“น-แน่นอน!”
สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายนั้นต่างเหยเกไปตามๆ กัน เวลานี้พวกเขาไม่มีอะไรจะเถียงได้แล้ว
ชายหนุ่มผู้มีกำลังฝีมือเทียบเคียงท่านหวู่หยุนได้ แน่นอนว่าเขาย่อมจะมีคุณสมบัติพอชี้แนะฝีมือวิชาของคนทั้งหลายได้
“หยางเซียง เจ้าก่อน! แสดงฝีมือของเจ้าออกมาให้หัวหน้าผู้ฝึกสอนได้เห็นหน่อย” หวู่หยุนสั่งผู้อาวุโสคนหนึ่ง
แม้ว่าเขานั้นจะพ่ายให้เย่หยวนไปขั้นหนึ่งในวิชาการโอสถ แต่เขานั้นก็ยังคิดจะแสดงให้เย่หยวนเห็นว่าความสามารถในการสั่งสอนวิชาของเขามันเหนือล้ำปานใด
เหล่านักหลอมโอสถของโถงโอสถนั้น เขาย่อมจะลงทุนลงแรงชุบเลี้ยงฝึกฝนคนทั้งหลายมากับมือ
และเรื่องนั้นเขาก็ยังภูมิใจอย่างมาก
“ไม่ต้องหรอก ทุกคนๆ เชิญลงมือพร้อมกันเถอะ” เย่หยวนกล่าว
“พร้อมกัน? นั่นมัน… จะไม่ดีล่ะมั้ง?” หยางเซียงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนนี้มันทำอะไรอย่างไม่คาดฝันเสมอ
เวลานี้มันมีนักหลอมโอสถมากมายกว่าพันคน และพวกเขาทั้งหลายนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนของโถงโอสถ
หากให้พวกเขาหลอมโอสถพร้อมๆ กันแล้ว มีหรือที่เขาจะยังมองแยกออกได้?
หวู่หยุนเองก็มึนงงไม่น้อยแต่ก็ยังสั่งออกมา “ทำตามที่สหายหนุ่มจี้ว่าเถอะ”
เพราะฉะนั้นมันจึงเกิดการหลอมโอสถของคนนับพันขึ้นมาเป็นภาพที่สุดแสนตระการตา
เย่หยวนค่อยๆ หลับตาลงก่อนจะปล่อยพลังจิตของตนออกมาครอบคลุมพื้นที่ภายใน
หวู่หยุนนั้นผงะไปเมื่อได้เห็น เจ้าหมอนี่คิดจะสังเกตการหลอมโอสถของคนนับพันนี้ด้วยคลื่นจิต?
นี่มันจะไม่เกินตัวไปหน่อยหรือ?
การสังเกตคนผู้เดียวนั้นมันไม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนอย่างการหลอมโอสถนั้นมันย่อมเป็นเรื่องยากหากคิดจะจดจำทุกรายละเอียดของคนนับพันนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้
หวู่หยุนนั้นไม่ได้คิดว่าเย่หยวนจะมีพลังจิตไม่พอใดๆ แต่การกระทำเช่นนี้มันต้องใช้ทักษะในการควบคุมจิตที่แม่นยำยิ่ง
แม้แต่ตัวหวู่หยุนเองก็ยังไม่อาจจะเข้าใจถึงจุดอ่อนจุดแข็งของทุกผู้คนได้
นี่เย่หยวนคิดจะอวดอ้างฝีมือหรือว่าแท้จริงแล้วแค่ไม่ประมาณตัว?
หรือว่าเขานั้นคิดจะมองดูคนแค่ไม่กี่คนแล้วค่อยไปให้คำแนะนำแค่คนที่มีแววดี?
หวู่หยุนย่อมไม่ทราบได้ เขาจึงได้แต่ต้องรอ
หลายวันต่อมานั้นในที่สุดคนทั้งหลายก็หลอมโอสถแล้วเสร็จ
และแท้จริงคนที่เสร็จก่อนมันก็มีมากหลาย แต่เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนกำลังใช้จิตมองดูการหลอมอยู่ คนทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าเย้ยหยันออกมา
หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนนี้มันช่างวางท่า!
การตรวจสอบโง่ๆ เช่นนี้ เขาคิดว่าคนทั้งหลายโง่เง่ามากหรือ?
ก็จริงที่ว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจ แต่คนทั้งหลายนั้นก็ยังไม่ยอมรับนับถืออยู่ในหัวใจ
เพราะว่าเขานั้นก้าวผ่านหัวท่านหวู่หยุนไป!
