ขบวนของฮ่าวเต๋อฟางออกเดินทางแล้ว แต่ฝั่งจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลเหมือนจะยังไม่ได้เลือกว่าจะส่งใครไปร่วมงาน ที่สำคัญก็คือเหมียวอี้เหมือนไม่มีท่าทีว่าจะส่งคนไปร่วมงาน

ในจวนผู้สำเร็จราชการเงียบสงบ เหมียวอี้ที่เดินไปเดินมาอยู่ในตึกศาลากำลังถือโหลแก้วใบหนึ่งเล่น ข้างในมีจั๊กจั่นหยกตัวหนึ่งที่สีขาวทั้งตัว พอเขี่ยเล่นสองทีก็จะส่งเสียงร้องอันไพเราะ ราวกับเสียงครางของหญิงงาม น่าสนุกมาก ไม่รู้ว่าสวีถังหรานสรรหาของแปลกมาจากไหน

สรุปก็คือสวีถังหรานดูแลโถงชุมนุมอัจฉริยะ สังคมกว้างขวาง มีวิธีหาของเล่นแปลกๆ มาเซ่นเจ้านายอยู่แล้ว

“นายท่าน จะไม่ส่งคนไปร่วมงานแต่งงานจริงหรือขอรับ? จะทำให้คนสงสัยหรือเปล่า?” หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะเตือน

เหมียวอี้กำลังเล่นโหลแก้ว ตอบแบบเหยียดหยามว่า “มีอะไรน่าเข้าร่วม รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นของปลอม จะให้ข้าไปเป็นตัวประกันในมือผังก้วนเชียวเหรอ? แล้วอีกอย่าง จะให้ใครไปล่ะ? ถ้ามีความสำคัญน้อยก็ไม่พอที่จะเป็นตัวแทนของข้า ถ้ามีความสำคัญมาก ไปแล้วก็จะกลายเป็นตัวประกัน”

สิ่งนี้เป็นปัญหาจริงๆ หยางเจาชิงหันกลับไปมองหยางชิ่งแวบหนึ่ง เมื่อเห็นหยางชิ่งไม่มีปฏิกิริยาอะไร ขนาดท่านนี้ยังไม่พูดอะไร คาดว่าคงไม่สำคัญว่าจะส่งคนไปเข้าร่วมงานหรือไม่ จึงไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แต่ยังเตือนอีกว่า “แม่ทัพที่อยู่ในวังใต้ดินจะเดินทัพเมื่อไหร่ขอรับ”

เหมียวอี้หรี่ตาจ้องจั๊กจั่นหยกในโหลแก้ว พร้อมบอกว่า “บอกพวกเขาให้อดทนรอ ถ้าไม่มีคำสั่งทหารจากข้า ก็อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ทำทุกอย่างตามเดิม แต่อย่าให้เขาอะไรหลุดไปถึงกำลังพลระดับล่าง อย่าให้ตำหนักสวรรค์สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ!”

จวนสายเถาะจอมพลตกแต่งผ้าและโคมไฟหลากสี แขกเหรื่อทยอยมาจากทั่วสารทิศ เป็นชนชั้นสูงผู้ร่ำรวยทั้งนั้น

ในคฤหาสน์หรูหราสำหรับรับแขกหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากจวนจอมพลไปร้อยลี้ เนื่องจากเรื่องของพระปีศาจหนานโป งานแต่งงานครั้งนี้เหมือนจัดใหญ่โต แต่ที่จริงแล้วเรียบง่ายมาก คำนึงด้านความปลอดภัย พิธีแต่งงานจึงจัดในคฤหาสน์หลังนี้ เมื่อถึงเวลาก็รับเจ้าสาวจากจวนจอมพลไปที่คฤหาสน์ เท่านี้ก็นับว่าเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เรือนหอก็อยู่ที่นี่เช่นกัน จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาในดาราจักรให้ลำบาก

หวังลั่วส่วนชุดพิธีทั้งตัว ออกมาต้อนรับแขกหน้าประตูคฤหาสน์ด้วยตัวเอง ใบหน้าไม่หยุดยิ้ม มีความสุขจนหุบปากไม่ลง

