ตอนที่ 1312 - เสี่ยวจิน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1312 – เสี่ยวจิน

กู้เฉินเบิกตากว้างและเต็มไปด้วยความเสียใจและความอัปยศอดสู เขาเป็นเซียนราชาซึ่งห่างเพียงนิดเดียวจากเซียนราชาขั้นสูงสุด แม้ในมุมมองทั้งหมดของทวีป เขาก็สามารถอาละวาดได้ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดแผลไปทั่วร่างจากเซียนสวรรค์และแม้กระทั่งเซียนปฐพี เขาอยู่ในสภาพที่น่ากลัวและนี่จะกลายเป็นจุดด่านพร้อยถาวรสำหรับชื่อเสียงของเขา

อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย พลังลึกลับและทรงพลังตรึงเขาไว้ซึ่งเขาไม่สามารถต้านทานได้เลย เขาเพิ่งกลายเป็นเป้านิ่งสำหรับสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมดทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างมาก

ฉับ ! ฉับ ! ฉับ ! ฉับ..

เซียนปฐพีหลายสิบคนและเซียนสวรรค์เหวี่ยงอาวุธเซียนของพวกเขาอย่างรวดเร็วในทุก ๆ ตารางนิ้วบนร่างกายของกู้เฉิน ในชั่วพริบตาเขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดและบาดแผลของเขาก็นับไม่ถ้วน คอส่วนใหญ่ของเขาหายไปแล้วและมีเพียงหนึ่งในสามของเนื้อหนังที่เชื่อมต่อกับร่างกายของเขา หัวของเขาเกือบจะร่วงหล่นและถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผล เขาตาบอดไปข้างหนึ่ง

กู้เฉินเป็นเซียนราชาที่ทรงอำนาจ แต่ก็อย่าลืมว่าเขาก็เป็นมนุษย์ เขาไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งตามธรรมชาติเหมือนสัตว์อสูร ถ้าสัตว์อสูรระดับ 8 อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ร่างกายของมันก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยจากการโจมตีของเซียนผู้คุมกฎ

“วันนี้ข้าจะตายไปด้วยน้ำมือของมดจริง ๆ หรือ ? สวรรค์ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเซียนจักรพรรดิซ่อนตัวอยู่ในเมืองอัคนี มันเป็นนางฟ้าเฮายู่หรือไม่ ? ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้นางเป็นแค่วิญญาณ นางไม่ได้มีความแข็งแกร่งเหมือนในอดีต กู้เฉินคิดในใจ เขาเต็มใจที่จะถูกสังหารโดยผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งกว่าเขามากกว่าถูกฆ่าโดยกลุ่มของพวกมด เขาต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่เขามี แต่พลังลึกลับนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เขาจินตนาการไว้ มันไร้ประโยชน์ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน

“คนผู้นี้เป็นเซียนผู้คุมกฏเป็นอย่างน้อย ผู้เชี่ยวชาญในระดับนี้จะไม่ตายตราบใดที่วิญญาณยังคงอยู่ มาโจมตีหัวของเขากันเถอะ” เซียนสวรรค์ร้องออกมา เขาไม่สามารถบอกได้ว่ากู้เฉินเป็นเซียนผู้คุมกฏหรือเซียนราชาด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขารู้เพียงว่าเซียนผู้คุมกฏมีความสามารถในการแช่แข็งพื้นที่

ทหารองครักษ์คนอื่น ๆ สับไปที่หัวของกู้เฉินด้วย ในระยะเวลาอันสั้น หัวของกู้เฉินถูกกำจัดด้วยการโจมตีที่วุ่นวาย แต่วิญญาณของเขายังคงอยู่ รูปลวงตาควบแน่นอยู่ในอากาศ แต่มันดูผอมเหมือนควันไฟ

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถทำลายวิญญาณของเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่การโจมตีของพวกเขาเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก วิญญาณกลายเป็นภาพมายา

ทหารองครักษ์รู้สึกแปลกใจทันทีเมื่อเห็นว่ากู้เฉินยังมีชีวิตอยู่ ทันใดนั้น วิญญาณของกู้เฉินยิ้มแย้มแจ่มใสเพราะเขารู้สึกว่าพลังลึกลับรอบตัวเขาหายไป โดยไม่ลังเล เขาพยายามหนีทันที