“สหายหนุ่มจี้ โถงโอสถของข้านี้พอที่จะต้องตาของเจ้าได้บ้างหรือไม่?” หวู่หยุนหันมาถามเย่หยวนทันทีที่เห็นว่าเย่หยวนนั้นดึงพลังจิตวิญญาณกลับมา
เพราะเขานั้นมั่นใจในพลังของโถงโอสถนี้ไม่น้อย
การสั่งสอนศิษย์ทุกอย่างไปนั้นมันจะทำให้อาจารย์ต้องอดตาย
คนทั้งหลายนั้นจึงได้เก็บวิชาความลับไว้กับศิษย์เสมอ ไม่มากก็น้อย
แต่หวู่หยุนนั้นไม่ได้เก็บงำวิชาใดๆ ไว้สั่งสอนผู้คนไปสิ้น
ในโถงโอสถนี้ มันมียอดฝีมือที่บ่มเพาะขึ้นมาจนถึงต้นกำเนิดระดับสามไม่น้อย
เพราะฉะนั้นเขาจึงมั่นใจในโถงโอสถอย่างมาก
เย่หยวนถอนหายใจยาวก่อนจะตอบกลับไป “ผู้อาวุโสหวู่หยุน ท่านอยากฟังความจริงหรือไม่?”
สีหน้าของหวู่หยุนเปลี่ยนสีไปทันที เมื่อได้ยินคำพูดนี้มันย่อมจะหมายความว่าโถงโอสถไม่ได้เก่งกาจใด!
แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียโถงโอสถนั้นมันก็เป็นถึงองค์กรโอสถที่แข็งแกร่งที่สุดของหลากเผ่าพันธุ์ เจ้าหมอนี่มันจะยังไม่พอใจอีกหรือ?
หรือว่าที่มานี้เขาคิดจะมาท้าทายกันจริงๆ?
หวู่หยุนแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาในที่สุด
“หากมันมีปัญหาใดสหายหนุ่มจี้ก็เชิญบอกกล่าวมาเถอะ มีปัญหาใดก็ช่วยแก้ มีจุดแข็งใดก็ช่วยส่งเสริม!” คำพูดของหวู่หยุนนั้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจ
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจแต่ก็ยังตอบกลับไป “หากให้พูดถึงกำลังฝีมือแล้ว โถงโอสถย่อมจะเก่งกาจล้ำ เพียงแค่ว่า… หากคิดทำให้เป็นภัยต่อเผ่าเทวานั้นมันยังไม่มากพอ!”
“หึ ดูท่าท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอนเราจะดูถูกกันมากไปแล้ว!”
“ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้นไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงเลยหรือที่พูดกล่าวเช่นนั้นออกมา เต๋าโอสถนั้นมันเป็นสิ่งที่บ่มเพาะโดยใช้เวลาเป็นสำคัญ มีหรือที่มันจะพัฒนาขึ้นได้รวดเร็วปุบปับเช่นนั้น?”
“กฎนั้นมันเป็นตัวตนที่เหนือล้ำความเข้าใจ มีใครบ้างเล่าที่ไม่อยากขึ้นถึงระดับของกฎ? แต่ภายใต้การปกครองของเผ่าเทวานี้แค่จะหาสมุนไพรวิญญาณสักเล็กน้อยมันก็ยังต้องเสี่ยงชีวิต มีหรือที่มันจะง่ายดายเช่นนั้น?”
…
คำพูดของเย่หยวนนี้ย่อมก่อให้เกิดการเถียงกล่าวขึ้นทันที
โถงโอสถนี้มันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่านหวู่หยุน พวกเขาแต่ละคนนั้นต่างทุ่มสุดกำลังเพื่อจะต่อต้านเผ่าเทวา
แต่เมื่อมาถึงปากเย่หยวนนี้มันกลับกลายเป็นว่าไร้ค่าใด
แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมา “เผ่าเทวานั้นเก่งกาจปานใดข้าคงไม่ต้องบอกกล่าวพวกท่านทั้งหลายแล้ว! โถงโอสถนั้นเก่งกาจ แต่มันก็แค่เก่งกาจในหมู่หลอกเผ่าพันธุ์ ในเผ่าเทวานั้นมันก็มียอดฝีมือที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเราทั้งหลายนี้! หากเราอยากจะเอาชนะเผ่าเทวาแล้ว พวกท่านคิดว่าด้วยกำลังแค่นี้มันจะเพียงพอ?”