ได้ยินเสียงแขกกล่าวแสดงความยินดี บางทีก็ได้ยินสหายเก่าอวยพรปนหยอกล้อ ในใจรู้สึกภาคภูมิใจอยู่หลายส่วน ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองหัวร้อนทำซี้ซั้วอย่างนั้น มีหรือที่จะได้เจอเรื่องดีๆ แบบนี้ เป็นการจับพลัดจับผลูจริงๆ แต่ในใจก็ยังรู้สึกขอบคุณฮ่าวเต๋อฟาง ท่านอ๋องดูแลเขาดีจริงๆ  ถ้าไม่มีท่านอ๋องช่วยปกป้อง ก็คงไม่มีเรื่องดีแบบนี้ สิ่งเดียวที่ไม่สมบูรณ์แบบก็คือครั้งนี้ท่านอ๋องไม่ได้มาร่วมงานแต่งงาน ทำได้เพียงพาฮูหยินคนใหม่ไปคารวะทีหลัง

คนที่มารับแขกอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ก็คือลูกชายทั้งสองของผังก้วน ผังจื่อฉางกับผังจื่อลู่

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองยิ้มอย่างเบิกบานใจไม่ได้เหมือนหวังลั่ว เมื่อสังเกตเห็นความอวดดีของหวังลั่ว ทั้งสองก็แอบเย้ยหยันในใจ เดี๋ยวได้ถึงคราวที่เจ้าร้องไห้แน่

เพียงแต่เวลามีแขกมา ทั้งสองก็ยังพยายามเจียดรอยยิ้มออกมา ถ้าเป็นแขกที่ฐานะตำแหน่งธรรมดา ก็จะสั่งให้บ่าวไพร่าแขกไปที่คฤหาสน์รับแขก ถ้าเป็นคนตำแหน่งสูง ผังจื่อลู่ก็จะพาไปหาบิดาที่จวนจอมพลด้วยตัวเอง อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปในจวนจอมพลได้

วันนี้ทุกคนในจวนจอมพลล้วนแต่งกายมีชีวิตชีวาเพื่อเฉลิมฉลอง ผังก้วนก็เช่นกัน

เฉินหวยจิ่วเพิ่งส่งแขกสองสามคนออกไป พอกลับมาที่โถงรับแขกก็รีบเดินมาข้างกายผังก้วน ถ่ายทอดเสียงบอกว่า “นายท่าน ได้รับข่าวจากทหารเฝ้าประตูดวงดาว โจรเฒ่าน่าจะเข้ามาในอาณาเขตสายเถาะแล้วขอรับ”

การที่ฮ่าวเต๋อฟางปิดเผยเส้นทางตอนนี้ ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน มาถึงอาณาเขตของผังก้วนแล้ว ทหารยามที่เฝ้าประตูดวงดาวคือคนของผังก้วน จะไม่ให้สถานการณ์ของฮ่าวเต๋อฟางถูกเปิดเผยก็คงยาก

ผังก้วนออกแรงกำนิ้วทั้งสิบที่กุมบนที่พักแขนบนเก้าอี้ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเยียบเย็น “ดี! บอกให้เบื้องล่างเตรียมตัวให้ดี”

“จะให้พวกฮูหยินเตรียมตัวหลบเลี่ยงหรือไม่ขอรับ ไม่อย่างนั้นถ้าสู้กันขึ้นมา แล้วแจ้งให้คนในบ้านรวมตัวกันไม่ทัน ก็อาจจะได้รับผลกระทบ” เฉินหวยจิ่วกล่าว

ผังก้วนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้าบอกว่า “ไม่ต้องแล้ว ในเวลานี้จะทำอะไรให้คนสงสัยไม่ได้เด็ดขาด”

“ขอรับ!” เฉินหวยจิ่วเอ่ยรับ ในใจพึมพำว่า หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นก็แล้วกัน

จู่ๆ ผังก้วนก็ถามอีกว่า “หนิวโหย่วเต๋อส่วคนมาหรือยัง?”

เฉินหวยจิ่วตอบว่า “ตามที่ต้วนชุนเอ๋อร์รายงานมา หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้เตรียมจะส่งคนมา กำลังรีบกระจายงานอย่างรอบคอบ ไม่มีสมาธิมาสนใจฝั่งนี้เลย แอบระดมทัพใหญ่แล้ว กำลังพลบางส่วนกำลังออกจากแดนรัตติกาลเงียบๆ บ้างก็ดักซุ่มอยู่นอกทางเข้าออกแดนรัตติกาล บ้างก็ไปดักซุ่มที่จุดยุทธศาสตร์ เตรียมตัวระยะแรกเพื่อให้ทัพใหญ่โจมตีตอนหลัง”

