ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1050 ความลับพันปี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ของสิ่งนี้ว่ากันว่าชื่อศิลาฟ้ากำเนิด” เฉาเจี๋ยเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “หลังจากข้าเลื่อนขึ้นสู่ระดับประมุขแล้ว จึงค่อยมีคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋มองประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เฉาเจี๋ยน้ำเสียงล่องลอยอยู่บ้าง “มีข้อมูลหนึ่งบอกว่า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกำลังตามหาของวิเศษที่มีชื่อว่าศิลาฟ้ากำเนิด ของวิเศษชิ้นนี้ถ้าหากตกไปอยู่ในมือของเขา ไม่เพียงแต่จอมยุทธ์ในระดับต่ำกว่าประมุขจะถูกชำระล้างเพราะได้ยินชื่อเขาเท่านั้น แม้แต่คนในสำนักเต๋าสายหลักที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนก็จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป!”

ศิลาฟ้ากำเนิด” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่รู้จักชื่อนี้ ในวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ก็ไม่เคยมีชื่อนี้

“ข้อมูลนี้ตกลงแล้วเป็นความจริงหรือความลวง ไม่อาจพิสูจน์ยืนยันได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังมีการถกเถียงอยู่” เฉาเจี๋ยกล่าวต่อ “แต่ว่าในตอนนั้นมีคนเชื่อว่ามันมีอยู่”

เยี่ยนจ้าวเกอลดเสียงกล่าว “อิ่นเทียนเซี่ย จักรพรรดิประกายกาฬ!”

“ไม่ผิด การยาตราทัพไปยังมิติต่างแดนของจักรพรรดิประกายกาฬเป็นแค่การโจมตีลวง ” เฉาเจี๋ยว่า “เป้าหมายที่แท้จริงของจักรพรรดิประกายกาฬคือการตามหาศิลาฟ้ากำเนิดให้เจอก่อน ครั้งนั้นเป็นตอนที่ศาสนาพุทธกับโถงเซียนสู้กันรุนแรงที่สุด ยอดฝีมือส่วนใหญ่ของโถงเซียนกำลังทำสงครามกับยอดฝีมือจากศาสนาพุทธ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์สะกดกันและกัน สุดท้ายจักรพรรดิประกายกาฬถอนเขี้ยวพยัคฆ์ ชิงชิ้นส่วนของศิลาฟ้ากำเนิดมาได้จริงๆ”

ฟังถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็พอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้ว “แต่ว่าจักรพรรดิประกายกาฬก็เสียชีวิตเพราะสาเหตุนี้เช่นกันหรือ”

เฉาเจี๋ยตอบ “ไม่ผิด เป็นเช่นนั้น ถึงเขาจะเสียชีวิต แต่ชิ้นส่วนของศิลาฟ้ากำเนิดก็ยังไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของโถงเซียน ฝ่ายโถงเซียนย่อมไม่ยอมเลิกรา โลกซ้อนโลกได้รับแรงกดดันมหาศาล ต้องจ่ายข้อแลกเปลี่ยนมากมายเพราะสาเหตุนี้”

มีข้อมูลบอกว่า จักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซินและผู้สืบทอดของนางได้รับชิ้นส่วนของศิลาฟ้ากำเนิดชิ้นนั้น ดังนั้นจึงถูกตามล่าในโลกซ้อนโลกและโถงเซียนมาโดยตลอด

อีกด้านหนึ่ง โถงเซียนสงสัยว่าจะมีเบาะแสซ่อนไว้ในมรดกของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย

คนในโลกซ้อนโลกแม้โดยพื้นฐานแล้วจะยืนยันได้ว่า ชิ้นส่วนของศิลาฟ้ากำเนิดไม่เกี่ยวข้องกับสุสานจักรพรรดิประกายกาฬและกงจักรมหาประกายกาฬ แต่คนในโถงเซียนกลับไม่เชื่อโดยสิ้นเชิง

ด้วยเหตุนี้คนที่รู้เรื่องซึ่งอยู่บนโลกซ้อนโลกจึงแสดงท่าทีไม่ต้องการกงจักรมหาประกายกาฬ อีกทั้งยังห้ามไม่ให้คนในสำนักคิดละโมบ

“พวกเราก่อนหน้านี้คิดว่ามารดาของเจ้าได้ชิ้นส่วนของศิลาฟ้ากำเนิดไปโดยบังเอิญ ดังนั้นจึงนำเพทภัยมาใส่ตัว” เฉาเจี๋ยมองเยี่ยนจ้าวเกอ “แต่การที่เจ้าได้กงจักรมหาประกายกาฬมา เกรงว่าจะมีสาเหตุมาจากมารดาของเจ้า ดูจากตอนนี้แล้ว เรื่องราวในตอนนั้นเป็นจักรพรรดิเจิดจรัสกับจักรพรรดิประกายกาฬได้วางแผนร่วมกัน”