แน่นอนว่าโถงโอสถนี้มันย่อมจะมีกำลังเหนือล้ำกว่าองค์กรโอสถใดๆ ของยุคหลัง
แต่เพียงแค่ว่ามันยังไม่พอ
ความห่างระดับนี้มันไม่มากพอจะเป็นภัยแก่เผ่าเทวา
“หึ ใครบ้างเล่าที่จะไม่รู้? ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้นบอกให้เราหลอมโอสถมิใช่หรือ? เช่นนั้นพวกเราคนใดมีปัญหาไหน ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอนลองว่ามาหน่อยสิ! หากท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอนสามารถช่วยให้เราพัฒนาได้ พวกเราก็ย่อมพร้อมจะพัฒนา” หยางเซียงกล่าว
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ได้ เช่นนั้นก็เริ่มจากท่านก่อนแล้วกัน”
พูดไปเขาก็เดินมาหยุดที่หน้าหยางเซียงก่อนจะยื่นมือออกมารับโอสถกึ่งเต๋าไว้ในมือ
“ผู้อาวุโสหยางเซียงนั้นมีกำลังฝีมือเหนือล้ำ แต่รากฐานของท่านนั้นตื้นเขิน” เย่หยวนบอก
เมื่อหยางเซียงได้ยินเขาก็แทบจะตะโกนลั่นขึ้นมา
เขานั้นมีเต๋าโอสถขึ้นถึงต้นกำเนิดระดับสาม แต่เย่หยวนกลับมาบอกว่ารากฐานเขาตื้นเขิน!
คำพูดนี้มันไม่ไว้หน้ากันใดๆ!
“โอ้? เช่นนั้นท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอนลองบอกเฒ่าคนนี้มาหน่อยเถอะว่ามันตื้นเขินอย่างไร?” หยางเซียงยิ้มเย้ย
เย่หยวนไม่คิดสนใจความโกรธแค้นไม่พอใจใดๆ และตอบกลับไป “ตอนที่ผู้อาวุโสท่านหลอมไปจนถึงช่วงที่สองที่สามท่านรู้สึกหรือไม่ว่าจิตมันไป แต่ร่างมันไม่ตาม? ครึ่งแรกของการหลอมโอสถนั้นมันแทบเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่ช่วงหลังๆ ไปนั้นในตอนที่แนวคิดต่างๆ มันเริ่มผสานกับซับซ้อนขึ้นปัญหาเรื่องความตื้นเขินของรากฐานท่านมันก็ปรากฏออก แล้ววิชาการควบคุมความร้อนของท่านผู้อาวุโสเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน…”
เย่หยวนนั้นกล่าวจุดบกพร่องออกมาต่อหน้าหยางเซียงอย่างต่อเนื่อง
หยางเซียงนั้นเดิมทีมีสีหน้าเย้ยหยัน แต่ยิ่งได้ยินไป จิตใจของเขาก็ยิ่งตื่นตะลึงจนแสดงออกมาทางสีหน้า
เพราะปัญหาที่เย่หยวนว่ามานั้นมันมีอยู่จริง!
ในสายตาของคนอ่อนแอ การหลอมโอสถของเขามันย่อมจะสมบูรณ์แบบ
แต่ในสายตาของยอดฝีมือที่แท้การหลอมโอสถของเขานั้นมันเต็มไปด้วยช่องว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังๆ
เวลานี้แม้แต่ตัวหวู่หยุนเองก็ยังต้องขมวดคิ้วตาม
เขานั้นย่อมรู้ถึงปัญหาการหลอมของหยางเซียง แต่เขาก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนที่ดูคนนับพันพร้อมๆ กันนั้นจะยังสามารถบอกปัญหาออกมาได้แม่นยำปานนี้
คนมากมายปานนี้ แม้แต่ตัวเขายังไม่อาจมองทั่ว แต่เย่หยวนกลับทำได้
คิดมาถึงตรงนี้มันก็คงเป็นจริงแล้ว!
“ผู้อาวุโส ที่ข้าพูดมันมีอะไรผิดหรือไม่?” เย่หยวนบอก
หยางเซียงพยายามเปิดปากขึ้นคิดเถียงแต่มันกลับไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา
หวู่หยุนนั้นหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบกลับมา “ที่สหายหนุ่มเย่ว่ามานั้นมันไม่ผิดแน่แล้ว! เพียงแค่ว่าจะบอกว่าปัญหานี้มันเกิดมาจากรากฐานตื้นเขินก็คงเกินไปใช่หรือไม่? หยางเซียงนั้นเองก็เป็นระดับผู้อาวุโสของโถงโอสถ มีหรือที่เขาจะมีปัญหาเช่นนั้นได้?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งรีบร้อนไป คนของโถงโอสถนั้นมันมีปัญหาที่รากฐานนี้แทบทั้งสิ้น หลังจากข้าบอกจุดด้อยของพวกเขาไปแล้ว ข้าจะค่อยพูดถึงทางแก้อีกครั้ง”
…………………