ตอนที่ 1892 ปรับแต่งเม็ดยาสำเร็จ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตราบใดที่ทำให้หลิงฮันเสียหน้าต่อหน้าสาธารณะชนได้ ปรมาจารย์จื่อเชิงจะยังผลักดันให้หลิงฮันรับตำแหน่งผู้สืบทอดอยู่อีกงั้นรึ?

อีกฝ่ายจะไม่หวาดกลัวแรงต้านของประชาชนรึอย่างไร?

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้ปรมาจารย์จื่อเฉิงมองพวกเขาไม่ดี แต่ถ้าหากหลิงฮันได้เป็นผู้สอบทอดขึ้นมาจริงๆล่ะก็ พวกเขาคงทำได้เพียงจ้องมองหลิงฮันกลายเป็นผู้ปกครองเมืองวิถีโอสถโดยไม่อาจทำอะไรได้

ภายในห้องหลอมเม็ดยา หลิงฮันฝึกฝนต่อเนื่องโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปอีกครึ่งปี ใบหน้าของหลิงฮันแสดงออกถึงความกังวล ก่อนจะชี้นำเพลิงเก้าสวรรค์เข้าปกคลุมเม็ดยา

เขาเคยล้มเหลวในขั้นตอนนี้มาแล้ว เนื่องจากเขาโคจรพลังของเพลิงเก้าสวรรค์มากเกินไป ทำให้เม็ดยาถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่าน

แต่หลังจากที่ล้มเหลวมาและผ่านการวิเคราะห์มาหลายต่อหลายครั้ง หลิงฮันมั่นใจว่าครั้งนี้เขาจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน

‘ครืน’ เพลิงเก้าสวรรค์ปลดปล่อยคลื่นเพลิงออกมา เม็ดยาถูกตราประทับแห่งเต๋ามากมายพัวพันรอบด้าน และเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกล้ำอย่างไม่คาดฝัน

สำเร็จแล้ว!

หลิงฮันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที กว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ

ต่อให้เวลาภายใต้ต้นสังสารวัฏจะผ่านไปหลายหมื่นปี แต่นั่นก็เป็นเพียงเวลาภายในห้วงความคิดเท่านั้น กระแสเวลาของร่างกายและจิตวิญญาณของเขา ยังคงไหลไปตามเวลาของห้องเร่งเวลา ซึ่งก็คือร้อยห้าสิบปี!

ช่างเป็นเวลาที่ยาวนานยิ่งนัก

แต่โชคดีที่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ทำได้สำเร็จ

หลิงฮันมองไปยังเม็ดยาในมือที่มีลวดลายสีทองพัวพันอยู่ เมื่อเทียบกับเม็ดยาที่ถูกปรับแต่งโดยปรมาจารย์จื่อเฉิงแล้ว ถึงแม้จะมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่ลวดลายบนเม็ดยาที่เขาปรับแต่งเองนั้น เลือนลางกว่าของปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่รู้กี่เท่า

หลิงฮันถอนหายใจ ดังคำที่ว่าขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า ทักษะของเขาเทียบกับชายชราไม่ได้เลยจริงๆ

ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงได้ยินความคิดของหลิงฮันล่ะก็ เขาจะเกรี้ยวกราดจะหนวดกระพือเป็นแน่

คิดว่าเขาอยู่ในศาสตร์ปรุงยามากี่ล้านปีแล้วกัน? ถ้าหากความสามารถของเขาถูกหลิงฮันไล่ตามได้ง่ายๆ ชีวิตของเขาจะไปต่างอะไรกับการผายลม!

ในทางกลับกัน การที่การปรับแต่งเม็ดยาครั้งแรกของหลิงฮันทำได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าน่าอัศจรรย์มากแล้ว ในการปรับแต่งครั้งแรกนั้น แม้แต่ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ยังทำได้ไม่ถึงขนาดนี้

หลิงฮันออกจากห้องหลอมเม็ดยา เมื่อเขากลับไปยังที่พักของตนเอง เขาก็พบสตรีนกอมตะกำลังเล่นอยู่กับเด็กน้อยทั้งสองคน

เมื่อเห็นว่าหลิงฮันเดินใกล้เข้ามา เด็กน้อยทั้งสองก็รีบวิ่งไปหลบด้านหลังสตรีนกอมตะ และชะโงกหน้าออกมามองหลิงฮัน

เด็กสองคนนี้คือเผ่าคนแคระที่ยังหลงเหลืออยู่

หลิงฮันยิ้ม “อะไรกัน พวกเจ้าจำข้าไม่ได้งั้นรึ?”

ถึงแม้ก่อนหน้านี้เด็กน้อยทั้งสองคนจะเป็นเพียงทารก แต่พรสวรรค์ของทั้งสองก็ยอดเยี่ยมกว่าคนทั่วไป เพราะงั้นต่อให้เคยเห็นหลิงฮันแค่ครั้งเดียว ก็ย่อมไม่มีทางลืม

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่เด็กน้อยจ้องมองอยู่สักพัก ทั้งสองก็พุ่งทะยานร่างเข้าหาหลิงฮันทันที โดยที่คนหนึ่งเกาะที่ขาซ้าย ส่วนอีกคนเกาะที่ขาขวา “ท่านพ่อ!”

*干爹 = คือพ่อเลี้ยงนะครับ แต่ผมขอแทนว่าพ่อเฉยๆ*

นี่ข้าไปเป็นพ่อของพวกเจ้าทั้งแต่เมื่อไหร่?

