ้นมองอย่างเมามาย เห็นน้องสาวดูสวยพริ้งขึ้นทุกวัน จึงยื่นมือช้อนคางนางแล้วพูดหยอกว่า “นางหนู ไปกินของดีอะไรมาลับหลังพี่สาว ผิวพรรณชุ่มฉ่ำเฉิดฉายแล้ว ซ่อนของดีอะไรไว้ไม่แบ่งพี่สาวบ้าง?”

คนพูดไม่ได้ตั้งใจ แต่คนฟังคิดลึก ผังเสี้ยวเสี้ยวแก้มแดงเรื่อ “พี่คะ พูดเหลวไหลอะไรกัน” ท่านพ่อท่านแม่กำชับนางไว้ว่าไม่ให้บอกใครเรื่องแต่งงาน

“เจ้ากลับไปเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ทำไมคนในบ้านชอบพากันคิดว่าข้าจะผูกคอตายล่ะ?” ผังอวี้เหนียงผลักมือน้องสาวออก

“ไม่เป็นไรค่ะ ดูคนเสแสร้งอยู่บนตึกก็ไม่น่าสนุกอะไร ข้าก็อยากไปเจอพี่จวินโหรวเหมือนกัน” ผังเสี้ยวเสี้ยวกล่าว

“เด็กแก่แดด!” ผังอวี้เหนียงเอาปลายเล็บวาดจมูกน้องสาว พอกางแขนสองข้าง บนตัวก็มีไอหมอกกลุ่มหนึ่งลอยออกมาพร้อมกลิ่นหอมของสุรา ร่ายอิทธิฤทธิ์ขับไล่พิษสุราแล้ว แววตากลับมาใสกระจ่างอีกครั้ง “ไปกันเถอะ!”

ไม่มีแสงสว่างจากโคมไฟ แต่ดอกไม้นานาชนิดเรืองแสงสว่างไหวราวกับลายผ้าแพร ใต้ศาลาหลังหนึ่งบนภูเขา หวงฝู่จวินโหรวกำลังดูดาวบนท้องฟ้าอยู่เพียงลำพัง

สองพี่น้องตระกูลผังจูงมือกันเหาะเข้ามา พอผังเสี้ยวเสี้ยวเห็นหวงฝู่จวินโหรวก็ทำความเคารพทันที “พี่จวินโหรว”

หวงฝู่จวินโหรวตะลึงไปชั่วครู่ หลังจากมองประเมินศีรษะจดเท้า ก็ถามอย่างตะลึงว่า “น้องเสี้ยวเสี้ยวเหรอ ไม่เจอกันหลายปี โตเป็นสาวสะพรั่งแล้ว ข้าเกือบจำไม่ได้ ยิ่งโตยิ่งสวยจริงๆ”

“พี่จวินโหรวต่างหากที่สวย” ผังเสี้ยวเสี้ยวเขินอายเล็กน้อย

ผังอวี้เหนียงเดินเข้ามาในศาลา แล้วส่ายหน้าถอนหายใจ “น้องสาวข้ายิ่งนับวันยิ่งสวยขึ้นจริงๆ ข้าไม่เจอแค่ไม่กี่วันก็พบว่าสวยขึ้นอีกแล้ว” นางเดินตรงไปนั่งลงแล้วหยิบกาสุรากับจอกสุรา

หวงฝู่จวินโหรวจูงมือผังเสี้ยวเสี้ยวเข้ามานั่งในศาลา ผังอวี้เหนียงกำลังจะรินสุรา แต่หวงฝู่จวินโหรวกลับยกมือห้ามไว้ “สุราดีจะขาดกับแกล้มได้ยังไง รอประเดี๋ยว กำลังจะมีคนนำของอร่อยมาให้”

ผังอวี้เหนียงงงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มทันที เดาออกแล้วว่าคนที่จะนำมาให้คือใคร

เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ไม่นานก็มีบ่าวรับใช้เดินมาพร้อมยอดหญิงงามคนหนึ่ง ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นก่วงเม่ยเอ๋อร์นั่นเอง

หลังจากเข้ามาทักทายกันแล้ว บ่าวรับใช้ก็ถือถาดจัดวางอาหาร กลับแกล้มแสนอร่อยหกเจ็ดอย่างถูกวางบนโต๊ะ จากนั้นบ่าวรับใช้ก็ถูกก่วงเม่ยเอ๋อร์ไล่ออกไปจากตรงนั้น

ผู้หญิงสี่คนดื่มสุราพลางพูดคุยปนเสียงหัวเราะ แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น มีเสน่ห์แตกต่างกันไป เป็นราตรีที่เต็มไปด้วยความสุข