แต่ในตอนนี้แสงสีแดงเพลิงก็สว่างวาบ เซียนผู้คุมกฏผู้ลอบคุ้มครองไป๋เหลียนแอบพุ่งเข้าใส่ด้วยมีดยาวล้อมรอบด้วยเปลวไฟ เขาเหวี่ยงมันไปที่วิญญาณของกู้เฉินด้วยพลังที่ไม่สามารถหยุดยั้ง

ความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฏนั้นเปรียบเทียบไม่ได้กับกลุ่มเซียนสวรรค์ วิญญาณที่อ่อนแอของกู้เฉินล้มลงจากการโจมตี เขาถูกฆ่าตาย

เซียนผู้คุมกฏค่อย ๆ วางอาวุธของเขาหลังจากวิญญาณของกู้เฉินได้สลายตัวไป ใบหน้าของเขาแดงก่ำขณะที่ร่างกายของเขาสั่นเบา ๆ เนื่องจากความตื่นเต้นอย่างมาก มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจว่านักฆ่าทั้งสองไม่ใช่เซียนผู้คุมกฏแต่เป็นเซียนราชา จริง ๆ แล้วเขาได้ฆ่าเซียนราชา 2 คนด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน หากความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนถูกถ่ายทอดออกไป มันจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งทวีป เขารู้สึกภูมิใจอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

โหยวเยว่ได้จับคทาเทพจันทราไว้ แล้วยกเว้นอัญมณีของมันก็มืดลงไปมาก แม้ว่าโหยวเยว่และไป๋เหลียนจะมีประสบการณ์ที่น่ากลัว แต่พวกนางทั้งสองคนยังคงประพฤติตนตามปกติเพราะโหยวเยว่ถือคทาไว้กับนางเสมอ มันมีพลังบางส่วนจากนางฟ้าเฮายู่จากหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นลำพังการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวจากเซียนราชา แต่มันสามารถป้องกันการโจมตีจากเซียนจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย มีพลังเพียงพอที่จะยืดเวลาจนถึงโถงศักดิ์สิทธิ์มาถึง

“น้องชาย ข้าต้องขอขอบคุณเจ้าจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เจ้า ข้าก็คงตกอยู่ในอันตรายแล้ว” โหยวเยว่เอาคทาออกไปแล้วลูบหัวเด็กชายเบา ๆ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความรัก

เด็กชายรู้สึกได้ทันทีว่ามีความรู้สึกอบอุ่นเพิ่มขึ้นภายในราวกับว่าเขากำลังรับการยอมรับจากครอบครัวของเขา มันปลอบโยนสงบเงียบและน่ารัก ในขณะที่ความสนิทสนมและความคุ้นเคยที่เขารู้สึกกับโหยวเยว่ก็ลึกซึ้งเช่นกัน

ทันใดนั้นเด็กชายก็มองดูโหยวเยว่ด้วยดวงตากลมโตของเขา พวกมันบริสุทธิ์แต่ก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในที่สุดเขาก็พูดติดอ่างอยู่ครู่หนึ่ง “พะ พี่สาว..” เด็กชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่เคยพูดมาก่อน ดังนั้นคำนี้ดูยากและแปลกมากเมื่อเขาพูดออกมาคำเดียว

โหยวเยว่ยิ้มแย้มแจ่มใสทันที นางพูดอย่างมีความสุข “โอ้ ในที่สุดเจ้าก็พูดออกมา และข้าก็คิดว่าเจ้าไม่รู้จะพูดยังไง” โหยวเยว่ตื่นเต้นมาก ๆ นางรู้ว่าเด็กชายคนนี้ค่อนข้างดี มันค่อนข้างเป็นเกียรติที่ได้รับการเรียกขนานนามว่า ‘พี่สาว’ โดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิม

เด็กดี เรียกพี่สาวด้วย” ไป๋เหลียนยื่นหัวนางแล้วก็มองเด็กชายด้วยความรัก นางไม่ให้ความสนใจกับศพนองเลือดทั้งสองข้างหน้า