เขาถอนใจ “ที่โลกซ้อนโลกแสดงท่าทีลับลมคมนัยต่อจักรพรรดิเจิดจรัส ข้าก็ทราบไม่ละเอียดนัก เพียงรู้ว่าความคิดของนางไม่ตรงกันกับกษัตริย์ดิน ตอนนี้เมื่อดูแล้ว ความขัดแย้งหลักๆ สมควรอยู่ที่ท่าทีที่มีต่อโถงเซียน”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็แตะนิ้วกับริมฝีปาก “เป็นเช่นนี้แสดงว่าท่าทีที่กษัตริย์ดินมีต่อโถงเซียนคือการเอาใจแล้วหรือ”

เฉาเจี๋ยตอบ “ไม่ถึงขั้นเอาใจ แต่กษัตริย์ดินไม่ชอบการเสี่ยง วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ทำให้สำนักเต๋าสายสามพิสุทธิ์ของเราเสื่อมโทรม คิดจะฟื้นพลังขึ้นมาไม่ง่ายนัก ตั้งแต่เก้านพเคราะห์คนหลุนได้บุกเบิกโลกซ้อนโลก มีการเสียสละมากมาย จึงค่อยเกิดสถานการณ์ที่มั่นคงเช่นในวันนี้ ภายใต้การนำของสามกษัตริย์ หลายปีมานี้ในที่สุดพลังก็เริ่มฟื้นคืนกลับมา ในนี้ยังมีความดีความชอบของกษัตริย์ดินด้วย”

เยี่ยนตี๋เลิกคิ้วเล็กน้อย “แต่ว่าถ้าหากข่าวลือเป็นความจริง เมื่อเทวกษัตริย์ไร้ประมาณรวบรวมศิลาฟ้ากำเนิดนั้นได้ครบ ทุกอย่างนี้ก็ไม่ใช่กลายเป็นวิมารในอากาศ กลายเป็นธุลีไปอย่างรวดเร็วหรอกหรือ”

เฉาเจี๋ยเอ่ยอย่างเฉื่อยชา “ปัญหาอยู่ที่ว่า ไม่อาจยืนยันได้ว่าเรื่องศิลาฟ้ากำเนิดเป็นจริงหรือปลอม ศิลาฟ้ากำเนิดบางทีอาจมีอยู่จริงๆ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณและโถงเซียนอาจต้องการมันจริงๆ แต่ความสามารถของมันเป็นไปตามคำกล่าวของจักรพรรดิประกายกาฬจริงๆ หรือ”

จากนั้นเฉาเจี๋ยก็ส่ายหน้า “จักรพรรดิประกายกาฬทำเพื่อส่วนรวมหรือส่วนตัว ล้วนไม่มีใครทราบ ต่อให้เขาตั้งใจเสียสละตัวเองเพื่อสหายร่วมเส้นทางทุกคนในสำนักเต๋าด้วยความสมัครใจ หรือถึงขั้นที่ทำลายหลักมรรคาของสำนักประกายกาฬของตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาถูกผู้อื่นหลอกลวงและถูกใช้ประโยชน์หรือไม่”

เขาเศร้าสลดเล็กน้อย “ดังนั้นจึงมีคนสนับสนุนยอมรับ และมีคนปฏิเสธไม่ยอมรับด้วยเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “จะเป็นแผนของโถงเซียนหรือไม่”

เขาสบตากับเยี่ยนตี๋ คิ้วของสองพ่อลูกขมวดขึ้นมา

การกระทำของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย บางทีอาจกระทำเพื่อส่วนรวม ยอมสละตัวเองเพื่อความยุติธรรม ถึงขั้นที่เรียกได้ว่ามีคุณูปการไร้สิ้นสุด สำนักเต๋าสายสามพิสุทธิ์ต้องยอมรับน้ำใจของเขา แต่ก็อาจจะเป็นเพราะหาข้ออ้างเพื่อทำให้ตัวเองดูดี เนื่องด้วยความต้องการของตัวเอง ทุกคนจึงโดนหางเลขไปด้วย สุดท้ายได้รับการลงโทษเพราะการเสี่ยงของตัวเอง

สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือนี่อาจเป็นแผนที่โถงเซียนวางไว้ แล้วจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยเหยียบใส่ ตนตายยังไม่พอ ยังทำให้โลกซ้อนโลกตกเป็นขี้ปากคนและถูกโจมตี

