บทที่ 1294 พึ่งพาตนเอง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,294 พึ่งพาตนเอง

หลินเป่ยเฉินกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ตัดสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใย

ไม่มีความเสียใจแม้แต่น้อย

เขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าฉินโซวไม่ใช่คนดี

แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นบุคคลชั่วร้ายถึงเพียงนี้

ภรรยาเก่าตายได้เพียงไม่กี่วัน ก็แต่งภรรยาใหม่เข้าคฤหาสน์ อีกทั้งยังไม่สนใจชีวิตของลูกน้อย มิหนำซ้ำ ยังทำร้ายพ่อตาแม่ยาย แล้วหลินเป่ยเฉินยังจะทำอะไรได้อีก?

หากคบหาสมาคมกับบุคคลเช่นนี้ต่อไป ยังจะมีอะไรให้น่าเชื่อถือ?

หากให้ชิงเล่ยทำงานในหอการค้าคนแคระเทวะต่อไป มีผู้ใดรู้บ้างว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นเมื่อใด?

มีผู้ใดรู้บ้างว่าสักวันหนึ่งฉินโซวจะทรยศเจี๋ยนเซียวเหยาหรือไม่?

วันหนึ่งวันใดข้างหน้า เมื่อผลประโยชน์บังตา ฉินโซวย่อมยินดีทรยศต่อหลินเป่ยเฉินกับชิงเล่ยโดยไม่ลังเล

เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

ไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุคคลชั่วร้ายเช่นฉินโซวอีก

และกล่าวตามความเป็นจริง หลินเป่ยเฉินไม่ได้เป็นฝ่ายตักตวงผลประโยชน์จากฉินโซวมาตั้งแต่แรก

ในทางกลับกัน ฉินโซวคือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการล่าสัตว์อสูรของหลินเป่ยเฉิน และหอการค้าคนแคระเทวะก็ทำกำไรได้มากกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

“เหตุไฉนคุณชายถึงเป็นเช่นนี้”

ฉินโซวมีสีหน้าอับอาย พยายามสะกดกลั้นความโกรธแค้นในจิตใจ “ท่านลืมแล้วหรือว่าพวกเราแบ่งปันผลประโยชน์กันมากมายเพียงใด เหตุไฉนถึงต้องไปสนใจไยดีผู้อื่นด้วย? นับตั้งแต่ที่ท่านได้รู้จักข้า ข้าก็เคยช่วยเหลือท่านไม่ใช่น้อย แล้วเหตุใดคุณชายถึงต้องทำเช่นนี้? เหตุใดจึงต้องสนใจคนที่ตายไปแล้วด้วย?”

“สำหรับเจ้า นางอาจเป็นเพียงคนตายผู้หนึ่ง”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับเสียงเรียบ “แต่สำหรับข้ากับชิงเล่ย นางยังคงเป็นสหายของเราอยู่เสมอ”

“โฮะโฮะโฮะ คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าคุณชายเจี๋ยนเซียวเหยาจะเป็นผู้ที่รักในความยุติธรรมถึงเพียงนี้ ข้าน้อยยินดีขออภัยต่อท่านผู้เฒ่าทั้งสอง ข้าน้อยยินดีมอบเงินให้แก่ครอบครัวของฮันหลาน และยินดีกลบฝังร่างของนางอย่างสมเกียรติ อีกทั้งข้าน้อยยัง…”

ฉินโซวยังพยายามหาทางแก้ไขสถานการณ์

“พอได้แล้ว”

หลินเป่ยเฉินกล่าวตัดบท “พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าไม่อยากเสียเวลา อย่าลืมส่งร่างของแม่นางฉู่กลับไปให้ครอบครัวของนางด้วย และนับจากวันนี้ไป เจ้ากับข้า พวกเราขาดกัน”

ชายอ้วนเบิกตาโตและกล่าวว่า “หากข้าไม่ยินยอมเล่า?”

หลินเป่ยเฉินตอบด้วยเสียงเย็นชา “ไม่ยินยอมอย่างนั้นหรือ? ฮ่า ๆๆ เจ้าก็รู้ ข้าไม่ใช่คนดีแต่ไหนแต่ไร ข้ามีอยู่หลายวิธีที่จะจัดการเจ้าได้อย่างอยู่หมัดทีเดียว”

ฉินโซวกัดฟันกรอด สุดท้ายก็พยักหน้า เค้นเสียงพูดว่า “ประเสริฐ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเห็นผู้อื่นดีกว่าพี่น้องของตนเอง”

หลินเป่ยเฉินไม่ได้ตอบรับคำใดอีกแล้ว

เขาหมุนตัวและเดินออกมาพร้อมกับบิดามารดาของฉู่ฮันหลาน

ทันใดนั้น ฉินโมหลินผู้เป็นหัวหน้าตระกูลฉินคนปัจจุบันมีสีหน้ายิ้มแย้มขณะนำผู้คนเดินออกมาจากคฤหาสน์ “ฮ่า ๆๆ ได้ยินว่าคุณชายเจี๋ยนเซียวเหยามาที่นี่แล้ว ประเสริฐ นี่ถือเป็นเกียรติของตระกูลฉินอย่างยิ่ง… คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อเห็นแก่หน้าบุตรชายของข้า… อ้าว? ผู้คนไปไหนเสียแล้ว?”

ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองไปที่ฉินโมหลินด้วยความเวทนา

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด

“เกิดอะไรขึ้น?”

ในที่สุด ท่านผู้เฒ่าหัวหน้าตระกูลก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ทันใดนั้น พ่อบ้านหนุ่มเอนตัวเข้าไปบอกเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

เมื่อรับฟังจบ ฉินโมหลินก็ถึงกับหยุดชะงักแล้วหันมาถลึงตาจ้องมองบุตรชายร่างอ้วน ก่อนส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “เจ้าลูกทรพี… เฮ้อ น่าเสียดาย น่าเสียดาย เป็นเช่นนี้ข้าจึงพลาดโอกาสที่ดีงามไปเสียแล้ว”

สีหน้าของชายชราแสดงออกถึงความเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง

หลินเป่ยเฉินส่งตัวท่านผู้เฒ่าทั้งสองคนกลับไปยังบ้านพักในพื้นที่เขตสอง หลังจากนั้นก็ทิ้งยารักษาอาการบาดเจ็บเอาไว้ให้แก่น้องชายของฉู่ฮันหลาน เรียบร้อยดีแล้วเขาถึงได้ขอตัวกลับ

ยิ่งได้รับทราบเรื่องราวชีวิตของตระกูลฉู่มากเท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งเศร้าใจมากเท่านั้น

เขาถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

นี่คือสิ่งที่ย้ำเตือนหลินเป่ยเฉิน

ให้พึ่งพาตนเองเสมอ

อย่าฝากความหวังไว้ที่ผู้อื่น

สำหรับแผนการที่เขาต้องการดำเนินในดินแดนทวยเทพ หลินเป่ยเฉินต้องกระทำการด้วยตนเองเท่านั้น

ห้ามพึ่งพาผู้อื่นมากเกินไป

เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู ห้องหับด้านในได้รับการทำความสะอาดแล้ว แต่ชิงเล่ยยังคงไปทำงานที่หอการค้าคนแคระเทวะดังเดิม

หลินเป่ยเฉินรีบเดินทางไปหานางที่นั่นทันที

หญิงสาวยังคงทำงานอย่างขะมักเขม้น หลินเป่ยเฉินกลับเดินเข้าไปจูงมือนางออกมาหน้าตาเฉย

“อุ๊ย ข้าน้อยทำงานอยู่นะเจ้าคะ รอสักครู่ ให้ข้าน้อยได้สั่งงานก่อน…”

ชิงเล่ยเข้าใจผิดคิดว่าหลินเป่ยเฉินมีความต้องการอีกแล้ว สองแก้มจึงแดงระเรื่อขึ้นมา

“ท่านคิดอะไร”

หลินเป่ยเฉินใช้นิ้วจิ้มจมูกของชิงเล่ยเป็นการหยอกล้อ “ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะบอกท่านต่างหาก”

เรื่องสำคัญอย่างนั้นหรือ?

ชิงเล่ยเดินตามหลินเป่ยเฉินไปยังตึกที่พักทางด้านหลัง

หลินเป่ยเฉินบอกเล่าเรื่องราวที่ตนเองตัดความสัมพันธ์กับฉินโซวและกล่าวว่า “ถอนเงินเดือนของท่านออกมาให้หมด แล้วรีบลงนามลาออกจากที่นี่ซะ”

“รับทราบแล้วเจ้าค่ะ”

ชิงเล่ยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

แม้การขึ้นรับตำแหน่งผู้ดูแลหอการค้าจะทำให้นางมีรายได้มากมายมหาศาล แต่หญิงสาวก็ยังคงยอมทำตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินโดยไม่มีเงื่อนไข

หลินเป่ยเฉินลูบเส้นผมที่นุ่มสลวยของชิงเล่ยพลางหยอกเย้าว่า “ช่างเชื่อฟังดีเสียจริง? ท่านไม่คิดสงสัยบ้างหรือ?”

