ตอนที่ 2377 โลกตะลึง!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“พวกฉินเชานั้นกลับทำได้จริง! มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“สิ่งที่น่ากลัวนั้นมันมิใช่เรื่องที่ทำสำเร็จ แต่เป็นเรื่องที่ไม่มีข่าวใดส่งออกจากวังสวรรค์เฝ้าเลยต่างหาก!”

“เจ้าหนุ่มคนนั้นมันเป็นใครกันแน่? เขาทำมันได้อย่างไรกัน?”

เกิดความสงสัยมากมายล้นขึ้นมาในใจของคนนิกายม่วงน้อย

พวกเขาทั้งหลายนั้นคิดหวังจะลากคอฉินเชากลับมาเมื่อจะได้ถามว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เจ้าหนุ่มคนนั้นมันปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันเกินไป

กำลังของเขานั้นมันเหนือล้ำจนทำให้ขนบนร่างของผู้คนต้องลุกตั้ง

ลึกลับจนเกินหยั่ง!

ในดินแดนฟ้าใต้นี้มันมีเพียงแค่นิกายม่วงน้อยเท่านั้นที่รู้ถึงเรื่องราวเบื้องหลัง

แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากมาย

โชคยังดีที่ข่าวใดๆ นั้นไม่หลุดรอดออกไป เท่านี้อย่างน้อยๆ นิกายม่วงน้อยก็คงไม่ถูกจับเข้าไปเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องราว

เพราะว่าทางเผ่าเทวานั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ย่อมจะไม่มีทางมาตามสืบจากพวกเขาไปได้

แต่ตัวโมชิงซานนั้นต้องขมวดคิ้วแน่นนึกย้อนไปถึงเรื่องราวการทำลายวังสวรรค์เฝ้านั้น อีกไม่นานเบื้องบนเองก็คงรับรู้แล้ว

ถึงเวลานั้นวังสวรรค์เฝ้าใต้คงไม่อยู่เฉย นิกายค่ายสำนักไหนจะฉิบหายคงไม่อาจรู้ได้

“ท่านเจ้านิกาย ทำไมท่านไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” ระหว่างการถกเถียงของเหล่าศิษย์ทั้งหลายนั้นมันก็มีคนหันไปสังเกตเห็นสีหน้าและความเงียบงันรอบตัวโมชิงซานจนอดถามขึ้นไม่ได้

โมชิงซานผงะไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “ข้าแค่คิดว่า ที่แท้แล้วเผ่าเทวามันก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน!”

จู่ๆ มันก็เกิดความเงียบงันขึ้นมาหลังคนทั้งนิกายม่วงน้อยได้ยินคำนั้น

ใช่แล้ว ที่แท้แล้วเผ่าเทวามันไม่ได้ไร้เทียมทาน!

ที่แท้แล้วมันก็แค่เผ่าที่เก่งกาจ แต่ก็ตายเป็น!

คำพูดของโมชิงซานนี้มันเหมือนโรคร้ายที่ติดลงไปในจิตใจของทุกผู้คน

แต่เขานั้นไม่คิดสนใจความเงียบงันนี้และกล่าวขึ้นต่อ “หลายวันมานี้ข้าเอาแต่คิดถึงคำของฉินเชามัน ยิ่งคิดไปข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองไร้ความเป็นคน! ข้านั้นไม่กล้าจะปกป้องแม้แต่ลูกตัวเอง ยังจะมีหน้ามาเรียกตนเองว่าคนได้หรือ? ที่เขาว่ามานั้นมันถูกทุกอย่าง เรานั้นคือผู้คน มิใช่สัตว์เลี้ยงของเผ่าเทวามัน! เรานั้นถูกเลี้ยงดูมาอย่างหนักหน่วงจนลืมเรื่องนั้นไปเสียแล้ว! นี่มันคงเป็นสิ่งที่เผ่าเทวาทั้งหลายมันหวังไว้แล้วใช่หรือไม่เล่า?”

เสียงหนึ่งกล่าวตอบขึ้นมา “แต่ท่านเจ้านิกาย แม้เจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นจะทำได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราจะทำได้ด้วย! เผ่าเทวามันเก่งกาจจนเกินไป!”

โมชิงซานพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเก่งขึ้นกว่านี้!”

คำพูดทำนองเดียวกันนี้มันเกิดขึ้นในหลายๆ นิกายค่ายสำนักทั่วทั้งฟ้าใต้

การทำลายวังสวรรค์เฝ้าของเย่หยวนนี้มันเหมือนดั่งเมล็ดพันธุ์ที่หยั่งรากลงสู่จิตใจของคนทั้งฟ้าใต้!

เผ่าพันธุ์ทั้งหลายนั้นอ่อนแอ คิดมองเผ่าเทวาเป็นตัวแทนจากสวรรค์

นี่มันคือเทคนิคการกดขี่ที่เผ่าเทวาสั่งสมบ่มเพาะมานานปีกดดันไม่ให้เผ่าต่างๆ คิดต่อต้านใด

เผ่าเทวาไร้เทียมทาน!