สตรีนกอมตะยิ้มและกล่าว “เหล่ยเอ๋อร์ กับอวี่เอ๋อร์ถามหาเจ้าทุกวันเลย”

เด็กผู้ชายมีชื่อว่าซื๋อเหล่ย ส่วนเด็กผู้หญิงมีชื่อว่าซื๋ออวี่ ที่ทั้งสองถูกตั้งแซ่เช่นนี้ก็เพราะทั้งสองถือกำเนิดมาจากศิลา

*ซื้อ = ศิลา*

หลิงฮันพยายามสะบัดขา แต่เด็กน้อยทั้งสองก็เกาะเขาแน่นราวกับติดกาว เขาต้องกล่าวออกมาอย่างไม่มีทางเลือก “ปล่อยข้า!”

“ไม่!” เด็กน้อยทั้งสองเกาะแน่นไม่ปล่อย

สุดท้ายสตรีนกอมตะก็ต้องเป็นคนมาเกลี้ยกล่อม และอุ้มเด็กน้อยทั้งสองออกไป

หลิงฮันมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่ห้า เพื่อบอกข่าวดีกับปรมาจารย์จื่อเฉิง

“สำเร็จแล้วงั้นรึ?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว

ถึงแม้หลิงฮันจะใช้เวลาเกินกว่าที่มอบหมายให้ไปครึ่งปี แต่ก็ยังถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์อยู่ดี อย่างน้อยเมื่อเทียบกับตัวเขาแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของหลิงฮันก็รวดเร็วยิ่งกว่าหลายเท่า

หลิงฮันพยักหน้าและยื่นเม็ดยาที่ปรับแต่งเสร็จแล้วออกไป “เชิญอาจารย์ตรวจสอบดู”

ปรมาจารย์จื่อเฉิงรับเม็ดยามา แต่เพียงแค่ชำเลืองมอง สีหน้าของเขาก็ต้องชะงักแข็งค้าง

“นี่เป็นเม็ดยาที่เจ้าปรับแต่งสำเร็จเป็นครั้งแรกจริงๆรึ?” ชายชราเอ่ยถาม

หลิงฮันพยักหน้า “ฝีมือของศิษย์ยังหากไกลจากอาจารย์จริงๆ ข้าขออถัยที่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง”

เขารู้สึกผิดหวัง และอับอายอย่างแท้จริง

สีหน้าของปรมาจารย์จื่อเฉิงกลายเป็นปั้นยาก เขาพยายามอดกลั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าว “อืม นับว่าเป็นเรื่องดีที่เจ้าตระหนักถึงฝีมือของตนเอง ถึงแม้พรสวรรค์ของเจ้าจะไม่ได้แย่ แต่ก็ต้องประมาณตนเอาไว้ให้ดี เจ้าถึงจะบรรลุจุดสูงสุดของศาสตร์ปรุงยาได้”

“ศิษย์เข้าใจแล้ว!” หลิงฮันพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี

ชายชรามองไปยองท่าทีผิดหวังของหลิงฮัน และเกือบจะคำรามออกมาว่า ‘เจ้ามันเป็นสุดยอดอัจฉริยะ!’

ถึงแม้หลิงฮันจะปรับแต่งเม็ดยาได้ไม่สมบูรณ์เท่าเขา แต่ว่าเขาคือใครกัน? ปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาว ที่ใช้ห้วงจิตปรับแต่งได้ถึงเจ็ดขั้น!

ที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่พูดสิ่งที่คิดออกไป ก็เพราะไม่อยากทำให้หลิงฮันหยิ่งผยอง ในเมื่อหลิงฮันคิดว่าตนเองทำผลลัพธ์ออกมาได้ไม่ดีอยู่แล้ว เขาจึงเลือกที่จะตามน้ำไปแบบนั้น

“หลังจากนี้อีกสิบวัน จะเป็นวันที่เจ้าถูกแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการ แต่การขึ้นรับตำแหน่งในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งเช่นกัน ในตอนนั้น อาจจะมีใครถามคำถามเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยากับเจ้า หรือเจ้าอาจจะต้องทำการหลอมเม็ดยาเพื่อพิสูจน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะงั้นในไม่กี่วันนี้จงพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่ออยู่ในสภาพที่เพรียบพร้อมที่สุดซะ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว

หลิงฮันพยักหน้า “ศิษย์เข้าใจแล้ว”

หลังจากไม่ได้อยู่กับเหล่าภรรยามาหลายวัน ดูเหมือนจะได้เวลารวบยอดแล้วสินะ

“เจ้าไปได้แล้ว!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงสะบัดมือ

เมื่อหลิงฮันจากไป มุมปากของปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ค่อยๆยิ้มกว้างขึ้น และระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จนหมู่นกมากมายบนภูเขาตื่นตัว

ยอดเยี่ยม… นี่มันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการได้รับเงินหลายแสนล้านศิลาดวงดาวเสียอีก!

เขารู้สึกพึงพอใจกับศิษย์คนนี้เป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เพื่ออนาคตของหลิงฮันแล้ว เขาจำเป็นต้องอดทนห้ามเอ่ยชมหลิงฮันเกินไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงฮันได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอด ศิษย์ผู้นี้ของเขาจะต้องกลายเป็นดาวที่เจิดจรัส ท่ามกลางดวงดาวทั้งหมดอย่างแน่นอน

“ด้วยการที่มีศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ชีวิตข้าจะยังต้องการอะไรอีก?” ชายชรารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