เวลานี้นิกายน้อยหลังเขาอย่างนิกายม่วงน้อยมันกลับคึกคักด้วยผู้คน
เพราะในวันนี้ตัวหยวนฮุ่ยนั้นกลับได้พาตัวชายคิ้วขาวคนหนึ่งเดินทางลงมายังนิกายม่วงน้อย
โมชิงซานและคนทั้งหลายนั้นต่างกลัวจนแทบไม่อาจหายใจ
“เจ้านิกายโม พวกเจ้านี่เก่งกาจเสียจริง!”
คำของหยวนฮุ่ยนี้มันแฝงมาด้วยความดุร้ายมหาศาล
ดูท่าแล้วความคับแค้นที่เขามีต่อนิกายม่วงน้อยมันคงมากเกินบรรยาย
เวลานี้เรื่องราวของเย่หยวนกับนิกายม่วงน้อยมันย่อมจะถูกขุดขึ้นมาจนสิ้น
หากเป็นก่อนๆ นั้นนิกายม่วงน้อยคงไม่เหลือแม้แต่มดสักตัว
แต่เวลานี้ด้วยพลังดาบของเย่หยวนที่ยังหลอกหลอนเผ่าเทวาจึงไม่กล้าจะทำอะไรรุนแรงต่อนิกายม่วงน้อย
การทำลายนิกายม่วงน้อยนั้นมันง่ายดาย
แต่หากเย่หยวนไม่พอใจขึ้นมาแล้ว ชีวิตของเผ่าเทวาทั้งหลายคงไม่อาจเป็นสุขได้อีก
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงได้แต่ต้องฝืนทน
เวลานี้เป้าหมายสูงสุดของเผ่าเทวานั้นมันคือการหาตัวเย่หยวนให้เจอแล้วสังหารเขาลงเสีย!
เพราะคนผู้นี้มันเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าพวกเขาทั้งหลายจะแบกรับ
แล้วมีหรือที่โมชิงซานจะไม่เข้าใจถึงความหายของหยวนฮุ่ยนั้น? เขารีบกล่าวขอโทษออกมาทันที “ท่านเจ้าวัง โปรดสงบจิตใจก่อน นิกายม่วงน้อยของเรานั้นไม่ได้สนิทสนมใดๆ กับคนผู้นั้นจริงๆ! เราไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงมาปรากฏที่นิกายม่วงน้อยเรา”
หยวนฮุ่ยนั้นยิ้มรับแข็งๆ “เช่นนั้น? เช่นนั้นเจ้าวังนี้คงมองเจ้าผิดไปแล้ว?”
โมชิงซานนั้นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะก้มหัวลงต่ำ “ท่านเจ้าวัง โปรดใจเย็นก่อน!”
หยวนฮุ่ยนั้นหัวเราะขึ้นมา “หากเจ้าเด็กคนนั้นยังไม่ตายมีหรือที่ความโกรธแค้นของเจ้าวังผู้นี้จะสงบได้? หัวหมาๆ ของเจ้ามันยังอยู่บนบ่าได้อีกหน่อย! แต่หลังจากเจ้าวังผู้นี้สังหารมันลงแล้ว ข้าจะกลับมาทำลายเจ้าให้สิ้น!”
หยวนฮุ่ยนั้นไม่ได้ปิดบังจิตสังหารใดๆ แม้แต่น้อย สำหรับตัวเขาแล้วนิกายม่วงน้อยใดๆ มันย่อมจะอ่อนแอเกินต้านมือเขา
หากคิดอยากฆ่า มันก็ไม่มีปัญญาจะหนีไปที่ใด!
แต่คำพูดของเขานี้มันได้แสดงถึงความกังวลต่อตัวเย่หยวนอย่างมาก
หากมิใช่เพราะว่าตัวเขานั้นกลัวเย่หยวนแล้วมีหรือที่ยังจะมาพูดคุยไร้สาระกันกับเจ้านิกายน้อยๆ อีก?
เรื่องนี้ทั้งตัวหยวนฮุ่ยและตัวโมชิงซานต่างก็เข้าใจดี
แต่มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง
เดิมทีแล้วข่าวที่ว่าเย่หยวนกลับมาจากวังสวรรค์เฝ้าอย่างยิ่งใหญ่นั้นมันจะอย่างไรก็เป็นแค่ข่าวลือ
แต่วันนี้หลังได้เห็นท่าทางของหยวนฮุ่ยแล้วเขาก็เข้าใจทันว่าข่าวลือนั้นมันจริงแท้แน่แล้ว!
จักรพรรดิเทพสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งกลับสามารถทำให้เผ่าเทวาต้องยอมถอย เรื่องราวตรงหน้าเขานี้เขาไม่รู้ต้องทำสีหน้าอย่างไรตอบกลับไป
โมชิงซานนั้นไม่กล้าพูดใดๆ อีกต่อไปและได้แต่ก้มหัวเงียบๆ
หยวนฮุ่ยนั้นกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเจ้าทั้งหลายพาท่านผู้นี้ไปเดินดูรอบๆ! ที่ใดที่ท่านอยากไป เจ้าก็จงพาท่านไปเสีย!”
“ขอรับ!” โมชิงซานตอบรับ
เขานั้นไม่รู้ว่าชายแก่ผู้นี้เป็นใครและไม่รู้ว่าเขามาเพื่ออะไร
เจ้าสวรรค์หมี่ลั่วกล่าว “พาข้าไปเดินรอบๆ ก่อน!”
โมชิงซานนั้นไม่กล้าจะขัดใดๆ รีบพาตัวเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วไปเดินดูรอบๆ นิกาย
ไม่ว่าเขาจะอยากไปที่ใด โมชิงซานก็จะพาเขาไปสิ้น
เจ้าสวรรค์หมี่ลั่วนั้นให้ความรู้สึกลึกล้ำอย่างมาก
มันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวเสียกว่าตัวหยวนฮุ่ย
เจ้าสวรรค์หมี่ลั่วนั้นใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการวนดูรอบๆ นิกายม่วงน้อยจนครบทุกซอกมุม
แต่ก่อนจะไปนั้นหยวนฮุ่ยก็ยังทิ้งยอดฝีมือเต๋าสวรรค์เก้าดาวอีกคนไว้ดูแลนิกายม่วงน้อย
แต่ถึงจะบอกว่าดูแล แต่แท้จริงมันคือการควบคุมสอดส่อง
ระหว่างทางกลับนั้นหยวนฮุ่ยได้ถามขึ้นมา “เจ้าสวรรค์หมี่ มันมีร่องรอยใดหรือไม่?”
เจ้าสวรรค์หมี่ลั่วขมวดคิ้วขาวๆ ของเขาแน่นก่อนจะส่ายหัวออกมา “สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอ่อนๆ ที่น่าจะเป็นของเจ้าเด็กคนนี้! แต่เจ้าสวรรค์ผู้นี้กลับไม่อาจทำนายได้เลยว่ามันเป็นคลื่นพลังมาจากที่ใด! ราวกับว่ามันนั้นปรากฏขึ้นมาจากอากาศอันว่างเปล่าจริงๆ! ส่วนร่องรอยการเดินทางของมันนั้นก็ถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด! เจ้าเด็กคนนี้มันมีฝีมือไม่น้อย!”
หยวนฮุ่ยนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่… แม้แต่เจ้าสวรรค์ก็ยังไม่อาจทำนายมันได้? เช่นนั้นแล้วเรามีแต่จะต้องปล่อยให้มันทำตามใจไปเช่นนี้หรือ? ท่านเจ้าสวรรค์ ท่านคิดว่าพวกโมชิงซานทั้งหลายมันจะรู้หรือไม่ว่าเจ้าเด็กคนนั้นเดินทางไปที่ใด?”
เจ้าสวรรค์หมี่ลั่วนั้นเป็นยอดคนในเต๋าทำนายของเผ่าเทวา หากแม้แต่เขายังไม่รู้ที่มาของเย่หยวนแล้วเจ้าเด็กคนนั้นมันก็จะหนีรอดไปได้ตลอดหรือ?
เจ้าสวรรค์หมี่ลั่วส่ายหัวออกมาด้วยสีหน้าเหยเก “เจ้าเด็กคนนี้มันมากเล่ห์ ย่อมไม่มีทางใดที่มันจะบอกกล่าวโมชิงซานนั้น ตัวมันและโมชิงซานไม่ได้สนิทสนมใดๆ กัน! เวลานี้คงได้แต่ต้องรอให้มันเผยที่อยู่ของมันออกมาเอง!”
…
หลังจากตัวเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วจากไปแล้วมันก็ปรากฏอีกเงาร่างหนึ่งย่องเข้ามาในนิกายม่วงน้อย
โมชิงซานที่เดินกลับมาถึงที่พักนั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้หลุดเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง
มันเป็นโลกที่ตัดขาดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง!
ภายในบ้านนั้นมันมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะ
“กลับมาแล้วหรือ?” ชายวัยกลางคนนั้นถามขึ้น
“ก-กลับมาแล้ว! ท่านผู้นี้มาหาโมมีธุระใดหรือ?” โมชิงซานถามออกมา
หลังๆ มานี้เขานั้นต้องเดินบนเส้นด้านแทบทุกวัน กลัวว่าจะไปลบหลู่ยอดคนเหนือฟ้าเข้า
เพราะเรื่องของเย่หยวนนั้นมันได้ทำให้ตัวตนระดับตำนานมากมายตื่นตระหนก มดปลวกอย่างตัวเขานี้แค่ถูกลมหายใจของคนทั้งหลายเข้าก็คงตายสิ้นแล้ว
เขานั้นไม่มีทางเลือกใดนอกจากต้องระวัง!