ชิงเล่ยตอบกลับมาว่า “ข้าน้อยไม่เคยคิดสงสัยในตัวท่าน”

หัวใจของเด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด

ในดินแดนแห่งนี้ แม้ผู้คนส่วนมากจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่ก็ยังไม่ขาดแคลนความรักและความยุติธรรม

เมื่อเปรียบเทียบกับฉินโซวคุณชายสูงศักดิ์จากตระกูลผู้ร่ำรวยที่สร้างความชอกช้ำระกำใจให้แก่สตรีจำนวนมาก การเลี้ยงดูที่หลินเป่ยเฉินกระทำต่อชิงเล่ย จึงถือเป็นเรื่องราวที่ดีงามมากที่สุดแล้ว

ไม่มีสิ่งใดจะสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่ชิงเล่ยมีต่อหลินเป่ยเฉินได้

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง”

หลินเป่ยเฉินดึงหญิงสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมอกพร้อมกับกล่าวว่า “เมื่อท่านออกจากหอการค้านี้แล้ว เราจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลฉิน นั่นหมายความว่าท่านกับข้าคงต้องดูแลตนเองกันเพียงลำพังเท่านั้น”

“ไม่ว่าอย่างไร ข้าน้อยก็จะอยู่ข้างกายท่าน”

ชิงเล่ยกล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

และการลงนามลาออกก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

ชิงเล่ยเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในการทำงานเสมอ นางใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วยามสั่งงานเจ้าหน้าที่ในหอการค้าให้เรียบร้อยจนแน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดเสียหาย หลังจากนั้น ชิงเล่ยก็ได้แต่งตั้งให้เซียวจื่อหรานขึ้นเป็นผู้ดูแลหอการค้าคนใหม่ ก่อนตนเองจะเดินจากออกมาพร้อมกับหลินเป่ยเฉิน

เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป สถานีขนส่งแดนสี่ก็เกิดการสั่นสะเทือนขนาดใหญ่

แม้ว่าชิงเล่ยจะเพิ่งขึ้นเป็นผู้ดูแลหอการค้าคนแคระเทวะในระยะเวลาสั้น ๆ แต่นางก็สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนเป็นจำนวนมาก

คิดไม่ถึงเลยว่าหอการค้าคนแคระเทวะในการดูแลของชิงเล่ย ซึ่งกำลังแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งที่กำลังจะเกิดขึ้น สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดฝัน

หลินเป่ยเฉินกับชิงเล่ยเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู

ในเวลาเดียวกันนี้ แอปพลิเคชันสวิ่นเล่ยก็ได้ดาวน์โหลดเสร็จสิ้นแล้ว

หลินเป่ยเฉินกดติดตั้งโดยไม่ลังเล

เขาอยากจะทราบว่าแอปพลิเคชันนี้มีความสามารถอะไรบ้าง

จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินก็ได้รับการติดต่อมาจากเฉียนหลงผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สาม

“กราบเรียนคุณชาย มีข่าวดีกับข่าวดีมาก ๆ มารายงานขอรับ”

เสียงของเฉียนหลงที่ดังออกมาจากกำไลแก้วเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่อาจซ่อนเร้น

“รีบบอกมา ข่าวดีอะไร?”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

“คุณชายอยู่ที่ไหนขอรับ ข้าน้อยจะไปรายงานด้วยตนเอง”

เฉียนหลงตอบกลับมา

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก

ให้ตายสิ อยากตบกะโหลกหมอนี่ผ่านกำไลวิเศษที่ข้อมือนี่จริง ๆ

ทำไมเขาถึงต้องมีแต่ลูกสมุนกวนประสาทด้วยนะ

หลินเป่ยเฉินแจ้งที่อยู่ออกไป

ความจริง เขาพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าข่าวดีเหล่านี้ ต้องเกี่ยวข้องกับยารักษาโรคบุปผามรณะแน่นอน

นี่แสดงว่ายาใช้ได้ผล

แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังต้องรอข้อมูลรายละเอียดอยู่ดี

ดังนั้น ให้เฉียนหลงมาพูดคุยกันแบบเห็นหน้าก็ดีแล้ว

นอกจากนี้ สังเกตได้จากขีดสัญญาณความศรัทธาของเฉียนหลง หมอนี่ก็เป็นคนที่หลินเป่ยเฉินสามารถเชื่อใจได้จริง ๆ

บางที การค้าขายซากสัตว์อสูรต่อจากนี้ คงต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของเฉียนหลงเสียแล้ว

หลินเป่ยเฉินเริ่มวางแผนการคร่าว ๆ อยู่ในใจ

ผู้ที่คิดจะทำธุรกิจการซื้อขายซากสัตว์อสูรในดินแดนทวยเทพนั้น จำเป็นต้องมีเส้นสายใหญ่โตพอสมควร และไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะใช้เส้นทางการซื้อขายซากสัตว์อสูรเหล่านี้ เป็นการกรุยทางสำหรับขายโอสถรักษาโรคบุปผามรณะก็เป็นได้

นี่สินะที่โบราณเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวน่ะ!