ผังก้วนพยักหน้าเบาๆ “เจ้านั่นเชี่ยวชาญการรบ พวกเราคงไม่ต้องกังวลด้านบัญชาการทัพ ขวัญกำลังใจทหารน่าจะไม่ใช่ปัญหา กลุ่มคนที่เคยมีฐานะตำแหน่งสูงเก็บกดอยู่ที่แดนรัตติกาลมาหลายปีแล้ว ตอนนี้มีโอกาสทวงของที่ตัวเองเสียไปกลับมาแล้ว ขวัญกำลังใจทหารมีประโยชน์ ถ้าสังหารออกมาจากแดนรัตติกาลเมื่อไร จะต้องเป็นกองทัพที่ห้าวหาญดุดันแน่นอน!”

เรือนด้านในของจวนจอมพล ที่อยู่ของสมาชิกครอบครัวผู้หญิง สหายของเจ้าสาวมารวมตัวกัน ต่างก็กระตือรือร้นอยากมาเห็นเจ้าสาวก่อน

เจ้าสาวนั่งสง่าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง บ่าวไพร่กำลังช่วยนางจัดแต่งมวยผมอย่างเอาใจใส่ มีทั้งสหายทั้งญาติ แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นผู้หญิง พวกนางเดินเข้าเดินออก พากันเข้ามาดูเอาสนุกไม่ขาดสาย

โค่วเหวินชิงที่เดินเข้ามาในห้องก็ยิ้มแย้มเช่นกัน นางจ้องเจ้าสาวในกระจกพร้อมป้องปากยิ้ม “วันนี้น้องหญิงสวยจริงๆ”

นางคือคนรู้จักเก่าของเหมียวอี้ ตอนที่เหมียวอี้เข้าร่วมทดสอบปีนั้น ก็ยังเคยได้รับความช่วยเหลือจากนาง ตอนนี้จะว่าไปแล้วก็ยังต้องเรียกเหมียวอี้ว่าอาเขย เพียงแต่นางไม่ใช่สาวแรกรุ่นเหมือนตอนที่เพิ่งรู้จักเหมียวอี้อีกแล้ว นางแต่งงานมีสามีไปนานแล้ว แต่งงานกับลูกน้องคนสนิทของโค่วเหมี่ยน เป็นหัวหน้าภาคคนหนึ่ง ตอนนี้มีลูกคนหนึ่ง แต่งกายแบบสตรีที่แต่งงานแล้ว

งานแต่งงานของลูกสาวจอมพล หลานสาวของอ๋องสวรรค์มาร่วมแสดงความยินดีก็ไม่แปลก ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีทั้งสองก็รู้จักกันอยู่แล้ว

ขณะพูดแสดงความยินดีสองสามประโยคใส่คนในกระจก โค่วเหวินชิงก็มองออกเช่นกันว่าผังอวี้เหนียงอารมณ์ไม่ดีเท่าไร สำหรับเรื่องนี้นางพอจะเข้าใจได้ ในปีนั้นนางก็ไม่อยากแต่งงานกับหัวหน้าภาคคนนั้นเหมือนกัน แต่บิดากระตือรือร้นมาก ดึงดันจะประสานให้ทั้งสองแต่งงานกันให้ได้ นางเองก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงแต่งงาน ตอนนี้ถึงขั้นมีลูกแล้ว ในภายหลังหากมีโอกาสเหมาะก็จะมีลูกอีกสักสองคน ตอนนี้จะมาบอกว่าเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ไม่มีความหมายแล้ว สรุปก็คือหัวหน้าภาคคนนั้นให้เกียรตินางมาก นางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพื้นเพชาติกำเนิดของนางหรือเปล่า มักรู้สึกว่าระหว่างสามีภรรยาเหมือนขาดอะไรไป แต่ชีวิตในแต่ละวันก็ไม่ได้แย่อย่างที่จินตนาการไว้ นางก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาหลายปีแล้ว

โค่วเหวินชิงออกมาแล้วก็คุยเล่นกับพวกผู้หญิงในลานบ้าน

ผ่านไปไม่นาน ก่วงเม่ยเอ๋อร์กับหวงฝู่จวินโหรวก็เข้ามาในห้องนอนด้วยกัน หวงฝู่จวินโหรวมาในฐานะสหายโดยแท้ ส่วนก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็มาเป็นตัวแทนตระกูลก่วง