“เจ้านิกายโม เจ้าไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก! หมี่ลั่วนั้นมันเก่งกาจจริงข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมาอยู่หลบในที่เช่นนี้ เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินนามของข้ามาก่อนแต่ข้านั้นมีนามว่าเจียนหรูเฟิง… ผู้คนทั้งหลายเรียกข้าว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้! จักรพรรดิผู้นี้มาเพื่อเรื่องของเจ้าหนุ่มคนนั้น เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าข้านั้นพูดถึงใคร” ชายวัยกลางคนนั้นแนะนำตัว
โมชิงซานนั้นสั่นไปทั้งกายทันทีที่ได้ยิน “นั่น… ชายแก่คิ้วขาวนั้นคือเจ้าสวรรค์หมี่ลั่ว?”
เขานั้นไม่เคยได้ยินนามของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ใดๆ มาก่อน
แต่นามของเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วนั้นมันดังลั่นฟ้าดินจนโมชิงซานไม่มีทางจะไม่รู้จัก
เจ้าสวรรค์หมี่ลั่วนั้นคือผู้สอดส่องโลก จะเรียกเขาว่าเป็นดวงตาของเผ่าเทวาก็คงไม่ผิดนัก
เรื่องใดๆ ใต้สวรรค์นี้ตราบเท่าที่มันมีการขยับไหว ดวงตาของเผ่าเทวานี้ก็จะเห็นและรับรู้ถึงมันทันที
และคนที่เป็นดวงตาที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าเทวาก็คือเจ้าสวรรค์หมี่ลั่ว
จะบอกว่าเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วนี่เป็นฝันร้ายของทุกเผ่าพันธุ์เลยก็ว่าได้!
เผ่าพันธุ์ทั้งหลายนั้นไม่กล้าจะขัดขืนเผ่าเทวาก็เพราะว่าคนอย่างเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วนี้!
หากไม่มีเขา การกบฏมันคงเกิดขึ้นมาแทบทุกวี่วัน
โมชิงซานก็ไม่นึกฝันว่าเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วที่ทำให้คนต้องสั่นกลัวนี้กลับมายังนิกายม่วงน้อยของเขาจริง
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ยิ้ม “เรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้น มีหรือที่คนระดับนั้นจะไม่รับรู้? แต่เจ้าวางใจเถอะ แม้แต่จักรพรรดิผู้นี้ยังไม่อาจทำนายได้ มีหรือที่หมี่ลั่วมันจะทำนายได้?”
คำพูดนี้แสดงถึงความมั่นใจล้น
มันเหมือนเป็นการบอกตรงๆ ว่าเขานั้นมั่นใจว่าเต๋าทำนายของตนอยู่เหนือเจ้าสวรรค์หมี่ลั่ว
โมชิงซานได้แต่ต้องจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างมึนงงอ้าปากค้าง ยอดคนระดับนี้ปรากฏขึ้นในเผ่ามนุษย์ตั้งแต่เมื่อใด?
“เจ้านิกายโม เจ้าไม่ต้องตื่นตะลึงใดๆ ไปหรอก จักรพรรดิผู้นี้บรรลุเต๋ามานับแสนล้านปีแล้ว เพียงแค่ว่าเจ้าก็น่าจะเข้าใจสถานการณ์ของมหาพิภพถงเทียนดี หากข้าแสดงตัวออกไปแล้ว ข้าคงไม่ได้ตายดีแน่ เพราะฉะนั้น… ข้าจึงหลบซ่อนเก็บตัวเสมอมา เรื่องราววันนี้ข้าหวังว่าเจ้านิกายโมจะเก็บมันไว้เป็นความลับเช่นกัน เพราะจะอย่างไรเสียพวกเรานี้ก็เป็นคนเผ่าพันธุ์เดียวกัน หากเจ้ารายงานข้าไปแล้ว มันคงเท่ากับเป็นการตัดอนาคตของเผ่ามนุษย์! เจ้าลองวัดชั่งใจถึงข้อดีข้อเสียเอาเถอะ” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าว
โมชิงซานนั้นตอบกลับมาในแทบจะทันที “นายท่านโปรดวางใจเถอะ ต่อให้โมชิงซานผู้นี้ต้องตาย ข้าก็จะไม่กล่าวพูดถึงเรื่องนี้เป็นอันขาด!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้พยักหน้ารับก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าเชื่อเจ้านิกายโม! หลายวันนี้จักรพรรดิผู้นี้อยากจะขออาศัยในนิกายม่วงน้อยเสียหน่อย หวังว่าเจ้านิกายโมจะไม่รังเกียจกัน”
…………..