ผังเสี้ยวเสี้ยวจิบสุราเบาๆ ไม่มีความกลัดกลุ้มอะไรต้องระบาย

ก่วงเม่ยเอ๋อร์ค่อนข้างรักษาระดับเช่นกัน มารดานางตั้งความหวังไว้สูง ทางบ้านอบรมเข้มงวด นางไม่ทำเรื่องที่ปล่อยตัวปล่อยใจเกินไป

กลับเป็นหวงฝู่จวินโหรวกับผังอวี้เหนียงที่เป็นสหายร่วมวงสุรากันอย่างเห็นได้ชัด ตอนอยู่ต่อหน้าคนนอกอาจจะยังสำรวม เมื่อไม่มีคนนอกแล้ว ทั้งสองก็ค่อนข้างปลดปล่อย ดื่มสุรากาแล้วกาเล่า ผังเสี้ยวเสี้ยวโน้มน้าวให้เพลาๆ แต่ก็ไม่ได้ผล ไม่นานทั้งสองก็ดื่มจนเมาแล้ว

ว่ากันว่าคนประเภทเดียวกันมักคบหากันเป็นสหาย คำกล่าวนี้ไม่ผิดเลยสักนิด ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายหมื่นปี ลูกสาวของขุนนางเต็มราชสำนัก คนที่รุ่นราวคราวเดียวกับผังอวี้เหนียงแต่ยังไม่ได้แต่งงานนั้นมีน้อยจนนับนิ้วได้

ผังอวี้เหนียงไม่ได้แต่งงานเพราะอะไรทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ นับว่าเป็นคนที่ขมขื่นใจที่สุดตรงนี้ เริ่มตั้งแต่สมัยก่อนที่สวยใสไร้เดียงสา แล้วต่อมาก็ใฝ่ฝันถึงความรัก กระทั่งเผชิญสภาพอันน่าจนใจในปัจจุบัน เป็นคนสวยมากแท้ๆ แต่กลับมามีใครกล้าแต่งงานด้วย มีคนอยากจะอาศัยเกาะขาเพื่ออนาคตมากมาย แต่ตำแหน่ง ฐานะ ชาติตระกูล ความสามารถเป็นสิ่งที่คนในตระกูลผังต้องพิจารณาแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าตระกูลผังจะมอบลูกสาวให้แต่งงานกับใครก็ได้ ยังไม่ถึงขั้นหิวจนกินไม่เลือก

ส่วนก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็เป็นเพราะเมื่อก่อนก่วงลิ่งกงแอบสนใจเหมียวอี้ จึงถ่วงเวลาจนอายุนางมากขึ้น ตอนนี้ก่วงลิ่งกงก็สนใจชิงหยวนจุนอีกแล้ว แต่ก่วงเม่ยเอ๋อร์เฉยๆ กับเรื่องนี้ เพราะนางมีคนในใจแล้ว ในปีนั้นเคยกอดเหมียวอี้มาแล้ว เคยโดนเหมียวอี้ลูบไล้มาแล้วเช่นกัน มีเจ้าของหัวใจแล้ว เพียงแต่ในใจก็กลัดกลุ้มเหมือนกัน

ส่วนหวงฝู่จวินโหรวก็ถูกเหมียวอี้หลอกต้มยับเยิน ได้แต่ลักลอบทำเรื่องที่บอกใครไม่ได้ ตอนนี้ต่อให้มารดานางมีหนทางเตรียมแผนอื่นช่วยลูกสาวแต่ก็ไม่กล้าทำอยู่ดี เป็นเพราะเหมียวอี้มีฐานะสูงและมีอำนาจมากจนไปมีเรื่องด้วยไม่ไหว

ผู้หญิงอายุมากที่ขายไม่ออกพวกนี้จึงมารวมตัวกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เวลาไปเที่ยวเล่นกับคนอื่น พวกนางมักรู้สึกว่าถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ผู้หญิงพวกนั้นเอะอะก็ชมผู้ชายของตัวเองว่าดีอย่างนั้นดีอย่างดี เอาผู้ชายมาเปรียบเทียบกันเอง จะให้พวกนางทนความรู้สึกได้อย่างไร?