เรื่องนี้ไม่อาจพิสูจน์ได้ในตอนนี้ จนกลายเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันเรื่องหนึ่ง นับว่าจนปัญญายิ่งนัก

สิ่งที่ตามมาก็คือ เสวี่ยชูฉิงที่มีความเชื่อมโยงกับชิ้นส่วนของศิลาฟ้ากำเนิด จะมีจุดจหน้าสงสารแบบเดียวกัน

ไม่ว่าจุดเริ่มต้นของจักรพรรดิประกายกาฬและจักรพรรดิเจิดจรัสจะเป็นอะไร พวกเขาก็ได้ทำลายแผนการของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ต่อให้จักรพรรดิประกายกาฬตายไปแล้ว เรื่องราวก็ยังไม่นับว่าจบ ผลลัพธ์สุดท้ายยังต้องให้โลกซ้อนโลกมาแบกรับ

กษัตริย์ดินที่เป็นผู้นำของสามกษัตริย์ ยึดครองตำแหน่งหลักในการตัดสินใจบนโลกซ้อนโลก จะเชื่อจักรพรรดิประกายกาฬกับจักรพรรดิเจิดจรัสหรือไม่ไม่สำคัญ อย่างน้อยภายนอกเขาก็ได้มอบข้อแลกเปลี่ยนให้แก่โถงเซียน

โดยเฉพาะชิ้นส่วนของศิลาฟ้ากำเนิดที่ถูกจักรพรรดิประกายกาฬชิงไปและเป็นต้นเหตุ ไม่เคยมีตำแหน่งที่แน่ชัด

ดังนั้นมรดกของจักรพรรดิประกายกาฬจึงกลายเป็นของต้องห้าม จักรพรรดิเจิดจรัสซึ่งเป็นปรปักษ์กับโถงเซียนมาโดยตลอดกลายเป็นประวัติศาสตร์ดำมืดของโลกซ้อนโลก และเสวี่ยชูฉิงที่ได้รับชิ้นส่วนศิลาฟ้ากำเนิดก็ถูกจับกุม

แต่เพราะว่าเรื่องนี้ยังมีการถกเถียงกันอยู่ ดังนั้นคนบนโลกซ้อนโลกจึงมีความเห็นต่อเรื่องนี้แตกต่างกันออกไป

สิ่งที่สะท้อนออกมาจากเรื่องของเสวี่ยชูฉิงอย่างเห็นได้ชัดก็คือ มีบางคนกระตือรือร้น มีบางคนต่อต้าน มีบางคนปิดตาข้างหรือตามข้าง

ในตอนที่เสวี่ยชูฉิงเริ่มหลบหนีซ่อนตัว นางยังมีระดับพลังฝึกปรือจำกัด บุคคลระดับสุดยอดหากคิดจะตามหานางจริงๆ ไม่ใช่เรื่องยาก

คนที่มีความเห็นแตกต่างกันต่างสะกดกันและกัน นี่จึงมอบเวลาและพื้นที่ให้นางได้เคลื่อนไหว

“ถึงจะมีความสัมพันธ์กับกษัตริย์กระบี่ แต่ถ้าหากพวกเจ้าคิดจะเจอกันจริงๆ ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ทางที่ดีให้ดำเนินการเงียบๆ อย่าให้มีข่าวหลุดรอดออกมา” เฉาเจี๋ยกล่าว

หลังจากเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง เขาก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจ้าได้กงจักรมหาประกายกาฬมา ก็จำเป็นต้องเตรียมใจเอาไว้ ของวิเศษชิ้นนี้อาจจะนำเพทภัยมาให้เจ้า”

“หลายปีก่อนเป็นช่วงเวลาที่โถงเซียนกับศาสนาพุทธสู้รบกันดุเดือดที่สุด ไม่อาจแบ่งแยกสมาธิมาได้ แต่ว่าหลังจากระดับสูงสุดก็จะเป็นระดับต่ำสุด ต่อจากนี้การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายจะไม่ได้รุนแรงดังเดิม โถงเซียนจะแบ่งความสนใจมาทางนี้ เมื่อมีกษัตริย์กระบี่อยู่ แรงกดดันของเจ้าจะลดน้อยลงมาก แต่ว่ายังคงไม่อาจประมาท”

เยี่ยนจ้าวเกอทราบว่าอีกฝ่ายกล่าวเตือนด้วยประสบการณ์ จึงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ถามว่า “ท่านเชื่อใจและนับถือจักรพรรดิประกายกาฬ ข้าเข้าใจถูกต้องหรือไม่”

เฉาเจี๋ยมีน้ำเสียงเรียบเฉย “อย่างน้อยพวกเราก็เป็นสำนักเต๋าสายหลัก”

………………..