บทที่ 1276 นึกทบทวน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,276 นึกทบทวน

“เจ้าค่ะ”

ชิงเล่ยตอบรับหลินเป่ยเฉินด้วยความเชื่อฟัง

หลังจากนั้น นางก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นี่หมดเวลาพักแล้ว ได้เวลาที่นางจะกลับไปสะสางงานในหอการค้าต่อ

ช่างเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานเหลือเกิน

หลินเป่ยเฉินนอนแผ่หราอยู่บนเตียง ระบายลมหายใจเข้าออก ในสมองกำลังฉายภาพการแข่งขันของตนเองในรอบที่สองซึ่งเพิ่งจะผ่านพ้นไป

การประมูลรูปสลักเทวะทำให้เขาได้คะแนนศรัทธามากถึงสี่ร้อยสามสิบล้านแต้ม

แต่กว่าหนึ่งร้อยล้านแต้มมาในรูปแบบสัญญากู้ยืม

หลินเป่ยเฉินตั้งใจจะไปเก็บหนี้ในภายหลังพร้อมกับดอกเบี้ยมหาโหด

การชำแหละชิ้นส่วนซากราชาหมาป่าศิลาออกวางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะส่วนต่าง ๆ รวมไปถึงโครงกระดูกและขนของมัน ก็น่าจะทำราคาโดยรวมไม่ต่ำกว่าคะแนนศรัทธาห้าร้อยล้านแต้ม

หากเป็นเช่นนี้ ทำงานเก็บเงินอีกเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็จะสามารถซื้อโอสถหัวใจพฤกษาได้แล้ว

เยว่หงเซียงจะกลับมามีใบหน้างดงามดังเดิม

หากไม่มีเหตุร้ายใดแทรกซ้อน เรื่องนี้น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว

ขั้นตอนต่อไปคือการหายารักษาโรคบุปผามรณะ

นี่คือแผนการในระยะยาว

มีหลายปัจจัยที่หลินเป่ยเฉินไม่สามารถกำหนดได้ด้วยตนเอง

เขาไม่ทราบเลยว่าเฉียนหลง คุณชายตระกูลใหญ่จะสามารถกลับออกมาจากการแข่งขันรอบที่สองได้อย่างมีชีวิตหรือไม่ หรือการทดลองยาตัวแรกของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็ลองส่งข้อความไปทางกำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สาม

เฉียนหลงตอบข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว ‘กราบเรียนคุณชาย มีข่าวดีกับข่าวร้าย ไม่ทราบว่าคุณชายอยากฟังข่าวไหนก่อน?’

นี่แสดงว่าเฉียนหลงรอดชีวิตกลับออกมาจากการแข่งขันรอบที่สองได้อย่างไม่มีปัญหา

‘ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนเป็นลำดับแรก’

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปอย่างฉุนเฉียว

เฉียนหลงไม่กล้าเล่นลีลาอีก และรีบบอกข่าวสำคัญออกมาทันที ‘ข่าวดีก็คือโอสถเป่ยเฉินใช้ได้ผลขอรับ มันสามารถรักษาคนป่วยใกล้ตายระยะสุดท้ายให้มีอาการดีขึ้นได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ อีกด้วย สรุปได้ว่ามันเป็นโอสถที่สามารถบรรเทาอาการช่วยให้ผู้ป่วยไม่เจ็บไม่ปวด แต่ข่าวร้ายก็คือมันทำได้เพียงบรรเทาอาการให้ทุเลา แต่ไม่สามารถใช้รักษาโรคให้หายขาดได้ขอรับ’

หืม?

หลินเป่ยเฉินอ่านข้อความจบก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

บนโลกมนุษย์ในชาติภพที่แล้วของเขา ยาไอบูโพรเฟนมักจะถูกใช้ในการลดไข้และบรรเทาอาการเจ็บปวด

นับเป็นการรักษาตามอาการ มากกว่าเป็นการรักษาที่ต้นตอของปัญหา

ดังนั้น ยาไอบูโพรเฟนที่วางขายอยู่ในเถาเป่าก็น่าจะให้ผลที่ใกล้เคียงกันแล้วกระมัง?