แต่เวลานี้มันกลับมีคนผู้หนึ่งทะยานขึ้นมาทำลายความเชื่อนั่นทิ้งลง มันย่อมจะเกิดแรงกระทบต่อจิตใจของคนทั้งหลายมากมาย

นี่มันเหมือนความหวังท่ามกลางความมืดมิด มันเหมือนเป็นแสงอ่อนๆ ที่เส้นขอบฟ้า

และสักวันหนึ่งแสงนี้มันจะค่อยๆ สว่างจ้าขึ้นส่องสว่างโลกอันมืดมิดนี้อีกครั้ง!

และเย่หยวนนั้นก็คือผู้นำพามาซึ่งตะวันนั้น!

ในเขาวิญญาณหนึ่งฉินเชาได้เปลี่ยนกลายเป็นแฟนของเย่หยวนไปอย่างเต็มตัว

เขานั้นมองดูเย่หยวนขยับเคลื่อนดาบไปมาด้วยสายตาเปี่ยมล้นความเคารพ!

เวลานี้เย่หยวนนั้นเป็นเหมือนดั่งจุดสุดยอดของความสวยงาม เก่งกาจเหนือล้ำจนน่าตะลึง

ในศึกนั้นเขาได้สัมผัสถึงความเยือกเย็นและวิชาสังหารในค่ายกลดาบนั้น ทำให้เขานั้นมองเย่หยวนเหมือนดั่งเป็นเทพลงมาจากสวรรค์

เป็นเวลานี้เองที่เขาได้เข้าใจว่ามนุษย์เองก็เก่งกาจได้!

ทูตเต๋าสวรรค์ใดๆ นั้นมันเป็นได้แค่หมูหมาข้างทางเมื่ออยู่ต่อหน้าดาบของเย่หยวน!

เย่หยวนนั้นสังหารใครไป?

เต๋าสวรรค์แปดลายขั้นสุด! ที่สำคัญยังมิใช่การต่อสู้แบบตัวต่อตัว!

คนผู้หนึ่งนี้กลับสังหารคนนับร้อยด้วยตัวคนเดียว!

ประกายความเป็นวีรบุรุษนี้ คลื่นพลังที่แสดงความเย้ยหยันต่อคนทั้งโลกหล้านี้มันได้ทำให้จิตใจของฉินเชาเคารพอย่างไม่อาจห้ามตัว

สิ่งที่เขาตกใจมากกว่านั้นก็คือเย่หยวนกลับยอมจะสอนวิชาดาบให้แก่เขา!

ฉินเชานั้นมีชื่อว่าเป็นยอดดาบในนิกายม่วงน้อยมาแต่แรก เขานั้นเปี่ยมล้นพรสวรรค์อย่างมาก

แน่นอนว่าที่พูดนี้มันแค่ภายในนิกายม่วงน้อย

เมื่อฉินเชากล่าวขอออกมาด้วยเสียงเบาๆ นั้นเย่หยวนกลับตอบรับไปอย่างไม่คิดลังเลใด

เพราะว่าเขาคนนี้กล้าพอที่จะก้าวขึ้นมานำทางเขาไปยังวังสวรรค์เฝ้า

แต่หลังจากได้สอนวิชาดาบให้ฉินเชาไปเล็กน้อยเย่หยวนก็ได้เข้าใจว่าพรสวรรค์ในด้านเต๋าดาบของฉินเชานั้นมันน่าตกตะลึงอย่างมาก

สิ่งเดียวที่ทำให้ฝีมือของเขาพัฒนาขึ้นมาได้ไม่มากมันก็เป็นเพราะว่าวิชาดาบของนิกายม่วงน้อยมันอ่อนแอ

เวลานี้เย่หยวนที่เข้าใจเรื่องราวมากล้นได้ช่วยให้ฉินเชาพัฒนาวรยุทธบ่มเพาะและยังสอนสั่งช่วยให้เขาบ่มเพาะเต๋าดาบ

สุดท้ายแล้ววิชาดาบของฉินเชามันจึงพุ่งทะยานล้ำได้ในเวลาสั้นๆ

เย่หยวนที่ได้เห็นต้องถอนหายใจยาว อัจฉริยะในยุคสมัยก่อนนี้มันเหนือล้ำอย่างที่คนในยุคใหม่ไม่อาจเทียบได้จริงๆ!

แต่เย่หยวนก็พอเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลังได้

เพราะว่าพลังงานวิญญาณของยุคสมัยนี้มันหนาแน่นจนไม่อาจเอาพลังงานวิญญาณยุคหลังไปเทียบได้

ทั้งสภาพภูมิศาสตร์ของมหาพิภพถงเทียนในยุคนี้มันยังแตกต่างจากมหาพิภพถงเทียนในยุคหลังอย่างมาก

ความเสียดายที่เกิดขึ้นในสงครามสิ้นโลกนั้นมันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เขาคาดคิดไปมาก!