ทว่าเวลาพวกนางอยู่ด้วยกันกลับไม่ต้องกังวลด้านนี้ เรียกได้ว่ามีชะตาเดียวกันพูดคุยภาษาเดียวกัน หยอกล้อกันเองก็ไม่เป็นอะไร

“หวังเฟยไม่ได้มานี่นา แล้วเจ้ามาได้ยังไง?” ผังอวี้เหนียงถามก่วงเม่ยเอ๋อร์

ก่วงเม่ยเอ๋อร์หัวเราะคิกคัก “ทีแรกก็ไม่อยากมาหรอก แต่ได้ยินว่าพี่จวินโหรวจะมา ถึงยังไงข้าก็ว่าง ก็เลยมาสักหน่อย”

“ทุกครั้งที่จัดงานชุมนุมตระการตาจะมีชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศที่ยังไม่ได้แต่งงานมาเยอะเลย หวังเฟยพลาดโอกาสเลือกลูกเขยได้ยังไงลนะ” ผังอวี้เหนียงพูดหยอก

ก่วงเม่ยเอ๋อร์พูดดูถูกว่า “อวี้เหนียงคิดถึงผู้ชายจนเป็นบ้าไปแล้วมั้ง? มีชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศเสียที่ไหนกัน เป็นพวกสายตาสูงฝีมือต่ำที่อาศัยอำนาจบิดากันทั้งนั้น พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อที่แต่งหน้าทาแป้งเที่ยวผู้หญิง ควรค่าที่จะเป็นชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศด้วยเหรอ?”

“สมกับเป็นลูกสาวท่านอ๋อง รสนิยมสูงทีเดียว ใต้หล้านี้ไร้ชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศ!” ผังอวี้เหนียงกล่าวกลั้วหัวเราะ

“ชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศก็ยังมี เพียงแต่…” ในหัวก่วงเม่ยเอ๋อร์ปรากฏเงาร่างของคนคนหนึ่ง พูดในใจว่าคนคนนั้นไม่ใช้ชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศในใต้หล้าหรอกหรือ คนคนนี้ไม่ว่าใครก็เทียบไม่ติดทั้งนั้น ไม่ว่าใครมาเทียบก็ดูแย่ทั้งนั้น  นางแอบทอดถอนใจ แล้วเปลี่ยนประเด็นสนทนา “คนที่มีอนาคตในตระกูลจริงๆ ใครจะมาที่นี่บ้างล่ะ? ถ้าท่านแม่คิดจะมาหาลูกเขยที่นี่ก็คงเป็นบ้าแล้วล่ะ ว่าแต่เจ้าเถอะ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ?”

“ใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่รู้สถานการณ์ของข้า กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องน่าขำของคนทั้งโลกแล้ว ต้องมีผู้ชายกล้ามาแต่งงานกับข้าด้วยสิ! ดังนั้นต้องฉลองให้คำพูดเมื่อครู่นี้ของเม่ยเอ๋อร์…” ผังอวี้เหนียงชูจอกสุราฉลอง ยิ้มมุมปากเย้ยตัวเอง “ผู้ชายที่มีอนาคตในใต้หล้า แต่ละคนปณิธานยิ่งใหญ่ทั้งนั้น ในสายตาจับจ้องแต่อนาคต จะมาเห็นผู้หญิงอยู่ในสายตาได้ยังไง สำหรับพวกเขาน่ะ ผู้หญิงคือสิ่งที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ ขอเพียงมีอำนาจแล้ว มีอะไรบ้างที่อยากได้แล้วไม่ได้? โลกนี้ไม่ยุติธรรมกับผู้หญิง ทำไมผู้หญิงต้องซื่อสัตย์กับคนเดียวไปตลอดชีวิต แต่ผู้ชายมีเมียได้เป็นโขยง!”

ในใจนางมีความคับแค้นต่อผู้ชาย มีความคับแค้นต่อคนในบ้านด้วย

“คนที่กล้าแต่งงานกับน้องสาวมีอยู่แล้ว” หวงฝู่จวินโหรวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ผู้ชายไร้ประโยชน์ที่จะอาศัยผู้หญิงเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งเหรอ?” ผังอวี้เหนียงพูดเหยียด

หวงฝู่จวินโหรวส่ายหน้า “ข้ารู้จักอยู่คนหนึ่งที่ไม่อาศัยผู้หญิงเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง เป็นชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศ ทั้งยังไม่กลัวหวังลั่วด้วย ฐานะก็คู่ควรกับเจ้า ถ้าเจ้ายินดีจะแต่งงาน ข้าก็เป็นแม่สื่อให้เจ้าได้นะ กลัวก็แต่พ่อเจ้าจะไม่กล้าอนุญาตน่ะสิ!”

