บทที่ 1442 จงใจต่อล้อต่อเถียงเธอนั่นแหละ + ตอนที่ 1443 Chanel No.5

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1442 จงใจต่อล้อต่อเถียงเธอนั่นแหละ + ตอนที่ 1443 Chanel No.5 Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1442 จงใจต่อล้อต่อเถียงเธอนั่นแหละ

พวกสีอันน่าไม่กล้าหัวเราะอีกต่อไป แต่กลับมองสีหน้าผ่อนคลายของจ้าวเหมยกับใบหน้าบึ้งตึงของเจิ้งเสวี่ยซานอย่างระมัดระวัง หัวใจที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเริ่มแผดเผา

นี่เกิดเรื่องอะไรที่พวกเธอไม่รู้อีกหรือ?

หากจะพูดถึงคนอย่างจ้าวเหมยแม้เจ้าอารมณ์ไปหน่อย นิสัยเย่อหยิ่งไปบ้าง แต่ปกติไม่ใช่คนที่จะเป็นฝ่ายหาเรื่องใครก่อน ถังม่านลี่เป็นประเภทที่ทำตัวเองทั้งนั้นไม่มีค่าให้เห็นใจแต่อย่างใด แต่การที่จ้าวเหมยเป็นฝ่ายท้าทายยั่วยวนก่อนเช่นวันนี้ถือเป็นครั้งแรกเชียว!

เหมยเหมยต้องจงใจอยู่แล้ว เธอรู้สึกเจิ้งเสวี่ยซานขัดหูขัดตานั่นแหละ ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นหลานสาวของเจิ้งซื่อหลินกันล่ะ!

อีกทั้งยังสืบต่อยีนส์ขาดคุณธรรมหน้าไหว้หลังหลอกเจ้าเล่ห์ของเจิ้งซื่อหลินมาอีก ถ้าเธอสบายหูสบายตาสิแปลก แค่ได้เห็นก็ต้องต่อปากต่อคำสักหน่อย เอาให้ตายไปเลย!

เจิ้งเสวี่ยซานเองก็รู้ทันความตั้งใจของจ้าวเหมย เธอเลยพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ เธอต้องคิดให้ดีว่าทำไมจ้าวเหมยถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบนี้?

หรือว่าเธอรู้เบื้องหลังครอบครัวของเธอแล้ว?

เป็นไปไม่ได้!

เจิ้งเสวี่ยซานปฏิเสธทันควัน แม้แต่เจี่ยงจื้อหรู่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นหลานสาวของเจิ้งซื่อหลิน ไม่ใช่ว่าเธอไม่บอกแต่เจิ้งซื่อหลินไม่อนุญาต ในเมื่อเรื่องที่เขาเคยทอดทิ้งภรรยาและลูกไม่ใช่เรื่องน่าเชยชมเท่าไร เขาสามารถช่วยสนับสนุนเรื่องเงินแก่ครอบครัวเจิ้งเสวี่ยซานได้แต่กลับไม่มีวันอนุญาตให้พ่อแม่เธอเปิดเผยความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเขา ไม่อย่างนั้นจะหยุดให้การสนับสนุนเรื่องเงินทันที

“จ้าวเหมย เธออารมณ์ไม่ดีไม่เห็นต้องมาลงที่ฉันเลยนี่นา วันก่อนเมื่อวานเธอก็ไม่ได้อยู่ที่หอพัก ต่อให้ฉันอยากหาเรื่องเธอยังไม่มีเวลานั่นเลย ฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจนัก?” เจิ้งเสวี่ยซานกลับมาคงสีหน้าเดิมแล้วพูดชัดถ้อยชัดคำมีเหตุมีผล และวางตัวให้ดูต่ำต้อยกว่า

เหมยเหมยหัวเราะคิกคัก “ฉันอารมณ์ดีจะตายไป หัวหน้าห้องเจิ้งอ่อนไหวง่ายจัง แค่ล้อเล่นเท่านั้นเองเธอก็คิดว่าคนอื่นหยามเธอแล้วเหรอ ไม่สนุกเลย หัวหน้าห้องเจิ้งใจแคบแบบนี้ไม่ดีเลยนะ คนเราต้องรู้จักใจกว้างสิ!”