พี่สาว ! เด็กชายกะพริบตาในขณะที่เขามองไปที่ไป๋เหลียนเรียกนางว่า ‘พี่สาว’ อย่างไรก็ตามเขาพูดได้ราบรื่นขึ้นในครั้งนี้

“เจ้าอาจยังไม่มีชื่อใช่มั้ย? ทำไมข้าไม่ให้ข้าตั้งชื่อให้เจ้า ? เมื่อเห็นว่าเจ้าสวมใส่เสื้อผ้าสีทอง งั้นเจ้าชื่อเสี่ยวจินแล้วกัน” ไป๋เหลียนหัวเราะอย่างมีความสุข

TL note: จินหมายถึงทองคำ / ทอง

เด็กชายเงยหน้าขึ้นและคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับชื่อ หลังจากนั้นเขาพูดติดอ่างในขณะที่เขาย้ำชื่อ “เสี่ยว – เสี่ยว – จิน..เสี่ยวจิน..เสี่ยวจิน..”

ในช่วงเวลานี้ทหารองครักษ์คนอื่น ๆ และเซี่ยนผู้คุมกฏทุกคนรีบออกมาจากจวนของเจ้าเมือง คนที่นำพวกเขาเป็นไป๋ไฮ เขาอยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อเขาเห็นว่าโหยวเยว่และไป๋เหลียนปลอดภัยดี เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“โชคดีที่เจ้าปลอดภัยดี ไม่งั้นข้าก็คงเสียใจไปแล้ว ใช่แล้ว เจ้าตรวจสอบได้หรือไม่ว่าใครเป็นคนร้าย ? เมื่อเราพบคนร้ายแล้ว เราไม่สามารถให้อภัยพวกเขาได้เลย” ไป๋ไฮพูดด้วยความกลัวที่ยังคงค้างอยู่และเมื่อเขาพูดจบคำพูดของเขา เขาก็กลายเป็นคนเคร่งเครียดทันที

“ไป๋ไฮ คนที่พยายามลอบสังหารรองเจ้าเมืองและองค์หญิงโหยวเยว่เป็นเซียนราชา 2 คน” เซียนผู้คุมกฏที่แอบเฝ้าคุ้มครองตอบอย่างเคร่งเครียด

สีหน้าของไป๋ไฮเปลี่ยนไปทันทีที่เขาได้ยินเรื่องนั้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า” นำซากศพของคนทั้งสองคนนี้กลับไป ดูเหมือนว่าเราจะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้หลังจากที่หลานชายของข้ากลับมา” เซียนราชาได้เกินขอบเขตของเรื่องที่ไป๋ไฮสามารถจัดการได้แล้ว เมืองนี้ไม่มีอะไรอื่นที่สามารถรับมือกับเซียนราชาได้ นอกเหนือจากโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม

โหยวเยว่และไป๋เหลียนกลับไปที่จวนเจ้าเมืองแบบน่าเกรงขามภายใต้การคุ้มครองของทหารองครักษ์ อย่างไรก็ตามมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าทองคำปรากฏตัวในจวนเจ้าเมืองตั้งแต่วันนั้น โดยพื้นฐานแล้วเขาตามโหยวเยว่และไป๋เหลียนไปทุกที่อยู่ตลอดเวลา เขาพูดน้อยมากและเชื่อฟังมากทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน เขาจะเข้าใกล้ไป๋ไฮอย่างมีจุดประสงค์เช่นกันหมุนรอบตัวเขาเช่นนั้นแม้แต่ ไป๋ไฮก็เริ่มชอบเด็ก

โหยวเยว่แอบบอกไป๋เหลียนและไป๋ไฮเกี่ยวกับตัวตนอันลึกลับของเสี่ยวจิน ไป๋เหลียนหวั่นไหวระหว่างความเชื่อและความไม่เชื่อ ในขณะที่ไป๋ไฮระเบิดเสียงหัวเราะ เขาคิดว่าโหยวเยว่พูดเล่น ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อนางแม้แต่น้อย

เป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินกว่าที่เด็กชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะอายุสามหรือสี่ปีและไม่สามารถพูดได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิม ไม่มีใครเชื่อการเปิดเผยเรื่องนี้