“มีเรื่องดีแบบนี้ด้วย พี่ยังหลีกทางให้คนอื่นได้ด้วยเหรอ?” ก่วงเม่ยเอ๋อร์เอามือป้องปากหัวเราะ

หวงฝู่จวินโหรวเม้มปากยิ้ม “ข้าแต่งออกไม่ได้ มีแต่ต้องแต่งเข้า เหอะๆ!”

พวกสาวๆ อมยิ้ม เข้าใจความหมายที่นางสื่อแล้ว ตระกูลหวงฝู่มีแต่ต้องแต่งงานรับลูกเขยเข้ามาเท่านั้น

ผังอวี้เหนียงสงสัยใคร่รู้ “ที่พี่พูดหมายถึงใครคะ พูดให้ฟังหน่อย” นางแค้นเรื่องการแต่งงานจริงๆ อยากจะรีบแต่งงานไวๆ

หวงฝู่จวินโหรวหรี่ตา “คนนี้พวกเจ้าสองคนรู้จัก ผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล…หนิวโหย่วเต๋อ!”

เมื่อกล่าวแบบนี้ วงสุราก็เงียบลงทันที ก่วงเม่ยเอ๋อร์แอบกัดฟัน ส่วนผังเสี้ยวเสี้ยวก็ประสานนิ้วมือ

ผังอวี้เหนียงเงียบไปพักหนึ่ง แล้วส่ายหน้า “เขามีเมียแล้ว ถ้าเต็มใจเป็นอนุภรรยา ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเลือกเขาเท่านั้นหรอก โลกนี้มีผู้ชายตั้งมากมาย แต่จะว่าไปแล้ว หนิวโหย่วเต๋อก็เป็นคนที่โดดเด่นจริงๆจะบอกว่าเขาเป็นชายผู้เก่งกาจล้ำเลิศก็ไม่ถือว่าเกินไป ใต้หล้านี้ไม่มีใครเทียบเขาได้แล้ว ถ้าเขายินดีแต่งงานกับข้า ให้เป็นอนุภรรยาของเขาแล้วยังไงล่ะ?” เห็นได้ชัดว่าพูดเพราะความเมาเล็กน้อย

ผังเสี้ยวเสี้ยวได้ยินแล้วเบิกตากว้าง อกสั่นขวัญแขวนอยู่พักหนึ่ง

หวงฝู่จวินโหรวก็แค่ล้อเล่น นึกไม่ถึงว่านางจะยินดีจริงๆ เบิกตากว้างเช่นกัน “เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย? เจ้าเต็มใจเป็นอนุภรรยของเขาเหรอ?”

ผังอวี้เหนียงดื่มย้อมใจอึกหนึ่ง แล้วพูดขณะที่ตาปรือ “อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ชายที่มีคุณธรรมน้ำมิตร นึกถึงตอนนั้นต่อให้ไม่มีอนาคต แต่ก็ยอมชี้หน้าด่าอ๋องสวรรค์อิ๋งว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ กล้านำกำลังพลครึ่งธงพยัคฆ์ไปสู้กับทัพใหญ่หนึ่งล้านเพื่อผู้หญิงที่ตัวเองรัก เป็นแม่ทัพที่เกรี้ยวโกรธเพราะสาวงาม ให้ความสำคัญกับความรักและมิตรภาพ ห้าวหาญชาญรบ กลอุบายไม่เคยขาด ก่อกวนสถานการณ์ในใต้หล้า มองข้ามหัวกลุ่มวีรบุรุษในใต้หล้า อายุยังน้อยแต่ก็มีตำแหน่งเหมือนอย่างทุกวันนี้ได้แล้ว ที่หายากที่สุดก็คือ ขนาดอยู่ในตำแหน่งอย่างเขาแล้ว แต่มีแค่ฮูยินหนึ่งคนกับอนุภรรยาหนึ่งคน จะเห็นได้ว่ารักษาใจเดิมไว้ได้ดี ไม่ลืมความมุ่งมาดปรารถนาเดิม กับผู้ชายแบบนี้ ต่อให้เป็นอนุภรรยาของเขาก็ไม่น่าอายหรอก ในปีนั้นข้าก็เคยชื่นชมเขามากเหมือนกัน สาวน้อยคนไหนไม่เคยมีความรักบ้างล่ะ ได้เจอเขาครั้งแรกที่อุทยานหลวง แต่น่าเสียดายที่ไร้วาสนา นึกไม่ถึงว่าชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายปีแล้วแล้ว อีกฝ่ายเป็นเจ้าอาณาเขตที่ข่มวีรบุรุษ เกรงว่าในสายตาเขาข้าคงเป็นแค่หนอนที่น่าสงสารตัวหนึ่ง เขาไม่ชายตาเหลียวแลเลย”