เด็กหนุ่มคิดอะไรได้บางอย่าง

‘เจ้ารีบมาที่นี่ ข้ามีโอสถตัวใหม่ให้เจ้าไปลองรักษาผู้คน’

หลินเป่ยเฉินส่งที่อยู่ในปัจจุบันของตนเองออกไป

หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็เปิดแอปเถาเป่าในโทรศัพท์มือถือ กดเข้าไปในหมวดหมู่สินค้ายารักษาโรค

หลังจากใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย เขาก็กดสั่งยามาสี่ชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยยาอะม็อกซีซิลลิน ยาเซฟทาโรลีน ยาเหลียนฮัวชิงเหวินชนิดแคปซูล และยาโอเซลทามิเวียร์

ทั้งหมดล้วนเป็นยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคและไวรัส

หากโรคบุปผามรณะเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายได้รับไวรัสแปลกปลอม ยาเหล่านี้ก็น่าจะมีบทบาทสำคัญไม่น้อย

เมื่อกดสั่งสินค้าทั้งหมด หลินเป่ยเฉินก็จ่ายเงินเป็นศิลาบูชาหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยก้อน และกดเลือกการขนส่งแบบ ‘เร่งด่วน’

เพียงก้านธูปเดียวเท่านั้น วังน้ำวนสีดำก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา

กล่องยาสี่ชนิดร่วงลงมาสู่อ้อมแขนของหลินเป่ยเฉิน

“ยาสี่ตัวนี้น่าจะใช้ได้ผลบ้างล่ะนะ ส่วนจะรักษาได้หรือไม่…คงขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว”

พวกมันต่างก็เป็นยาราคาถูกที่สามารถซื้อหาได้จากแอปเถาเป่า ถ้าใช้รักษาโรคบุปผามรณะได้จริง หลินเป่ยเฉินก็จะสามารถนำมาโขกราคาต่อได้กำไรไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

เด็กหนุ่มค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

สิ่งที่เขาควรเป็นกังวล นอกจากเรื่องการซื้อหาโอสถหัวใจพฤกษากับการรักษาโรคบุปผามรณะแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่เท่านั้น

ตามตารางการแข่งขันเดิม เมื่อผ่านรอบแรกและรอบที่สองมาได้ รอบต่อไปพวกเขาก็จะไปแข่งขันกันที่หุบเหวโหยหวน

ว่ากันว่าหุบเหวโหยหวนเป็นส่วนหนึ่งของหุบผาอเวจี มันเป็นหุบเหวที่ไม่มีก้นบึ้ง ตลอดทั้งปีปกคลุมด้วยหมอกหนา และมักจะมีผู้คนได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากก้นเหวด้านล่างเสมอ

แม้แต่บรรดาเทพเจ้าก็ยังไม่รู้ว่าก้นเหวแห่งนี้มีอะไรซ่อนอยู่ และสิ่งที่จะทำให้ข้ามหุบเหวแห่งนี้ไปได้ก็คือสะพานโบราณที่ถูกสร้างมาเนิ่นนานแล้วเท่านั้น

สะพานหินโบราณนี้ก็คือสังเวียนประลองของผู้เข้าแข่งขันในรอบต่อไป

การแข่งขันรอบที่สามเหลือผู้เข้าแข่งขันเข้าร่วมประมาณหกร้อยชีวิต

การต่อสู้ที่หุบเหวโหยหวนจะแบ่งแยกเป็นการต่อสู้แบบกลุ่มและการต่อสู้แบบตัวต่อตัว

การต่อสู้แบบกลุ่มจะทำให้มีผู้คนตกรอบจำนวนมาก

สามารถคัดเลือกให้เหลือเพียงสามสิบคนสุดท้ายได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น ก็จะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวที่จะคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันเข้าสู่รอบสุดท้าย

เมื่อคำนวณระยะเวลาในการแข่งขันแล้ว น่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบวัน

“อีกประมาณครึ่งเดือน เราคงต้องจากที่นี่ไปแล้วสินะ”

หลินเป่ยเฉินอดรู้สึกเศร้าสร้อยขึ้นมาไม่ได้

ในแผ่นดินตงเต้ายังคงมีปัญหามากมายรอให้เขากลับไปจัดการ

แต่หากเขาเรืองอำนาจในดินแดนทวยเทพได้สำเร็จ ทุกปัญหาที่อยู่ในแผ่นดินตงเต้าก็จะสามารถขจัดได้อย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ?

เมื่อถึงตอนนั้น เว่ยหมิงเฉินก็จะหนีความตายไม่พ้นอีกแล้ว

คิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็อดหัวเราะออกมาด้วยความภาคภูมิใจไม่ได้

เขาลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้า ค้นหาและยืนยันจนแน่ใจว่ารูปสลักเทวะสีแดงประหลาดที่ไม่เหมือนกับรูปสลักตัวอื่น ๆ นั้นได้หายไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนที่กำลังจะกลับออกมาจากทะเลทรายทองคำ การที่เขาสามารถขอพรวิเศษได้นั้น ก็น่าจะมาจากรูปสลักตัวนี้เอง

มันหายไปแล้วเพราะเขาขอพรสำเร็จแล้วใช่หรือไม่?

นั่นหมายความว่ารูปสลักทุกตัวน่าจะซ่อนพลังบางอย่างอยู่สินะ?

แต่ตอนนั้นหลินเป่ยเฉินได้ลองใช้พลังตรวจสอบดูทุกอย่าง เขาก็ไม่ได้รับรู้ถึงพลังประหลาดที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวรูปสลักเหล่านั้นเลย

หลินเป่ยเฉินอดสงสัยไม่ได้ว่าหรือเขาจะแข็งแกร่งไม่พอ?

สิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ผิดทั้งหมด

นั่นนำมาสู่คำถามอีกครั้งว่า รูปสลักเหล่านี้มีพลังวิเศษของตัวมันเองอยู่แล้ว หรือเป็นพลังวิเศษที่ทางสภาเทพเจ้าจัดเตรียมเอาไว้? เพราะมันเป็นความหวังเดียวที่ผู้เข้าแข่งขันจะใช้พรวิเศษ ช่วยให้ทุกคนรอดชีวิตกลับออกมาจากทะเลทรายมรณะ?

หลินเป่ยเฉินเคยเป็นโอตาคุในชาติภพที่แล้ว เพราะฉะนั้น เขาจึงหลงใหลในเรื่องทฤษฎีสมคบคิด

แต่ระหว่างที่ใช้ความคิดมาถึงตรงนี้ กำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สามของเขาก็สั่นไหวเพราะมีคนติดต่อเข้ามา

‘บัดนี้คุณชายอยู่ที่ไหนขอรับ? บิดามารดาของข้าน้อยอยากจะขอบคุณคุณชายเป็นการส่วนตัว…’

นี่คือข้อความจากกวนรั่วเฟย

‘คุณชายขอรับ เผ่าของข้าน้อยอยากจะมอบสิ่งของตอบแทนบุญคุณของคุณชาย’

นี่คือข้อความจากซือเกินตั๋ง

‘คุณชายขอรับ น้องสาวของข้าอยากจะรู้จักท่าน นางเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งในพื้นที่เขต 1 แดนพายัพของพวกเรา…’

นี่คือข้อความจากลู่ปิงเหวิน

หลังจากนั้น ก็เป็นข้อความจำนวนมากจากบรรดาผู้เข้าแข่งขันที่หลินเป่ยเฉินขอพรวิเศษช่วยชีวิตเอาไว้จากความตายในทะเลทรายทองคำ

คนดีย่อมทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

แต่แน่นอนว่าหลินเป่ยเฉินย่อมไม่ใช่คนประเภทนั้น

ดังนั้น เมื่อเสียเวลาคิดทบทวนเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็สั่งให้ทุกคนเพิ่มหมายเลขติดต่อของตนเองเข้ามาในบัญชีผู้ใช้งานของเขา

เด็กหนุ่มมีเจตนาเช่นใด?

เขามีเจตนาจะไปทวงบุญคุณทีละคนในภายหลัง

เมื่อส่งข้อความครบทุกคนแล้ว หลินเป่ยเฉินก็รีบกลับมาตอบข้อความของลู่ปิงเหวิน

‘เจ้ามาหาข้าที่นี่’

เขาส่งที่อยู่ของหอสุราเหมียวเหมียวหง่าวประจำสถานีขนส่งแดน 4 ไปให้กับลู่ปิงเหวิน

นี่คือการนัดพบกันส่วนตัวใช่หรือไม่?

ถูกต้องแล้ว

หลินเป่ยเฉินประทับใจในช่วงคิ้วที่คมเข้มและหน้าตาที่ดูฉลาดเฉลียวของคุณชายผู้สูงศักดิ์คนนี้ ซึ่งหลังจากได้เคยปะทะฝีมือกันแล้ว หลินเป่ยเฉินจึงมั่นใจว่าลู่ปิงเหวินแท้จริงเป็นเพียงตัวโง่งมผู้หนึ่งเท่านั้น…

คนประเภทนี้สามารถหลอกใช้ได้โดยสะดวก

ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับน้องสาวผู้งดงามของลู่ปิงเหวินแม้แต่น้อย

เมื่อหลินเป่ยเฉินจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ชิงเล่ยก็เลิกงานพอดี

“พวกเราไปที่หอสุราเหมียวเหมียวหง่าวกันเถอะ”

หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มอย่างอบอุ่น

ชิงเล่ยหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

เด็กหนุ่มผู้นี้เปรียบดั่งสุนัขหิวโหย ป้อนเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่มสักที

แต่หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าในเวลาเดียวกันนี้ ทั่วทั้งเมืองเยี่ยเฉิงกำลังเกิดความตื่นตระหนกชนิดสะเทือนฟ้าสะท้านดิน

นั่นเป็นเพราะว่ามีผู้เข้าแข่งขันในทะเลทรายทองคำสามารถทำคะแนนได้สูงส่งมากเกินไป ผู้เข้าแข่งขันลำดับที่สองร้อยในทะเลทรายทองคำ กลับมีคะแนนเท่ากับผู้เข้าแข่งขันลำดับที่ห้าหรือลำดับที่หกจากสนามแข่งขันอื่น ๆ ซึ่งนี่คือความพิสดารที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…