พอเห็นเจิ้งเสวี่ยซานที่เดิมทีทำหน้าเรียบนิ่งอยู่แล้ว แต่บัดนี้กลับสีหน้าแย่ลงอีกครั้ง เหมยเหมยก็อารมณ์ดีแทบระเบิด ความสุขแผ่ออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า

วันหลังถ้าไม่มีอะไรทำพูดยั่วยุยัยผู้หญิงแก่จอมเสแสร้งนี่สักหน่อยอารมณ์ต้องดีแน่ ๆ!

“ฉีฉีเก๋อ เร็วหน่อย ใกล้เริ่มเรียนแล้ว!”

เหมยเหมยเสียงใสก้องกังวานดั่งนกกระจาบฝนที่ฟังดูน่าสดใสกว่าเสียงทุ้มต่ำของเจิ้งเสวี่ยซาน

ฉีฉีเก๋อรีบหยิบหนังสืออย่างลนลานก่อนวิ่งออกไป ภายในหอพักเงียบสงัด สีอันน่าหวีผมครั้งแล้วครั้วเล่า เธอแอบชำเลืองมองเจิ้งเสวี่ยซานแวบหนึ่ง ลอบคิดอยู่ภายในใจโดยตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะต้องอยู่ให้ห่างยายผู้หญิงแก่คนนี้เสียหน่อย

ดูท่าทางยายผู้หญิงแก่คนนี้ไปล่วงเกินจ้าวเหมยเข้าแล้ว!

คนที่มีความคิดเดียวกับเธอยังมีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอีกคน

ในเมื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจจะเลือกซบจ้าวเหมยก็ต้องชอบคนที่จ้าวเหมยชอบ เกลียดคนที่จ้าวเหมยเกลียด ยืนกรานจะรักษาหัวใจเดียวกับคุณหนูใหญ่จ้าวอย่างไม่มีการนอกใจ!

มีเพียงถังม่านลี่กับสวีจื่อเซวียนสองคนที่ต่างเห็นใจเจิ้งเสวี่ยซานอย่างมาก คิดว่าจ้าวเหมยรังแกข่มเหงกันเกินไป แต่เห็นใจก็ส่วนเห็นใจพวกเธอไม่กล้าออกโรงเช่นกัน

บทเรียนของถังม่านลี่มีไว้ให้ดูอยู่ตรงหน้าแหนะ!

แต่พวกเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังรอคอยถังม่านลี่อยู่กลับเป็นความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่า!

วันนี้อากาศดีแดดส่องฟ้าสดใสที่นาน ๆทีจะเป็นครั้ง นกน้อยร้องเพลงรื่นเริง หลังฉีฉีเก๋อทานอาหารเช้าเสร็จก็ร้อนจนต้องถอดเสื้อกันหนาวออก ก่อนมองเหมยเหมยที่ใส่เสื้อปิดมิดชิดด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง

“วันนี้เธอแต่งตัวมิดชิดขนาดนี้ทำไม? พันผ้าพันคอด้วย ทำเอาฉันคิดว่าข้างนอกอากาศหนาวมากงั้นแหละ!”

ฉีฉีเก๋อมักรู้สึกว่าเพื่อนช่างน่าประหลาดนัก เวลานี้ไม่ใช่ฤดูหนาวเดือนธันวาคมสักหน่อย ต้องพันผ้าพันคอแน่นขนาดนั้นเชียวหรือ?

“เธอร้อนไหม?” ฉีฉีเก๋อถามเธอด้วยความเป็นห่วง

เหมยเหมยส่ายศีรษะแรงๆ “ไม่ร้อน ฉันกลัวหนาว!”

ขณะเดียวกันก็แอบโล่งอกที่เครื่องปรับอากาศมีชีวิตอย่างฉาฉากลับมาแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอต้องร้อนตับแตกแน่ ๆ!

พอนึกถึงรอยจูบเป็นดวง ๆตามลำคอ แววตาเหมยเหมยก็แต่งแต้มด้วยอารมณ์เคลิ้มปนโกรธ ก่นด่าใครบางคนอยู่ภายในใจ!