เมื่อเห็นสองคนนี้ปรากฏตัวในกระจก ผังอวี้เหนียงก็ทำท่าเหมือนไม่อยากหวนรำลึกถึงอดีต นางเพียงหลับตาลงช้าๆ

การกระทำนี้ทำให้ทั้งสองพูดอวยพรไม่ออก อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคืนที่เกิดเหตุ

หวงฝู่จวินโหรวแอบถอนหายใจ พอเห็นผังอวี้เหนียง นางก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดว่าสิ่งที่เหมียวอี้พูดวันนั้นหมายความว่าอะไร และช่วงนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นเยอะจริงๆ ท่านปู่ของนางก็จากไปแล้ว ตระกูลหวงฝู่ยังไม่ประกาศข่าวร้าย

ส่วนก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็เหมือนถูกปฏิกิริยาของผังอวี้เหนียงแทงตาจนเจ็บ นางตำหนิตัวเองในใจ ถ้าตอนนั้นตัวเองไม่ยอมไป ถ้าตอนนั้นไม่ทิ้งอวี้เหนียงไว้คนเดียว ก็คงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น

หลังจากทั้งสองออกจากห้องนอนแล้ว หวงฝู่จวินโหรวก็กวาดสายตามองไปทั่วงาน ตามหลักแล้วนี่คืองานแต่งงานใหญ่ของลูกสาวผังก้วน จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลก็จะส่งคนมาร่วมแสดงความยินดี ไม่รู้เหมือนกันว่าจะส่งใครมา อวิ๋นจือชิวหรือเฟยหง?

แต่จนใจที่กวาดสายตามองจนทั่วแต่ก็ไม่เห็น ดันไปสบตากับก่วงเม่ยเอ๋อร์พี่กวาดมองทั่วงานเช่นกัน ก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็มีความคิดเหมือนกับนาง

ทั้งสองที่สบตากันอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็ยิ้มพร้อมกัน จากนั้นต่างคนก็ต่างย้ายสายตาออกไป ในใจกำลังครุ่นคิดว่า อาจเป็นเพราะเหมียวอี้กลับผังก้วนไม่สนิทกัน คนไม่ได้มาทางนี้ บางทีอาจไปอยู่ตรงคฤหาสน์รับแขกแล้วก็ได้

ฤกษ์มงคลใกล้เข้ามาแล้ว ผู้หญิงจากหลายตระกูลที่มารวมตัวกันตรงนี้ไม่สะดวกจะอยู่ต่อ ทยอยกันออกจากจวนจอมพลไปยังคฤหาสน์จัดพิธีแล้ว ไปรอดูพิธีแต่งงาน

ส่วนพวกผังก้วนในตอนนี้ก็กำลังเร่งห่ออยู่ในดาราจักรเช่นกัน ฮ่าวเต๋อฟางใกล้จะมาถึงอาณาเขตผืนนี้แล้ว ส่งข่าวมาให้ผังก้วนแล้ว ผังก้วนย่อมต้องออกไปต้อนรับตั้งแต่ไกลๆ

รออยู่ในดาราจักรครู่หนึ่ง พวกหวังลั่วก็เหาะมาถึงด้วยความเร็ว มาทำความเคารพผังก้วน “ลูกเขยคารวะท่านพ่อตา ได้ยินว่าท่านอ๋องรีบจัดการธุระในมือเสร็จแล้ว กำลังตามมาหรือขอรับ?”

คำเรียกนี้ทำให้ผังก้วนสะอิดสะเอียนแทบแย่ เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยเรียกขานกันว่าพี่น้อง

ผังก้วนกลับฝืนยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าบอกว่า “อืม ท่านอ๋องเจียดเวลามาได้ ข้าก็รู้สึกเหนือความคาดหมาย จะเห็นได้ว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับลูกเขย”

หวังลั่วเรายังทำตัว “เปล่าหรอกขอรับ ลูกเขยก็ได้อาศัยบารมีของอวี้เหนียงเหมือนกัน” เขาปิดบังสีหน้าปลาบปลื้มดีใจไว้ไม่อยู่ ตอนฮ่าวเต๋อฟางบอกว่าจะไม่มางานแต่งงานของเขา เขาก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปนิดหน่อย ตอนนี้นับว่าสมบูรณ์แบบแล้ว อย่างน้อยก็ได้หน้าเพิ่มอีกเท่าหนึ่ง

รออยู่ไม่นาน เฉินหวยจิ่วก็พึมพำข้างหูผังก้วน “มาแล้วขอรับ!”