การต่อสู้นั้นมันคงทำลายห้วงมิติทำให้มหาพิภพแตกสลายลงจริงๆ

จนผ่านไปได้กว่าหลายล้านปีที่ความเสถียรมันจะเริ่มกลับมา

แต่ว่าในยุคสมัยที่เย่หยวนเกิดขึ้นมานั้นมันก็นับว่ามหาพิภพได้ฟื้นฟูตัวเองไปอย่างมากแล้ว ยอดอัจฉริยะระดับว่านเจิ้นทั้งหลายนั้นจึงเกิดขึ้นมาได้

หากวัดกันแค่ที่พรสวรรค์ ตัวว่านเจิ้นเองก็คงไม่ได้ด้อยกว่าคนในยุคนี้เลย!

การสามารถผสานแนวคิดแห่งธาตุทั้งห้าได้นั้น ต่อให้จะเอาเขามาปล่อยให้ยุคนี้ตัวเขาก็คงเป็นยอดอัจฉริยะเช่นกัน

ตราบเท่าที่ว่านเจิ้นมีเวลา เขาย่อมจะเติบโตไปเป็นตัวตนระดับบรรพกาลได้อย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่ว่าเวลามันมีไม่มากขนาดนั้น

“ผู้อาวุโส ที่แท้แล้ววิชาดาบมันกลับยังทำเช่นนี้ได้! ท่านเก่งกาจเหนือล้ำจริงๆ! หากผู้น้อยสามารถเรียนรู้วิชาของท่านได้แม้หนึ่งในร้อยข้าก็คงไม่ต้องกลัวเผ่าเทวาใดๆ อีกแล้ว!” ฉินเชาร้องกล่าว

วิชาดาบที่เย่หยวนสั่งสอนเขานี้มันทำให้ตัวเขานั้นรู้สึกฉลาดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เป็นเวลานี้เองที่เขาได้เข้าใจว่าที่แท้แล้วมันยังมีเรื่องราวมากมายซ่อนไว้ในเต๋าดาบ

เวลานี้เขาจึงได้ลองมองวิชาต่างๆ จากความรู้ใหม่นี้และได้ประโยชน์ขึ้นมากมายมหาศาล

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พลังของแนวคิดนั้นมันยังไม่เรียกว่าที่สุด หากเจ้าฝึกฝนเต๋าดาบไปจนถึงระดับของกฎแล้วแม้แต่บรรพกาลของเผ่าเทวาเองก็คงต้องตัวสั่นเมื่อเจอเจ้า!”

ยิ่งฉินเชาได้ยินเช่นนั้นตัวเขาก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นมา ใบหน้าของเขาในตอนนี้มันเปี่ยมไปด้วยสีเลือดจากความตื่นเต้น

เย่หยวนนั้นได้เปิดเส้นทางใหม่ให้แก่เขา

“เอาล่ะ ใกล้ได้เวลาแล้ว เราออกเดินทางกันเถอะ” เย่หยวนกล่าว

ฉินเชาที่ได้ยินนั้นต้องผงะไปก่อนจะถาม “ผู้อาวุโสคิดจะไปไหนหรือ?”

เย่หยวนยิ้มตอบ “ก็ต้องไปทำลายวังสวรรค์เฝ้าแห่งอื่นสิ!”

ฉินเชานั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะถามขึ้น “ยังจะทำลายอีกหรือ? ผู้อาวุโสท่านมันจะไม่อันตรายไปหรือ? หากเราไปเจอเข้ากับเต๋าสวรรค์เก้าลายจะทำอย่างไร…”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากข้าอยากไปมันจะห้ามข้าได้หรือ?”

ฉินเชาที่ได้ยินก็ต้องยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ “แน่นอนว่ามันย่อมห้ามไม่ได้! ฮ่าๆๆ…”

หลายวันต่อมานั้นวังสวรรค์เฝ้าหลายต่อหลายแห่งในส่วนกลางของแดนใต้ต่างถูกไล่ทำลายลงราบ!

ครึ่งเดือนผ่านไปวังสวรรค์เฝ้าส่วนตะวันตกของแดนใต้เองก็ถูกทำลายลงสิ้น!

ก่อนที่เย่หยวนจะเดินทางออกไปนั้นมันเป็นเวลาที่เหล่าเต๋าสวรรค์เก้าลายกำลังนำคนมาสืบสวนเรื่องราวในเขตฟ้าใต้ คิดอยากสืบหาว่าใครกันที่มาทำลายวังสวรรค์เฝ้าแต่เมื่อมาถึงพวกเขากลับต้องได้ยินข่าวที่ไม่น่าเชื่อติดๆ กัน

เต๋าสวรรค์เก้าลายนั้นกลับต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย

ยังจะสืบใด!

วังสวรรค์เฝ้าเดียวถูกทำลายลงมันยังจะเป็นความบังเอิญได้

แต่หลายวังสวรรค์เฝ้าแตกสลายลงติดๆ กันเช่นนี้มันย่อมจะเป็นการสมคบคิดครั้งใหญ่แล้ว!

พวกเขานั้นไม่อาจจะสืบหาใดๆ ได้แม้จะอยากแค่ไหน

เพราะว่านี่มันมิใช่แค่เรื่องภายในฟ้าใต้แล้ว

คนทั้งแดนใต้นั้นต่างตื่นเต้นดีใจอย่างไม่อาจห้ามเมื่อได้ยินข่าว!

…………….