………………………….

ตอนที่ 1443 Chanel No.5

เนื่องจากสาขาศิลปะการวาดรูปจีนเป็นห้องที่มีความสามารถพิเศษทางด้านศิลปะโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงเรียนวาดรูปเป็นหลัก วิชารองอื่น ๆมีไม่มากนัก ซึ่งแน่นอนว่าวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาจีนและวิชาแนวความคิดมาร์กซิสต์ ลินินและเหมาเจ๋อตงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนอยู่แล้ว พวกเหมยเหมยมีวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาแรกของช่วงเช้า ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์มีคาบภาษาอังกฤษสามคาบ วันนี้พวกเธอจะได้เรียนเป็นครั้งแรก

วิชาภาษาอังกฤษเปิดสอนในห้องใหญ่ที่มีนักศึกษาสี่ชั้นเรียนเข้าเรียนพร้อมกัน เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อไปเร็วอยู่เสียหน่อยเลยได้ที่นั่งตรงกลางที่ดีที่สุดไป

“ไม่รู้ว่าครูภาษาอังกฤษเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?” ฉีฉีเก๋อเกิดความอยากรู้ขึ้นมาและรู้สึกใจฝ่อแปลกๆ ในท่ามกลางวิชามากมาย วิชาที่เธอกลัวมากที่สุดก็คือวิชาภาษาอังกฤษนี่แหละ

เพราะเธอออกเสียงไม่ได้มาตรฐานเลยติดสำเนียงบ้านเกิดหนักอยู่เอาการ  ไม่ว่าจะคนอังกฤษหรือคนจีนไม่มีใครฟังภาษาอังกฤษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอฉีฉีเก๋อได้เข้าใจเลย หากพูดออกปากต้องกลายเป็นเรื่องตลกแหง

“เหมือนจะเป็นผู้หญิงนะ ได้ข่าวว่าเป็นสาวสวยที่กลับมาจากต่างประเทศ!”

เพื่อนนักเรียนหญิงต่างห้องข้าง ๆ คนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าติดอิจฉา

นักเรียนเรียนต่อต่างประเทศในสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรแต่สมัยต้นยุคเก้าศูนย์คนที่สามารถไปเรียนต่างประเทศ หากไม่ใช่เพราะมีพื้นหลังครอบครัวที่ดีก็คือเจ้าตัวมีความสามารถโดดเด่น สอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ ไม่อย่างนั้นชาวบ้านทั่วไปไม่มีทางแบกรับค่าใช้จ่ายแสนแพงของการเรียนต่อต่างประเทศได้เลย

ฉะนั้นในเวลานี้คนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศยังมีน้อยมาก จึงมีค่าตอบแทนสำหรับการไปเรียนต่อสูงมากเช่นกัน ไม่เหมือนตอนนี้ที่ได้กลายเป็นสินค้าที่มีอยู่เกลื่อนเมืองแล้ว ไหนจะมีความหมายติดลบอีกด้วย

ฉีฉีเก๋อเองก็อิจฉาอย่างมาก “คนที่ไปต่างประเทศมาต้องเก่งมากแน่ ๆ!”

คนเชยที่แม้แต่คำว่า ‘สวัสดี’ ยังพูดได้ไม่ดีอย่างเธอต้องไม่มีสิทธิ์ไปต่างประเทศอยู่แล้ว

เหมยเหมยพูดให้กำลังใจเธอ “ขอแค่มีเงินต่อให้ดวงจันทร์ก็ไปได้ ฉีฉีเก๋อเธออยากไปต่างประเทศก็ง่ายยิ่งกว่าอะไร ทำพาสปอร์ตแล้วอยากไปไหนก็ไปได้ทั้งนั้น!”