ปลดปล่อยความคิดในใจออกมาตามฤทธิ์สุรา เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าสหายเหล่านี้ไม่มีอะไรต้องกังวล

ผังเสี้ยวเสี้ยวก้มหน้ากัดริมฝีปาก นางนึกไม่ถึงว่าพี่สาวสนใจหนิวโหย่วเต๋อตั้งนานแล้ว ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ตอนท่านพ่อนำพี่สาวมาบีบบังคับ ตัวเองก็คงช่วยให้พี่สาวสมหวังไปแล้ว

ก่วงเม่ยเอ๋อร์เองก็ถูกคำพูดนี้กระตุ้นให้เกิดความคิดบางอย่างเช่นกัน

หวงฝู่จวินโหรวเองก็คิดถึงคนเลวคนนั้น ในค่ำคืนที่เปล่าเปลี่ยวเช่นนี้ จู่ๆ ก็อยากคุยกับคนเลวคนนั้น นางทำสายตาล่อกแล่ก แล้วหยิบระฆังดาราออกมา พูดหยอกล้อว่า “เมื่อก่อนตอนอยู่ตลาดสวรรค์ข้าเคยติดต่อกับเขา มีระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกับเขาอยู่ จะให้ข้าช่วยเป็นแม่สื่อให้เจ้ามั้ยล่ะ?”

ผังอวี้เหนียงหน้าแดงก่ำ นางก็แค่พูดเท่านั้นเอง มีหรือที่จะกล้าทำจริง แต่พอเห็นใบหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ของหวงฝู่จวินโหรว ก็นึกอีกฝ่ายจะท้าทายนาง จึงอาศัยฤทธิ์สุราพูดไปว่า “ถ้าเขากล้าแต่ง ข้าก็กล้าแต่ง!”

ก่วงเม่ยเอ๋อร์งุนงง ผังเสี้ยวเสี้ยวตกใจจนอ้าปากค้าง

หวงฝู่จวินโหรวยิ้มเจ้าเล่ห์จริงๆ ร่ายอิทธิฤทธิ์เขย่าระฆังดารา ติดต่อไปหาเหมียวอี้แล้ว ถามตรงๆ เลยว่า : ผู้ตรวจการใหญ่ มีเรื่องงดงามเรื่องหนึ่ง เจ้าจะกล้ารับไว้หรือเปล่า?

เหมียวอี้ที่กำลังคุยงานถูกนางปั่นจนงุนงง ถามว่า : จะมีเรื่องดีอะไรได้?

หวงฝู่จวินโหรว : สายเถาะจอมพลมีลูกสาวชื่อผังอวี้เหนียง เจ้ายินดีจะแต่งงานกับนางหรือเปล่า เจ้ากล้าแต่งงานกับนางหรือเปล่า?

ผังอวี้เหนียงมองนางอย่างวิตกกังวล คงไม่ได้ติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อจริงๆ หรอกใช่มั้ย? ถ้าจริง นางคงอับอายตายแน่

ผังเสี้ยวเสี้ยวกังวลเช่นกัน หวังว่าหวงฝู่จวินโหรวจะไม่เล่นแบบนี้

เหมียวอี้เหม่อแล้ว พี่สาวของเสี้ยวเสี้ยวเหรอ? เขาด่ากลับว่า : จวินโหรว เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?

หวงฝู่จวินโหรว : ไม่ได้พูดเหลวไหล ข้างกายข้ามีสาวสวยนั่งอยู่หลายคน สองพี่น้องตระกูลผัง แล้วก็มีก่วงเม่ยเอ๋อร์ เจ้าอยากได้คนไหนเดี๋ยวข้าจะเป็นแม่สื่อให้ ดูสิว่าข้าดีกับเจ้าขนาดไหน?

เสี้ยวเสี้ยวก็อยู่ด้วยเหรอ? เหมียวอี้ถามทันที : พวกเจ้าอยู่ด้วยกันได้ยังไง?

หวงฝู่จวินโหรวเล่าเรื่องที่เข้าร่วมงานชุมนุมตระการตาให้ฟังคร่าวๆ เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที นางเด็กเสี้ยวเสี้ยวนั่นทำไมไม่เชื่อฟัง แล้วหวงฝู่จวินโหรวมาร่วมวงได้ยังไง? ช่างไม่กลัวอะไรเลยจริงๆ!

………………