เห็นคนประมาณหลายร้อยปรากฏตัวรางๆ อยู่ในจุดลึกของดาราจักร ผู้ที่นำหน้ามาก็คือฮ่าวเต๋อฟาง เขาถอดหน้ากากบนใบหน้าออกแล้ว ซูอวิ้นติดตามอยู่ข้างกาย

เมื่อเห็นขบวนต้อนรับที่อยู่ฝั่งนี้ กำลังพลข้างหลังของฮ่าวเต๋อฟางก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที ทัพใหญ่ที่หนาแน่นปรากฏขึ้น เตรียมตัวป้องกัน เตรียมควบคุมจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ กำลังพลกลุ่มใหญ่กรูเข้ามาพร้อมฮ่าวเต๋อฟาง

ทว่าในขณะนี้เอง สถานการณ์เปลี่ยนแปลงฉับพลัน จู่ๆ หลี่อัน แม่ทัพคนสนิทของฮ่าวเต๋อฟางก็ตะโกนว่า “ฆ่า!”

กำลังพลสองล้านที่อยู่ท่ามกลางทัพใหญ่สิบล้านพลันดึงผ้าพันคอสีขาวขึ้นมาบนคอ กลายเป็นทัพกบฏแล้ว รวมตัวกันพุ่งสังหารไปยังฮ่าวเต๋อฟางที่อยู่ข้างหน้า

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ทัพที่ติดตามคุ้มกันฮ่าวเต๋อฟางก็ไหวตัวเร็วเช่นกัน ชั่วพริบตาที่หลี่อันตะโกนว่าฆ่า พวกเขาก็รีบรวมตัวกันป้องกันรอบๆ ฮ่าวเต๋อฟางแล้ว เข่นฆ่ากับทัพกบฏในระยะใกล้ เหยียนเสี้ยว ผู้ตรวจขวาของกองทัพมาขวางข้างหน้าฮ่าวเต๋อฟาง ขณะเดียวกันก็รีบผิวปากลากเสียงยาว ทัพใหญ่ที่ซ่อนไว้ปรากฏตัวทั้งหมด มีกำลังพลเพิ่มอีกสิบล้าน ขณะที่คุ้มครองฮ่าวเต๋อฟาง ก็ล้อมโจมตีทัพกบฏไปด้วย

ฮ่าวเต๋อฟางสีหน้าเย็นเยียบ มองข้ามทัพกบฏ หันขวับไปมองทางผังก้วนด้วยสายตาเยียบเย็น

คนน้อยแค่นี้ก็คิดจะกบฏแล้วเหรอ ช่างน่าขันยิ่งนัก ทว่าเมื่อรู้อยู่แจ่มแจ้งว่าต้องตายแน่นอน แต่กลับก่อกบฏในเวลานี้  ความหมายเชิงลึกที่ซ่อนอยู่ในนั้นทำให้ฮ่าวเต๋อฟางหวาดกลัว

เป็นอย่างที่คาดไว้ เขาเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าผังก้วนแล้ว รีบคว้าแขนซูอวิ้นที่กำลังตกใจสุดขีดไปด้วยกัน ทั้งสองถอยออกจากแนวหน้าที่อยู่ตรงข้ามกับผังก้วน ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางการคุ้มครองของทัพใหญ่

“…” หวังลั่วตะลึงค้างเช่นกัน คว้าทวนยาวขึ้นมาทันที รีบพุ่งเข้าไปสนับสนุน พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “หวังลั่วมาแล้ว!”

ยังไม่ทันเข้าใกล้กระบวนทัพป้องกันของฮ่าวเต๋อฟาง เขาก็ต้องอึ้งอีกครั้ง เห็นเพียงกำลังพลรอบๆ ที่เดิมทีเรียงแถวมาต้อนรับพลันขยายจำนวนเป็นทัพใหญ่ที่หนาแน่น แบ่งกลุ่มมาล้อมกระบวนทัพของฮ่าวเต๋อฟางเอาไว้ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์นับไม่ถ้วนง้างอยู่บนสายแล้ว

หวังลั่วหันขวับไปมองผังก้วน แล้วตะโกนเสียงดังอย่างเดือดดาล “ท่านจอมพล!”

“ฆ่า!” ผังก้วนคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงออกมาแล้ว หวังลั่วที่เพิ่งเรียกพ่อตาด้วยอารมณ์หวานชื่น ตอนนี้กลับถูกท่านพ่อตายิงพรุนแล้ว

………………