ฉีฉีเก๋อตาเป็นประกายแต่ไม่นานก็หม่นแสงลง “แต่ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น ออกจากบ้านไปแม้แต่ห้องน้ำยังหาไม่เจอ”

“ไม่เป็นก็ค่อย ๆเรียนสิ เธอยังสอบเข้ามหาลัยดมืองหลวงได้เลยทำไมจะเรียนภาษาอังกฤษไม่ได้ล่ะ? มหาลัยของเรามีมุมภาษาอังกฤษอยู่ไม่ใช่เหรอ? หากเธอไม่มีธุระอะไรก็ไปเดินเล่นแถวนั้น รับรองว่าไม่เกินหนึ่งเดือนเธอจะพูดได้ดีมากแน่ ๆ”

ฉีฉีเก๋อเป็นประเภทคนใบ้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องตามเกณฑ์ ไวยากรณ์กับคำศัพท์ไม่มีปัญหาแต่พออ้าปากทีไรก็จบเห่ทุกที

ปัญหาหลักคือทางทุ่งหญ้ายังขาดแคลนครูที่มีศักยภาพอยู่ คิดว่าครูที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีคงมีไม่กี่คน แล้วฉีฉีเก๋อจะไปเรียนได้จากที่ไหน?

แต่นี่ก็เป็นปัญหาที่เหล่านักเรียนในประเทศส่วนมากประสบกัน หากพูดถึงความรู้นั้นไม่มีปัญหาแต่พออ้าปากเข้าก็จบเห่ทุกครั้งไป!

ฉะนั้นเหมยเหมยถึงสนับสนุนให้เธอไปมุมภาษาอังกฤษ ตรงนั้นมีนักศึกษาจากต่างประเทศและครูต่างประเทศมากมายที่ไม่มีใครรู้จักกัน ทุกคนสามารถสื่อสารได้อย่างเต็มที่ซึ่งรับรองว่าทักษะการพูดต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วแน่นอน

ฉีฉีเก๋อยังลังเลอยู่นิดหน่อย เหมยเหมยเลยช่วยตัดสินใจแทนเธอ “พรุ่งนี้ตอนค่ำไปกันเลย ฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”

ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นแทบหวังว่าจะใช้กาวทาเธอแปะติดตัวเขาให้รู้รอดแล้วรู้รอดไปเลย กลับไปคืนนี้ยังต้องขออนุญาตจากเขาอีกนะ!

ฉีฉีเก๋อนึกถึงภาพทิวทัศน์แสนงดงามจากสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกเหล่านั้นที่อยู่ในสมุดภาพวาด หัวใจก็เต้นระส่ำจนในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดขาด

“ได้ ฉันจะตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ!”

ขอแค่ตั้งใจเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เธอก็สามารถแบกเป้ไปชมทิวทัศน์ทั่วโลกได้ แบบนั้นก็ถือว่าใช้ชีวิตไม่เสียเปล่าแล้ว!

ความฝันของฉีฉีเก๋อก็คือเดินออกจากทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ แล้วขายม้าของครอบครัวเธอไปทั่วโลก!

เสียงกริ่งดังขึ้น ทุกคนนั่งตัวตรงอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่สายตาต่างมองไปทางประตูห้องเรียนอย่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาถึงของครูคนใหม่

“ตึก ตึก ตึก…”

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นไม้เกิดเสียงกังวานเป็นจังหวะ ค่อย ๆดังแว่วใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

เหมยเหมยเริ่มวิเคราะห์โดยไม่รู้ตัว เธอมั่นใจว่าต้องเป็นผู้หญิงอายุไม่เกินสี่สิบปี นอกจากนี้ต้องเป็นผู้หญิงที่หุ่นสูงเพรียวและรู้จักการแต่งตัวคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคงเลือกสวมรองเท้าคัชชูไม่มีส้นมาสอนแล้ว

เสียงใกล้ประตูมากกว่าเดิม กลิ่นหอมสุดเย้ายวนลอยมาตามสายลม ช่างน่าหลงใหลเสียจริง!

กลิ่น Chanel No.5 อันโด่งดัง!

ต้องเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยอายุไม่เกินสามสิบปีแน่นอน!

แถมยังเป็นผู้หญิงสุดเซ็กซี่ที่ใฝ่ฝันถึงอิสระ พึ่งพาตัวเองและเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา!

เสียงรองเท้าส้นสูงเข้ามาในห้องเรียนแล้ว จากนั้นก็เดินขึ้นเวทีไป เหมยเหมยจ้องตาเขม็ง!

ทำไมถึงเป็นเธอไปได้นะ?

……………………….